ในจักรวาลมีแต่ทิวทัศน์พังทลลาย ดาวดวงโตมากมายแตกสลายทลายไปนานแล้ว กลิ่นอายนองเลือดรางๆ อบอวลอยู่ในห้วงอากาศ
ในเมืองจรดฟ้า
เงียบเชียบไร้เสียงไปหมด
ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนต่างสะท้านสะเทือนอยู่ตรงนั้น แววตาเหม่อลอย
ตั้งแต่แดนลับทวยเทพเปิดจนตอนนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในนั้นส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ฝึกปราณที่อยู่ในเมืองทุกคน
และก่อนหน้านี้ไม่นานผู้คนก็เพิ่งได้ยินว่าในการแก่งแย่งที่โบราณสถานทวยเทพนั้น ขุมอำนาจสี่ตระกูลตงหวงที่มาจากน่านฟ้าที่เจ็ดพ่ายแพ้ยับเยิน ถูกหลินสวินเพียงคนเดียวเอาชนะ
จากนั้นข่าวลือเกี่ยวกับหลินสวินก็เหมือนคลื่นปั่นป่วน เรียกเสียงเกรียวกราวในเมืองไม่รู้เท่าไร
ศึกครองสังเวียน เขาสังหารพวกหนานเทียนป้า หนานเทียนเจิง หนานหย่งเชียงอย่างดุดัน สู้จนผู้แข็งแกร่งตระกูลหนานไม่อาจเชิดหน้าชูคอ
ในด่านล่าสัตว์ เหล่าผู้แข็งแกร่งตระกูลลี่อย่างลี่เฮิ่นสุ่ยต่างถูกหลินสวินปลิดชีพหมด อานุภาพดุดันเหลือประมาณ
และในด่านชิงบัลลังก์ หลินสวินยังกลายเป็นบุตรฟ้าเลือกสรร ชิงต้นหงเหมิงหมื่นมรรค สังหารบุคคลชั้นสูงที่มาจากน่านฟ้าที่แปดอย่างพวกฉีหลิงอวิ๋น จงหลีเซียว ชือพั่วจวิน ลิ่นเฟิงและมู่อี้ได้ในคราวเดียว!
ผลงานการต่อสู้แต่ละอย่างล้วนนองเลือดจนทำให้ทุกคนใจสั่น ทั้งเมืองจรดฟ้าถึงกับอึกทึกครึกโครมยกใหญ่ ตามตรอกซอกซอย โรงน้ำชาหอสุราต่างกำลังพูดถึงชื่อของเขา
ใครก็คิดไม่ถึงว่ามกุฎมหาจักรพรรดิที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างหลินสวินจะถึงกับสังหารใหญ่รอบทิศ กำราบเหล่าผู้กล้า สู้เสียจนไม่มีใครกล้ายกตัวเป็นที่หนึ่งในโบราณสถานทวยเทพ!
แต่หลังจากที่ทุกคนถกกันต่างก็รับรู้ว่า จากเรื่องนี้ เกรงว่ายามหลินสวินออกจากโบราณสถานทวยเทพจะต้องประสบเคราะห์ท่วมหัวแน่
ดังคาด คราวเคราะห์เช่นนี้อุบัติขึ้นแล้ว
เพียงแต่ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่ามหาเคราะห์ทลายฟ้าครั้งนี้กลับปิดฉากลงเช่นนี้
แรกสุดระดับอมตะสี่คนที่มาจากสี่ตระกูลตงหวงออกโจมตี แต่กลับถูกหลิงเสวียนจื่อ ศิษย์พี่ของหลินสวินสังหาร ไม่เหลือรอดสักราย
จากนั้นฉีเทียนหลิน ชื่อชางหุน มู่เจียงซาน ตงหวงคงและจงหลีเจวี๋ยที่มาจากน่านฟ้าที่แปดปรากฏตัว แต่กลับถูกคงเจวี๋ยที่จู่ๆ ก็ฟื้นคืนสติฆ่า…
จนกระทั่งต่อมาเห็นว่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหลิงเสวียนจื่อกำลังจะถูกฆ่าตาย แต่เมื่อพลังเจตจำนงของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลปรากฏ มหาเคราะห์นี้กลับถูกขจัดไปโดยสิ้นเชิงอย่างกับหมอกควันสลายไป!
ภาพเหตุการณ์แต่ละภาพน่าตื่นตะลึงได้ปานนั้น ต่อให้ตอนนี้การต่อสู้ในจักรวาลนั้นจะปิดฉากลงแล้ว แต่ผู้ฝึกปราณในเมืองจรดฟ้ากลับยังไม่อาจคืนสติกลับมาอยู่นาน
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ในแดนใหญ่พันศึกแห่งนี้เคยเกิดศึกนองเลือดสะท้านโลกเช่นนี้เสียที่ไหน
ทั้งยังมีใครเคยพบเห็นสถานการณ์น่ากลัวที่ระดับอมตะร่วงหล่นเป็นสายฝนหรือไม่
และทั้งหมดนี้ถึงกับเกิดขึ้นจากหลินสวินคนเดียว ก่อนหน้านี้ใครจะคาดคิดได้
เหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว!
“คีรีดวงกมล… ที่แท้หลินสวินคนนี้ก็เป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล…”
ครู่ใหญ่จึงมีคนทอดถอนใจทำลายบรรยากาศอันเงียบสงัด
“เกรงว่าเรื่องในวันนี้จะก่อให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในโลกยอดนิรันดร์ ถึงอย่างไรกระทั่งสิบยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปดยังเสียคนใหญ่คนโตไปไม่น้อย”
“มิน่าหลินสวินคนนี้ถึงเหิมเกริมได้ปานนั้น ไม่เกรงกลัวขุมอำนาจใหญ่ใดๆ ที่แท้ก็เพราะมีที่พึ่ง พวกเรามองเขาผิดไปหมด…”
“ผ่านศึกนี้ไป ถ้าเขาหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ ความสำเร็จในวันหน้าเกรงว่าคงสูงยิ่งจนไม่อาจจินตนาการ”
“คีรีดวงกมลปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่แน่!”
…ในเมืองจรดฟ้าอึกทึกครึกโครมโดยสมบูรณ์ เสียงอื้ออึงนับไม่ถ้วนดังขึ้น ทุกคนเหมือนกำลังระบายความรู้สึกสั่นสะท้านที่เก็บกลั้นอยู่ในใจมานาน ทำให้เสียงถกเถียงแลกเปลี่ยนดังขึ้นไปทั่ว ทั้งเมืองตกอยู่ในความสั่นสะเทือน
“รอดก็ดี รอดก็ดีแล้ว…”
นกกระจอกเขียวก็ได้ยินข่าวนี้แล้ว จิตใจที่บีบคั้นถึงขีดสุดผ่อนคลายลงโดยสมบูรณ์ เขาไม่ได้สนใจผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอะไรนั่น แค่รู้ว่าขอเพียงหลินสวินรอดชีวิตก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
“เยี่ยมไปเลย!”
หลิ่วเซียงเชวียตื่นเต้นถึงที่สุด เขากับเซี่ยงเสี่ยวหยวนมาถึงเมืองจรดฟ้าก่อน ในใจรู้สึกกระวนกระวายถึงที่สุดมาโดยตลอด ก็ในตอนนี้เองจึงผ่อนคลายลงได้
“ท่านอา คีรีดวงกมลแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่” ในดวงตาเซี่ยงเสี่ยวหยวนวาบประกายประหลาดอย่างต่อเนื่อง
“ใครก็ไม่อาจพูดได้ชัด อาจจะมีแต่พวกยักษ์ใหญ่น่านฟ้าที่แปดเหล่านั้นถึงรู้ถึงความแข็งแกร่งของคีรีดวงกมล” หลิ่วเซียงเชวียเอ่ยทอดถอนใจ
คีรีดวงกมล!
ผ่านศึกนี้ไป เกรงว่าในโลกยอดนิรันดร์จะไม่มีใครกล้าดูถูกคีรีดวงกมลแล้วกระมัง
ในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง อวิ้นหลิวที่มาจากอารามเสียงอสนีเล็กแห่งโลกเสียงอสนีใหญ่กลับขมวดคิ้วขึ้นในยามนี้
ตั้งแต่หลินสวินยังไม่ออกมาจากแดนลับทวยเทพ เขาก็เคยอนุมานไว้ว่าโชคชะตาที่คีรีดวงกมลวางแผนไว้หมื่นกาลนี้ ไม่มีทางอายุสั้นลงเท่านี้
ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ต่างพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาอนุมานไว้ถูกต้อง
แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายดายอย่างที่เขาคาดคิดไว้
สาเหตุก็อยู่ที่หลินสวิน!
อวิ้นหลิวคิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาสุดท้ายนี้ พลังเจตจำนงของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลกลับช่วยแต่หลิงเสวียนจื่อ ไม่มีเจตนาจะแทรกแซงเรื่องของหลินสวินแต่อย่างใด
‘ตัวแปร… ตัวแปร… ดอกบัวดอกนี้ยังเกี่ยวเนื่องกับชะตา ‘มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง’ ใครจะ มองทะลุได้’
ขณะนี้ในใจอวิ้นหลิวเกิดความเลื่อมใสอย่างบอกไม่ถูก จู่ๆ เขาก็รับรู้ได้ว่าเป็นเพราะตัวแปรอย่างหลินสวิน ถึงกับทำให้ทุกอย่างนี้เปลี่ยนไปจนสับสนซับซ้อน ทำความเข้าใจได้ยาก
‘เพียงแต่พวกเจ้าคีรีดวงกมลไม่กังวลว่าดอกบัวดอกนี้จะโรยราลงเท่านี้หรือ…’
อวิ้นหลิวไม่เข้าใจนัก ต่อให้เขาลองฝืนอนุมานดูก็ยังไม่อาจมองทะลุสิ่งใดได้อีก
……
กลางห้วงอากาศไร้สิ้นสุดอันหนาวเหน็บอึมครึม หลินสวินถูกพลังหนึ่งเหนี่ยวนำให้ทะยานท่องไปข้างหน้าอย่างไม่อาจควบคุมได้ ในใจเขาเต็มไปด้วยความขมขื่นและโกรธเกรี้ยว ทั้งยังแค้นอย่างบอกไม่ถูก
เพราะเรื่องของตน กลับทำให้ศิษย์พี่สี่ต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตเพื่อแลกโอกาสรอดมาให้ตน นี่จะไม่ทำให้หลินสวินแค้นได้อย่างไร
‘ตระกูลฝู ตระกูลหวัง ตระกูลฉี ตระกูลชือ ตระกูลจงหลี ตระกูลมู่…’
ในสมองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้านี้ย้อนกลับมา หลินสวินตาแดงก่ำ ความแค้นคับฟ้าจุกแน่นอยู่ที่ทรวงอก ‘วันหน้าข้าต้องเอาคืนทั้งหมดนี้เป็นสิบเป็นร้อยเท่า!’
หลินสวินในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าหลิงเสวียนจื่อไม่ได้ตายไป ทั้งไม่รู้ว่าพลังเจตจำนงที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลทิ้งไว้ในเจดีย์ไร้สิ้นสุดพาหลิงเสวียนจื่อจากไปแล้ว
มิเช่นนั้นความรู้สึกอาจจะไม่ได้เสียการควบคุมขนาดนี้
ตูม!
ทันใดนั้นเสียงระเบิดน่ากลัวราวกับฟ้าถล่มดินทลายระลอกหนึ่งก็ดังขึ้น ก็พบว่าจู่ๆ ในห้วงอากาศไกลลิบมีมือใหญ่มือหนึ่งยื่นคว้าออกมาทางนี้อย่างรุนแรง
มือนั้นใหญ่จนบังฟ้าได้ นิ้วมือทั้งห้าเหมือนเสาค้ำฟ้า ฝ่ามือมีแสงมรรคสุดหยั่งไหวเคลื่อน หากเอาดวงดารามาเทียบกับมันยังดูเล็กจ้อยถึงที่สุด
ปัง!
พลังที่ห่อหุ้มทั้งตัวหลินสวินระเบิดออกทันที จากนั้นตัวเขาก็ถูกซัดกระเด็นถอยหลังออกไป กระอักเลือดออกปาก
เขาเงยหน้าอย่างรวดเร็ว ก็เห็นว่ามีนักพรตเฒ่าที่รูปลักษณ์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเดินมาจากที่ไกลลิบ แววตาเย็นชาน่ากลัว ทั้งร่างโอบล้อมด้วยกฎเกณฑ์มรรคเซียนเป็นริ้วๆ
เป็นมารเทพตี้สือ!
ใจหลินสวินตกไปอยู่ตาตุ่มทันที คิดไม่ถึงสักนิดว่าจะพบกับคนน่ากลัวผู้นี้บนเส้นทางรอดชีวิตที่ศิษย์พี่สี่เอาทั้งชีวิตเข้าแลก
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก ศิษย์พี่เจ้าก็ไม่มีทางช่วยเจ้าได้อีกแล้ว”
มารเทพตี้สือที่มีรูปลักษณ์เหมือนนักพรตเฒ่าเดินเข้ามาในห้วงอากาศ แทบจะในชั่วพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าหลินสวิน ดวงตาจับจ้องหลินสวิน “ในสถานที่บ้าๆ นี่ ไม่ว่าใครมาก็ไม่อาจเปลี่ยนจุดจบที่เจ้าต้องตายได้อีก”
หลินสวินตัวแข็งทื่อ โคจรเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทันที ออกโจมตีประหนึ่งทุ่มสุดชีวิต
ตูม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสาดแสงมรรคไพศาล แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกมารเทพตี้สือยกมือขึ้นดีดกระเด็นออกไปเสียงดังเคร้ง
ภายใต้การถูกโจมตี หลินสวินเลือดลมปั่นป่วน มุมปากกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ศักยภาพต่างกันมากเกินไป ทำให้เขาแทบไม่มีพลังต่อต้าน!
“ข้าถูกกำราบตั้งแต่ยุคก่อนมาล้านปี จนกระทั่งยุคสมัยล่มสลายก็ยังไม่ร่วงหล่น กลับมีโชคในคราวเคราะห์ ได้รับโอกาสรอดมาครั้งหนึ่งในระหว่างที่ถูกกำราบ ต่อให้ตอนนี้ศักยภาพในอดีตยังไม่ฟื้นคืนมา แต่การฆ่าเจ้าตัวจ้อยอย่างเจ้าก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ”
มารเทพตี้สือแววตาเย็นชา เต็มไปด้วยความดูถูก “ข้าจะให้โอกาสเจ้า ส่งตำราหยกศุภโชคกับต้นหงเหมิงหมื่นมรรคมาเสียดีๆ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้พึ่งพา ยกข้าเป็นนาย มีข้าคอยปกครอง!”
แต่ละคำเหมือนอสนีบาตสะท้านห้วงอากาศ พลานุภาพเช่นนั้นกดข่มให้หลินสวินแทบหยุดหายใจ ร่างกายถูกบีบอัดรุนแรง ไม่อาจขยับตัวได้
แต่หลินสวินกลับเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ข้าหลินสวิน ต่อให้ตายก็ไม่ยอมนับถือเฒ่าหมวกเขียวเป็นนาย!”
หมวกเขียว!
คำนี้แทงใจมารเทพตี้สือเหมือนดาบเล่มหนึ่ง ทำเอาใบหน้าชราของเขายังอึมครึมลงไป ประกายน่าตระหนกปะทุขึ้นในดวงตา
“เจ้าเบื่อชีวิตแล้วจริงๆ สินะ!”
เขาพลันยื่นมือออกไปบีบคอหลินสวินไว้ จากนั้นจิตรับรู้อันยิ่งใหญ่ก็พุ่งเข้าไปในร่างหลินสวินอย่างรุนแรงเหมือนพายุคลั่ง
หลินสวินตัวแข็งทื่อ สีหน้าฉายแววเจ็บปวด จิตรับรู้นั้นอหังการน่ากลัวเกินไป เปิดแหวกมรรควิถีในตัวเขา พุ่งไปยังโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ทันทีโดยไม่อาจต้านทานได้สักนิด
“อยู่ที่นี่จริงด้วย!”
ชั่วพริบตา มารเทพตี้สือก็สังเกตเห็นต้นหงเหมิงหมื่นมรรคที่หยั่งรากอยู่ในโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของหลินสวิน แววตาวาวโรจน์ขึ้นทันที
“ถ้ามีสมบัตินี้ รวมกับพลังระเบียบมรรคเซียนของตำราหยกศุภโชค ข้ายังต้องกังวลว่าจะไม่มีทางฟื้นฟูมรรควิถีในอดีตไปทำไม ถึงตอนนั้นยุคสมัยนี้ก็จะสยบอยู่แทบเท้าข้า!”
ขณะที่มารเทพตี้สือพูด จิตรับรู้ก็ไหวเคลื่อนม้วนตลบไปหาต้นหงเหมิงหมื่นมรรค มองเห็นอยู่ว่ากำลังจะถอนรากต้นไม้นี้ขึ้นมาแล้ว
ฉับพลันนั้นประกายคมมืดมิดสายหนึ่งอุบัติขึ้น เผยกลิ่นอายน่าครั่นคร้ามออกมา แทงเข้าใส่จิตรับรู้นี้อย่างรุนแรง
ตูม!
จิตรับรู้นั้นถึงกับถูกระเบิดกระจุย!
มารเทพตี้สือพลันส่งเสียงร้องเจ็บปวด เผยสีหน้าโกรธเกรี้ยว เห็นชัดว่าถูกเหตุไม่คาดฝันนี้เล่นงานโดยไม่ทันตั้งตัว
ก็ในตอนนี้เอง อานุภาพอันน่ากลัวสายหนึ่งตื่นขึ้นจากโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ของหลินสวิน ราวกับความมืดมิดชั่วกาลตื่นขึ้นจากความเงียบสงัด
มารเทพตี้สือคล้ายสังเกตได้ว่าไม่ชอบมาพากล ชักมือที่บีบคอหลินสวินกลับไปแล้วหลบไปไกลทันที
ขณะเดียวกันเงาร่างสูงเพรียวอรชรร่างหนึ่งเดินออกมาจากร่างหลินสวิน ท่ามกลางละอองแสงดำมืดอันไร้สิ้นสุด
นางแต่งกายชุดดำทั้งตัว หมวกคลุมบดบังใบหน้าของนาง ละอองแสงดำมืดเป็นริ้วๆ เหมือนสายรุ้งไหวเคลื่อน ล้อมรอบเงาร่างอันอ้อนแอ้นอรชรนั้นไว้ ขับให้นางเป็นดั่งเทพที่เดินออกมาจากรัตติกาล ลึกลับและน่ากลัว
มารเทพตี้สือหรี่ตาลงเล็กน้อย ผู้หญิงคนหนึ่ง!?
ขณะเดียวกันหลินสวินก็ตาเบิกกว้าง
——