บทที่ 2214
“โฮ้ย!” เซียวชูหรั่นร้องตะโกนขึ้นมา เพิ่งจะรู้ตัวว่าเยเฉินลอบทำร้ายตนเองกะทันหัน จึงได้รีบเอ่ยขึ้น พร้อมแสร้งทำเป็นตกใจกล้ว “นี่!
อุตส่าห์ใจดีป้อนหมาน้อยกินข้าว แต่ผลสุดท้ายกลับถูกหมาน้อยกัดเข้าซะนี่!”
เย่เฉินอ้าปาก เคี้ยวสตรอว์เบอร์รี่ไป เอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า “ก็ได้ บอกว่าสามีตัวเองเป็นหมาน้อยใช่ไหม งั้นคุณเป็นอะไรล่ะ?”
เซียวชูหรันทำเสียงค้อนใส่เบาๆ ด้วยท่าทีหยิ่งยโส เอ่ยว่า “ฉันเป็นคนป้อนอาหารหมาน้อย แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าของหมาน้อยน่ะสิ!”
เย่เฉินยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ถ้าผมเปีนหมาน้อย งั้นคุณก็คือกระดูกที่ผมคาบอยู่ในปาก…
เย่เฉินเอ่ยด้วยความจริงจัง “คุณไม่รู้เหรอว่าหมาน้อยหวงอาหารเอามากๆ เลย? กระดูกขึ้นเดียวคาบอยู่ในปาก ไม่ว่าฟ้าจะถล่มลงมาก้ไม่
ยอมคลายออก ใครกล้ามาแย่งกับมันนะ มันจะต้องสู้จนเลือดตกยางออก!”
เซียวชูหรันเห็นท่าทางอันจริงจังของเย่เฉิน ก็รู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง เธอเอ่ยขึ้นด้วยความเยินเล็กน้อย “นเมื่อเป็นแบบนั้ งั้นฉันก็จ่ยอม
เป็นกระดูกให้คุณคาบไว้ดีๆ ก็ได้!”
เย่เฉินหัวเราะขึ้นมา เอ่ยว่า “คุณอย่ามั่วแต่พูดสิ กินผลไม้สักหน่อยก่อนเถอะ”
เซียวชูหรันพยักหน้าหงึกๆ หยิบสตรอบอร์ขึ้นมาสองลูกอีกครั้ง เธอยัดใส่ปากเย่เฉินก่อนลูกหนึ่ง จากนั้นค่อยนำลูกที่สองเข้าปากแล้ว
กัดหนึ่งคำ
เย่ฉินมองหน้าจอคอมพัวเตอร์ของเธอ บว่านโปรแกรมออกแบ มีโครงสร้งตัแบบของการดี้ไซน์ขนาดใหญ่มากอยู่ จึงอดไม่ได้ที่
จะเอ่ยถามเธอ “ภรรยา ภาพดีไซน์โครงการก่อสร้างที่ใหญ่ขนาดนี้ ต้องให้คุณทำคนเดียวหมดเลยเหรอ?”
เซียวชูหรันเอ่ยว่า “ไม่ซะที่เดียวหรอก สิ่งที่ฉันตอนนี้คือกาพร่างอันหนึ่ง เพราะตอนที่ประมูลไม่ต้องแบบแผนดีไซน์ที่ละเอิยดมาก
นัก หลักๆ คือต้องแสดงให้เห็นถึงแนวความคิดโดยรวมเท่านั้น”
“รอตอนประมูล ต้องส่งแบบแผนตัไซน์ฉบับนี้ รวมถึงใบเสนอราคาคำนวณงบประมาณการตกแต่งที่ละเอียดสักหน่อยหนึ่งฉบับไปพร้อม
กัน แต่ตอนนี้พนักงานในสตูติโอฉันค่อนข้างน้อย โครงการใหญ่ขนาดนี้ ทุกคนต่างก็ต้องทำงานตัวเป็นเกลียว เพราะงั้นฉันเลยรับผิดชอบ
ออกแบบภาพเป็นหลัก คนอื่นมุ่งความตั้งใจไปที่การรวบรมซัพพลายเออร์ของวัสดุต่งๆ รวมไปถึงคำนวณค่าใช้จ่ายโครงการอย่างละเอียด
ปริมาณวัสดุก่อสร้างถึงจะถือเป็นจำนวนที่เยอะจริงๆ อย่างน้อยต้องติดต่อซัพพลายเออร์หลายร้อยราย จัดการวัสดุเกินกว่าพันชนิด”
เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยขึ้นด้วยความเห็นใจ “คุณเองก็อย่าเหนื่อยเกินไปนะ ต้องระวังพักผ่อนและทำงานให้สมดุลกัน”
เซียวชูหรั่นยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องห่วง แค่ช่วงสองสามวันนี้แหละ ทำงานช่วงนี้เสร็จ รวบรวมเอกสารการประมูลทั้งหมดส่งไป จากนั้นก็รอ
แผนกภายในตี๋หากรุ๊ปพิจารณา ถ้าผ่าน ฉันก็จะได้เร่งขยายทีมงาน ถ้าไม่ผ่าน ก็ถือซะว่าเป็นการฝึกฝนครั้งหนึ่งก็แล้วกัน”
ขณะที่พูด เชียวชูหรันก็เอ่ยขึ้นอีกด้วยความจริงจัง “ถ้โครงการนี้ของฉันสำเร็จ งั้นต่อไปนี้คุณก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนั้น หาเงินเลี้ยง
ครอบครั้วคนเดียวแล้ว”
“ตอนนี้รายจ่ายโดยรวมของครอบครัวเรามีมาก ค่าส่วนกลางของคฤหาสน์หนึ่งปีก็แสนกว่า อย่างอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
“เมื่อก่อนกำไรที่ได้รับของสตูติโอฉัน ล้วนทุ่มให้กับการขยับขยาย ก็เลยไม่สามารถสมทบช่วยเหลือค่าใช้จ่ายภายในบ้านได้สักที ไม่
สามารถแบ่งเบาภาระคุณด้ เพราะงั้นครั้งนี้ฉันต้องพยายามคว้าโครงการนี้มาให้ได้ เพื่อทำความดีความชอบให้แก่ครอบครัวบ้าง!”
เย่เฉินเข้าใจนิสัยของเซียวชูหรันตี เธอไม่เคยสนใจเงินเลยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ปกติก็ไม่ได้มีความต้องการสูงในเรื่องของปัจจัยสื่อะไร
เลย บัดนี้ที่เธอคิดที่จะพยายามสร้างกิจการหารายได้ พูดตามแก่นแท้แล้ว ก็เพื่อครอบครัวนี้
ดังนั้น เขาจึงเอ่ยขึ้นน้ำเสียงอ่อนโยนด้วยความจริงใจว่า “คุณกรรยา ขอบคุณนะ!”
เซียวชูหรันเอ่ยขึ้นด้วยความจริงจัง “ฉันต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก หลายปีมานี้ คุณเป็นคนดูแลครอบครัวมาโดยตลอด ฉันและพ่อแม่
ทุกคนต่างก็เป็นตัวถ่วงคุณทั้งนั้น…”
เยเฉินรีบเอ่ยขึ้น “นี่คุณพูดอะไรของคุณ สามิหาเงินเสี้ยงครอบครัวเป็นสัจธรรมที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่งงานสามปีแรก ผมไม่ได้หาเงิน
มาให้ครอบครัวเลยแม้แต่แดงเดี่ยว ก็แค่ซักผ้า กวาดป้าน กับข้าวอยู่ที่บ้น คุณเองก็ไม่เคยรั่งเกียจผมเลย ตอนนี้ผมจะแบกรับภาระเยอะ
หน่อยจะเป็นอะไรไป”
เซียวชูหนอมยิ้ม และเอ่ยขึ้นมาจากใจจริง “เราสองคนเข้าใจซึ่งกันและก้น. ให้อภัยกันได้แบบนี้ไปตลอดถึงจะสำคัญที่สุด มีความ
หมายกว่าการหาเงินเยอะเลย เหมือนเมื่อก่อน แม้คุณจะไม่ได้หาเงินแม้แต่แดงเดียว แต่ก๊ทำงานบ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอ และยังดูแลฉัน
เป็นอย่างดีในทุกรอบด้านอีกด้วย มันสำคัญกว่าการหาเงินมาอีกนะ”