หรือโกรกธารมหึมาสายนั้นจะเป็นทางเข้าเขตผนึกนิรันดร์โรย
หลินสวินใจกระตุก เข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบ
ตูม!
ประกายสายฟ้าสีเทาขาวพวยพุ่ง ตัดสลับไม่ขาดสายกลางห้วงอากาศ เปลวเพลิงที่แผ่กลิ่นอายอันตรายถึงขีดสุดปะทุออกมาเป็นสายๆ
เปลวเพลิงพวกนี้ก็คือเพลิงระเบียบ
หลินสวินเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมาทันที แสงมรรคไพศาลอุบัติขึ้นปกคลุมทั้งร่าง แล้วจึงมองไปที่ห้วงอากาศเบื้องล่างที่เพลิงระเบียบกระจัดกระจายอยู่แห่งนั้น
โกรกธารมหึมาสายหนึ่งแผ่ขยายอยู่กลางทิวเขาไร้พืชพันธุ์ เหมือนถูกมือของฟ้าเบื้องบนแหวกออก ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง ไอพิฆาตถาโถมปั่นป่วนอยู่ในโกรกธาร ต่อให้ใช้จิตรับรู้สำรวจ อย่างมากก็เห็นแค่ทัศนียภาพพันจั้ง
หลินสวินสะกดความต้องการจะเข้าไป เฝ้ารออยู่เงียบๆ
จู้ฮุยเข้ามาในเทือกเขาหลิวร่วงแห่งนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกับเขา และตอนนี้เงาร่างของจู้ฮุยก็กระโจนเข้าไปในโกรกธารมหึมาแห่งนี้ ถ้าในโกรกธารมีอันตรายที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ซุ่มซ่อนอยู่ จะต้องมีความเคลื่อนไหวใหญ่โตแน่
ถึงตอนนั้นหลินสวินที่รออยู่ที่นี่ก็จะสังเกตได้และเลือกโอกาสลงมือทันที
เวลาหนึ่งเค่อผ่านไปเงียบๆ
ในส่วนลึกของโกรกธาร ไอหมอกม้วนตลบ ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด มิหนำซ้ำเงาร่างของจู้ฮุยก็ไม่ได้ถอยออกมา
เห็นชัดว่าถ้าเขตผนึกนิรันดร์โรยอยู่ใต้โกรกธาร เช่นนั้นเป็นไปได้สูงยิ่งที่จู้ฮุยจะเข้าไปในนั้นแล้ว
‘รอต่อไปไม่ได้แล้ว…’
หลินสวินเงยหน้าทันควัน สายตาจับจ้องประกายสายฟ้าสีเทาขาวแน่นขนัดเป็นที่สุด เพลิงระเบียบที่ถักทอและปะทะอยู่ที่นั่นก็มีมากยิ่ง
ครู่ต่อมาเงาร่างของเขาพุ่งออกไปเหมือนแสงเคลื่อนสายหนึ่งทันที พริบวาบเบาๆ ก็มาถึงบริเวณที่สายฟ้าเทาขาวตัดสลับกันแถบนั้น
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่สั่งสมพลังไว้นานแล้วปกคลุมลงมาในทันใด
โครมครืน!
เสียงระเบิดน่าหวาดหวั่นดังขึ้น สายฟ้าสีขาวเงินสายแล้วสายเล่าเหมือนเทพร้ายที่แตกตื่น ถล่มโจมตีหลินสวินอย่างบ้าคลั่ง ประกายสายฟ้าอันน่ากลัวนั้นแสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น
ที่น่าครั่นคร้ามที่สุดก็คือเพลิงระเบียบที่ถูกปกคลุมอยู่ภายในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเกรี้ยวกราดหาใดเทียบ จู่โจมออกมาอย่างบ้าคลั่ง ยากจะสลัดให้หลุด ซัดจนหลินสวินเลือดลมปั่นป่วน รู้สึกแย่จนแทบกระอักเลือด
เขาไม่กล้าร่ำไรสักนิด พุ่งตัวลงไปหาโกรกธารที่อยู่ข้างใต้นั้น ในระหว่างนี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงครั่นครืน สั่นสะท้านรุนแรง ถูกโจมตีชนิดวิปริตถึงขีดสุด
โชคดีที่ยังมีเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งป้องกัน หาไม่แล้วพลังโจมตีเช่นนั้นสามารถสังหารมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างหลินสวินให้เป็นจุณได้อย่างง่ายดาย
กระทั่งเงาร่างหลินสวินกระโจนเข้าไปในโกรกธารด้วยวิธีที่ยับเยินถึงขีดสุด กระแสสายฟ้าสีเงินขาวนั่นถึงหยุดชะงักกลางอากาศ คล้ายว่าโกรกธารนี้เป็นเขตผนึกแห่งหนึ่ง ทำให้พวกมันไม่กล้าข้ามแดน
ฟู่!
ท่ามกลางหมอกที่อยู่ในส่วนลึกของโกรกธาร หลินสวินถอนใจยาว แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬแล้ว
ระเบียบแหลกละเอียดที่เกรี้ยวกราดเช่นนั้นน่ากลัวเกินไป ต่อให้เขามีประสบการณ์มาก่อนก็ยังรู้สึกเหมือนได้ประสบการเฉียดตายอย่างบ้าคลั่ง ระทึกเกินไปแล้ว
แต่สิ่งที่เก็บเกี่ยวได้ก็มหาศาลเช่นกัน
ตอนนี้ภายในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง เปลวเพลิงระเบียบกราดเกรี้ยวเหล่านั้นต่างถูกระเบียบนิพพานกำราบผนึกเอาไว้ ไม่อาจขยับได้แม้สักนิด
หลินสวินนับดูโดยละเอียด มีเพลิงระเบียบอยู่สิบเก้าสาย!
มิหนำซ้ำคุณลักษณะและอานุภาพเช่นนั้นไม่ด้อยไปกว่าเพลิงระเบียบดับสูญที่เขาเคยรวบรวมมาได้ก่อนหน้านี้
หลินสวินระบายยิ้มมุมปาก จากนั้นสายตามองไปยังด้านบนของโกรกธาร ที่นั่นยังมีสายฟ้าสีเทาขาวแน่นตัดสลับ ปะทะกันเป็นเปลวเพลิงตระการตาน่าหวาดผวา
‘รอตอนกลับไปจะต้องเก็บพวกเจ้าให้เรียบเลย!’
หลินสวินเลียริมฝีปาก ถ้ารวบรวมเพลิงระเบียบได้มากพอ นั่นต้องเป็นอาวุธสังหารใหญ่ชิ้นหนึ่ง ต่อให้พบเข้ากับระดับอมตะก็ไม่ต้องกลัวอะไร เผาไปให้หมดก็พอแล้ว
ไม่นานนักเขาก็สลัดความคิดฟุ้งซ่าน จิตรับรู้แผ่ไปยังส่วนลึกของโกรกธารนั้นเหมือนวงคลื่นไร้รูปร่าง
ส่วนเงาร่างของเขาก็เคลื่อนตัวไปด้านล่างอย่างระแวดระวังยิ่งไปด้วย
หนึ่งเค่อ
สองเค่อ
ครึ่งชั่วยาม
หนึ่งชั่วยาม…
เดินทางโดยไม่เผยตัวไปตลอดทาง นอกจากบริเวณที่หมอกหนากว่านั้น ก็ไม่ได้พบอันตรายอะไร แต่หลินสวินกลับรู้สึกกระวนกระวายอยู่กลายๆ
โกรกธารนี้ลึกเกินไปแล้ว เดินทางเข้ามาถึงนี่ก็ออกมาไกลถึงหมื่นจั้งแล้ว แต่กลับคล้ายไม่มีที่สิ้นสุด
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือหลินสวินลองเข้าไปใกล้แนวหินที่อยู่ทั้งสองด้านของโกรกธาร แต่กลับพบว่ามันว่างเปล่าเวิ้งว้าง หาแนวหินอะไรไม่เจอสักนิด
อย่างกับตกลงมาในหุบเหวไร้สิ้นสุด ซ้ายขวาบนล่าง สี่ทิศแปดทางล้วนไม่มีเขตแดนทั้งนั้น
นี่จะน่ากลัวไปแล้ว!
‘เขตผนึกนิรันดร์โรย… นิรันดร์โรย หรือว่าที่นี่เป็นเขตผนึกลึกลับที่บันทึกอยู่ในแผนภาพนั้น’
หลินสวินแววตาวาววาบ
นิรันดร์โรย ก็หมายถึงตกลงมาชั่วนิรันดร์ เข้าใจง่ายนัก แต่พอคิดดูโดยละเอียดกลับพาให้ขนลุกเกรียว
เพราะนี่หมายความว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่โกรกธารแห่งนี้จะลึกจนไม่มีที่สิ้นสุด ไม่เช่นนั้นก็ไม่อาจเรียกว่า ‘นิรันดร์โรย’ ได้
‘ไม่ได้ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว’
หลินสวินยิ่งรู้สึกว่าไม่เข้าที ยามที่คิดจะกระโจนตัวไปข้างบน ย้อนกลับไปตามทางเดิม พลังน่าครั่นคร้ามก็กดข่มลงมาอย่างหนัก ราวกับมีกำแพงแถวหนึ่งปรากฏขึ้นด้านบน ทำให้เขากลับไปไม่ได้
ตรงกันข้ามหลังจากเจอกับพลังกดข่มนี้ ก็ทำให้เงาร่างเขาจมลงฉับพลัน ตกลงไปอย่างแรง!
หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย คราวนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าอย่างไรเรียกเขตผนึกนิรันดร์โรยแล้ว
เพราะพลังกฎเกณฑ์ในที่บ้าๆ นี่ทำให้ใครก็ตามที่เข้ามาไม่อาจกลับไปได้สักนิด มีแต่ตกลงและจมจ่อมไม่หยุด!
ตูม!
ขณะที่หลินสวินหมายจะใช้พลังทั้งหมดและเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งแผ้วทาง ทันใดนั้นในส่วนลึกของโกรกธารก็มีคลื่นต่อสู้ระลอกหนึ่งแผ่ออกมา ปั่นป่วนหมอกควันคละคลุ้งนั้น ซัดสาดอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกันเสียงหัวเราะร่าที่เจือความตื่นตะลึงและบ้าคลั่งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ฮ่าๆๆ ที่บ้าๆ นี่ให้กำเนิดพลังระเบียบดังคาด!”
หลินสวินใจกระตุก นี่ย่อมเป็นเสียงของจู้ฮุยแน่!
คิดถึงตรงนี้เขาโคจรพลังเงียบๆ เก็บเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเข้าไปในร่างแล้วขยับเข้าไปใกล้
โครม!
หมอกหนาทึบอย่างกับคลื่นยักษ์ถาโถม
พอจะเห็นได้กลายๆ ว่ากิ่งต้นไม้ที่หนาใหญ่เหมือนสายโซ่สายแล้วสายเล่ากำลังโบกไหว มีประกายระเบียบสีเทาขาวฉายวาบอยู่ กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามไร้สิ้นสุด
เงาร่างผอมบางร่างหนึ่งสู้กับกิ่งต้นไม้เหล่านี้อย่างดุเดือด
คนผู้นี้แต่งกายชุดดำทั้งตัว กลิ่นอายอมตะเป็นริ้วๆ อบอวลไปทั้งร่าง เป็นจู้ฮุย ทูตท่องสวรรค์ตระกูลจู้
เขาในตอนนี้มีเค้าโครงโลกสีขาวโพลนแห่งหนึ่งลอยอยู่เหนือศีรษะ ยามกิ่งต้นไม้คล้ายโซ่เทพสายแล้วสายเล่านั้นฟาดเข้ามา ก็จะถูกโลกสีขาวโพลนนั้นขวางไว้
ปังๆๆ!
ละอองแสงสาดกระจาย พลังทำลายล้างน่ากลัวแผ่ออก
แม้ว่าโลกสีขาวโพลนนั้นจะสั่นสะเทือนรุนแรง แต่กลับต้านพลังอันน่ากลัวเช่นนั้นไว้หมด
จู้ฮุยที่ได้รับการคุ้มครองอยู่ใต้โลกสีขาวนั้นกลับเข้าไปใกล้กิ่งต้นไม้เหล่านั้นทีละก้าว
พอมองดูดีๆ…
ในมือจู้ฮุยถือยันต์สีขาวโพลนเปล่งประกายชิ้นหนึ่ง บนยันต์มีประกายระเบียบสุดหยั่งไหวเคลื่อนอยู่ เป็นพลังที่ยันต์นี้แผ่ออกมา ควบรวมเป็นโลกสีขาวโพลนใบนั้นและลอยอยู่เหนือศีรษะจู้ฮุย ต้านการสังหารจากกิ่งต้นไม้อันพิสดารเหล่านั้นให้เขา
การต่อสู้ดุเดือดนัก กิ่งต้นไม้แน่นขนัดนั้นดูโล้นเตียน แต่กลับเหมือนโซ่เทพจากนรกเป็นสายๆ สาดพลังระเบียบสีเทาขาวออกมา แปลกประหลาดและน่ากลัว
ระดับอมตะอย่างจู้ฮุย ก็เพราะอาศัยยันต์ลึกลับในมือถึงต้านการสังหารของพลังระเบียบเช่นนั้นได้
“นี่…”
พอบุกเข้าไปใกล้กิ่งก้านเหล่านั้น ดวงตาจู้ฮุยก็เบิกโตทันที
นี่เขามองดูอะไรอยู่
ต้นหลิวแห้งที่แปลงจากพลังระเบียบต้นหนึ่ง!
มันหยั่งรากในความว่างเปล่า เปลือกไม้เก่าเปิดออก ไหม้เกรียมไปทั้งต้น คล้ายในอดีตถูกเคราะห์อสนีไร้สิ้นสุดฟาดผ่า ถึงกับมีสายฟ้าสีเทาขาวหนาแน่นเป็นตาข่ายนับไม่ถ้วนประสานกันรอบๆ ลำต้น
กิ่งก้านของมันโล้นเตียนดุจดาบคล้ายกระบี่ ยามต่อสู้อย่างบ้าคลั่งก็ปราดเปรียวอ่อนนุ่มเหมือนแส้เทพ พลังระเบียบเป็นริ้วๆ โอบล้อมอยู่ด้านบน ทำให้กิ่งก้านเหล่านั้นต่างเปล่งกลิ่นอายสยดสยองพาให้ผู้คนหวาดผวาออกมา
และในสายตาจู้ฮุย นี่เป็นมหาศุภโชคที่บังเอิญพบเจอได้แต่ไม่อาจร้องขออย่างหนึ่ง ในน่านฟ้าที่หกยังเรียกได้ว่าหายากและสูงค่า
ไม่ผิดไปจากความคาดหมาย เป็นไปได้สูงยิ่งที่สิ่งนี้จะเป็นหลิวแห้งที่แปลงมาจากพลังระเบียบระดับปฐพีขั้นเก้า!
ตูม!
ทันใดนั้นแส้กิ่งก้านเป็นสายๆ ก็ฟาดลงมา ซัดให้เงาร่างของจู้ฮุยโซเซ โลกสีขาวโพลนบนศีรษะแทบพังทลาย
เขาหน้าเปลี่ยนสี สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งโดยพลัน สำแดงพลังยันต์ที่อยู่ในมือนั้นออกมา
ชิ้ง!
ยันต์นั้นกลายเป็นพลังระเบียบสีขาวโพลนแวววาวฉับไว ทวนศึกสีเงินขาวเล่มหนึ่งควบรวมกลางอากาศ ถูกจู้ฮุยกระชับไว้ในมือ
พริบตาเดียวอานุภาพของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ด้วยพลังระเบียบระดับปฐพีขั้นเก้าของตระกูลข้า ไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่อาจกำราบมันได้!”
จู้ฮุยคำรามลั่น กระโจนตัวขึ้นไปห้ำหั่นกับต้นไม้แห้งนั้น การต่อสู่ดุเดือดเหมือนพลังระเบียบสองชนิดกำลังสู้กัน ซัดกระแสเชี่ยวทำลายล้างน่าครั่นคร้ามออกมา
จู้ฮุยแข็งแกร่งนัก อหังการดั่งเทพสวรรค์ พลังอมตะทั้งตัวควบคุมทวนศึกสีเงินขาวเล่มนั้น ชี้ฟ้าฟาดดิน ต่อสู้อย่างแข็งกร้าวหาใดเทียบ
แต่เพียงครู่สั้นๆ เขาก็หน้าเปลี่ยนสี
“ไม่ใช่ ระดับของระเบียบหลิวร่วงแห้งนี่ไม่ด้อยกว่า ‘ระเบียบยอดหยิน’ ของตระกูลข้า ถึงกับแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ!” เขาจิตใจปั่นป่วน ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ในใจยิ่งบ้าคลั่งและตื่นเต้น
“หรือจะเป็นระเบียบระดับปฐพีขั้นเก้าที่หายาก หรือว่า… ระเบียบระดับสวรรค์”
จู้ฮุยจิตใจปั่นป่วน ตื่นเต้นเหมือนหมาป่าที่หิวโหยตัวหนึ่ง
โครม!
เขาเหมือนเอาชีวิตเข้าแลก ห้ำหั่นเต็มกำลัง ต่อให้ปากกระอักเลือดไม่หยุด ร่างกายบาดเจ็บไม่ว่างเว้น ก็ยังไม่อาจดับความบ้าคลั่งในใจเขาได้ ตรงข้ามกลับยิ่งตื่นเต้นดีใจ
ต้นหลิวแห้งร่วงนี้ยิ่งแข็งแกร่ง ก็หมายความว่านัยเร้นลับของพลังระเบียบหลังจากสยบมันได้จะยิ่งน่ากลัว!
ไม่นานนัก
จู้ฮุยที่ต่อสู้ดุเดือดก็ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง บาดเจ็บไปทั้งตัว เลือดสดๆ ย้อมกาย แต่เขากลับดูแน่วแน่หาใดเทียบ ท่าทางเหมือนว่าต่อให้ต้องเอาทุกอย่างเข้าแลกก็ต้องกำราบต้นหลิวร่วงนี้ให้ได้
ครืน!
ไม่นานนักต้นหลิวแห้งร่วงนั้นก็สั่นโคลงรุนแรง กิ่งก้านกิ่งแล้วกิ่งเล่าพังทลายกลายเป็นละอองแสงปลิวว่อน ลำต้นหนาใหญ่กลายเป็นสายฟ้าสีเทาขาวบิดเบี้ยวพลุ่งพล่านในอากาศ
นี่จึงจะเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน พลังระเบียบอันลึกลับสุดหยั่งที่สมบูรณ์!
และตอนนี้ใบหน้าชราของจู้ฮุยก็ซีดเผือด เลือดไหลออกมาจากปากอย่างหยุดไม่อยู่ ทั้งร่างยับเยินยิ่งนัก ได้รับบาดเจ็บสาหัสหาใดเทียบ
ศึกนี้แทบจะเอาชีวิตของเขาไป!
แต่เมื่อเขาเห็นพลังระเบียบสีเทาขาวที่เผยรูปลักษณ์ดั้งเดิมออกมานั้น เขาที่บาดเจ็บเจียนตายกลับยิ้มหน้าระรื่น ปากฉีกถึงใบหู…
——