บนเวิ้งฟ้าเก้าหมื่นจั้ง
เส้นทางดาราเขตแดนนั่นยาวไกลมาก กว้างใหญ่เงียบเหงา
เดินอยู่บนเส้นทางดารา หลินสวินรู้สึกถึงความเล็กจ้อยของตนมากเป็นพิเศษ
เมื่อเทียบกับฟ้าดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล โลกเล็กๆ ใหญ่ๆ เหล่านั้นก็เหมือนเศษฝุ่นเม็ดหนึ่ง!
หลินสวินเดินทางเพียงลำพัง
เนี่ยชิงหรง เหลิ่งชิงเสวี่ย เสี่ยวซีล้วนถูกเขาเก็บเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
ในสมบัตินี้เหมือนโลกที่กว้างใหญ่ไพศาล สามารถบรรจุภูผาธาราลำธารมหาสมุทร สุริยันจันทราดารา ในหลายปีมานี้ สมบัติที่ถูกเขารวบรวมได้ล้วนเก็บสะสมไว้ในนี้
อีกทั้งพวกลั่วหลิง ฉีหลิงอวิ๋น หลายปีมานี้ก็ถูกกำราบอยู่ภายในมาโดยตลอด
แน่นอนว่ายังมีมารเทพตี้สือที่กลายเป็น ‘โก่วตั้น’ วัยเยาว์ไปแล้ว…
ในสายตาหลินสวิน โก่วตั้นก็คือเด็กคนหนึ่ง ไม่เกี่ยวอะไรกับตี้สือ ต่อไปหากมีโอกาส ก็จะจัดการอนาคตให้โก่วตั้นสักหน่อย
ประกายดวงดาวไหลเคลื่อน งดงามสะดุดตา
ก้าวเดินบนเส้นทางดารานี้ พลังกฎระเบียบอันน่ากลัวพวยพุ่งเป็นระลอก เกิดพลังกดข่มที่น่าสะพรึงอย่างที่สุด
หากเป็นระดับจักรพรรดิทั่วไปคงยากจะก้าวเดินแม้แต่ก้าวเดียวนานแล้ว
ทว่าสำหรับหลินสวิน พลังกดข่มเพียงเท่านี้ไม่ควรค่าแก่การใส่ใจ
เขาก้าวเท้าคราหนึ่งก็ไกลเป็นร้อยพันจั้ง เสื้อผ้าพลิ้วไหว เหมือนวิญญาณเร่ร่อนก้าวเดินอยู่ในฟ้าดาราอย่างโดดเดี่ยว
อันที่จริงเส้นทางดารานี้ไม่มีพลังชีวิตใดๆ สิ่งที่เห็นระหว่างทางล้วนเป็นฟ้าดาราที่เงียบเหงาและไพศาล
สามวันหลังจากนั้น
ในฟ้าดารา ดาวตกแถบหนึ่งปรากฏ พุ่งตัวเข้ามาราวกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ในนั้นมีดวงหนึ่งเฉียดเส้นทางดาราไป พริบตานั้นหลินสวินรับรู้ได้ถึงความร้อนระอุของดาวตก ราวกับลูกไฟขนาดใหญ่ที่ลุกโหม ปลดปล่อยกลิ่นอายอันตรายหาใดเปรียบออกมา
ชิ้ง!
ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง กระบี่มรรคทะยานออกมา ประหนึ่งสายฟ้ากรีดแหวกห้วงอากาศเป็นแนวยาว ผ่าดาวตกที่พุ่งเข้ามาจนแตกออก
ภายใต้ละอองแสงพรั่งพรู ในดาวตกที่ถูกผ่าออกพลันปรากฏเงาร่างสูงใหญ่สายหนึ่งพุ่งออกมา รูปลักษณ์เหมือนมนุษย์ แต่ร่างกายกลับปกคลุมด้วยลวดลายดวงดาวที่บิดเบี้ยวกระดำกระด่าง ดวงตาทั้งคู่น่าหวาดหวั่นเหมือนดวงดาวที่ลุกโชนสองดวง
ขุนพลวิญญาณดารา!
สิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดน่ากลัวชนิดหนึ่ง
ลือกันว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ร่วงหล่นบนเส้นทางดาราเขตแดน จิตวิญญาณและพลังเจตจำนงที่แหลกละเอียดจะถูกระเบียบของเขตแดนเก็บไป และแปรสภาพเป็นดวงดาวแต่ละดวง
เมื่อผ่านการสั่งสมและหล่อเลี้ยงของกาลเวลา ดวงดาวเหล่านี้จะให้กำเนิดร่างวิญญาณออกมา ซึ่งก็คือ ‘ขุนพลวิญญาณดารา’ นั่นเอง
พวกเขาไม่มีสติปัญญา เป็นเพียงวิญญาณอาฆาตดวงหนึ่ง ไม่ว่าใครคิดจะข้ามเส้นทางดาราเขตแดน ล้วนจะถูกพวกเขาเข่นฆ่า!
ในสามวันนี้หลินสวินพบเจอการจู่โจมเช่นนี้ไม่น้อยกว่าสิบครั้งแล้ว ไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกนานแล้ว
เมื่อกระบี่มรรคพริบไหวเบาๆ คราหนึ่ง
พรูด!
ขุนพลวิญญาณดาราที่พุ่งมาก็ถูกฟันสังหาร สลายหายไป ขณะเดียวกันก็มีหินที่ลายพร้อยสะดุดตาตกลงมา
หลินสวินยื่นมือไปคว้าและเก็บสมบัตินี้ไป
ของสิ่งนี้ขนาดประมาณไข่ห่าน โปร่งแสงวับวาว พื้นผิวมีลวดลายดวงดาวตามธรรมชาติ ภายในสั่งสมพลังชีวิตมหามรรคที่ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ
อิงตามในบันทึกศาสตร์ปกครองทั่วหล้า นี่ก็คือ ‘แกนดาราลายมรรค’ เป็นพลังแกนหลักของขุนพลวิญญาณ
แกนดาราลายมรรคทุกประเภทล้วนประทับพลังมหามรรคที่ต่างกัน หายากอย่างที่สุด หากใช้ในการฝึกปราณ แกนดาราลายมรรคหนึ่งก้อน เทียบได้กับผลลัพธ์ของผลึกต้นกำเนิดจักรวาลหนึ่งแสนก้อน
อีกทั้งสมบัตินี้ยังสามารถหลอมเป็นศาสตราจักรพรรดิได้ เป็นวัตถุดิบเทพตามธรรมชาติ
ตอนนี้หลินสวินรวบรวมได้เก้าก้อนแล้ว จากการสัมผัส เขาพบว่าสมบัตินี้ตอบสนองความต้องการในการฝึกปราณของตนได้อย่างมากจริงๆ
ดังนั้นระหว่างทางนี้เขาถึงขั้นคาดหวังให้ขุนพลวิญญาณดาราปรากฏตัวมากหน่อย
เหตุผลเพราะเส้นทางที่เดินนี้น่าเบื่อเกินไป ห่อเหี่ยวไร้ความน่าสนใจ ทอดสายตามองไป ฟ้าดารากว้างใหญ่เวิ้งว้าง จักรวาลไพศาล กลับมีเขาเดินทางอยู่เพียงลำพัง
เวลาสั้นๆ ยังพอว่า แต่เมื่อนานไปก็จะน่าเบื่อขึ้นอย่างเลี่ยงได้ยาก
สิบวันหลังจากนั้น
ในที่สุดหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล พลังที่กดข่มบนเส้นทางดาราเขตแดนค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น ถึงตอนนี้ทำให้หลินสวินจำต้องโคจรพลังปราณจึงจะสลายพลังกดข่มระหว่างทางได้
‘ดูท่าว่าคงใกล้จะถึงน่านฟ้าที่สองแล้ว…’
หลินสวินกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
……
ในขณะที่หลินสวินก้าวเดินอยู่บนเส้นทางดาราเขตแดน ข่าวเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเขาในน่านฟ้าที่หนึ่งก็กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลมพายุ
น่านฟ้าที่สอง น่านฟ้าที่สาม น่านฟ้าที่สี่…
ทุกๆ น่านฟ้า ยามรู้ข่าวนี้ เหล่าขุมอำนาจใหญ่ที่ยึดครองอยู่ภายในต่างเกิดความสะท้านสะเทือนอย่างอดไม่ได้ เกิดความฮือฮานับไม่ถ้วน
หลินสวิน!
คนร้ายกาจยิ่งยวดที่ถูกมองว่าเป็นนักโทษในประกาศจับอันดับหนึ่งของโลกยอดนิรันดร์ หลังจากเงียบหายไปหลายปีกลับปรากฏตัวในโลกยอดนิรันดร์ ไม่อยากดึงดูดความสนใจยังยาก
ควรรู้ว่าหลายปีที่เขาหายตัวไป ประกาศจับของเขาถูกติดเต็มทุกเมืองเล็กใหญ่ในแต่ละน่านฟ้านานแล้ว
และผลการต่อสู้ในแดนใหญ่พันศึกของเขาก็แพร่สะพัดไปทั่วฟ้าดารา พร้อมๆ กับการปรากฏของประกาศจับแต่ละใบ
จนถึงตอนนี้ คนส่วนใหญ่ล้วนเรียกหลินสวินว่า ‘คนร้ายกาจแซ่หลิน’ แล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เมื่อข่าวที่เขาปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หนึ่งกระจายออกไป ความฮือฮาที่เกิดขึ้นแค่คิดก็รู้แล้ว
และเบื้องหลังของความฮือฮา เผ่าจักรพรรดิอมตะแต่ละตระกูลที่มองหลินสวินเป็นหนามตำใจ ก็เปิดฉากเคลื่อนไหวทันที
ตระกูลเหวิน ตระกูลเหิง ตระกูลจู้ ตระกูลเฮ่อแห่งน่านฟ้าที่หก…
สี่ตระกูลตงหวงแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด
พวกยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด…
ต่างเคลื่อนกำลังผู้แข็งแกร่งภายใต้อาณัติ ทะยานไปน่านฟ้าที่หนึ่งแทบจะในทันที
ส่งผลให้ผู้ฝึกปราณในน่านฟ้าที่หนึ่งล้วนรู้สึกถึงอันตราย เพราะในช่วงที่ผ่านมาคนใหญ่คนโตที่มาเยือนจากน่านฟ้าชั้นบนมีมากเกินไปจริงๆ กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ล้วนมาเพราะหลินสวินคนเดียว!
เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะที่ไม่มีความแค้นกับหลินสวิน แต่จับตามองความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทั่วหล้าอยู่ตลอดเวลายังลอบตกใจ
สถานที่ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของบรรดาเผ่าจักรพรรดิอมตะอย่างน่านฟ้าที่หนึ่ง ตอนนี้เพราะการปรากฏตัวของหลินสวิน ได้กลายเป็นแหล่งรวมผู้โดดเด่นไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!
น่าเสียดาย…
แม้ขุมอำนาจใหญ่ที่มาจากน่านฟ้าชั้นบนจะมากแค่ไหน สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว
เพราะหลินสวินได้เดินทางไปยังเส้นทางดาราเขตแดนนานแล้ว แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าฐานะถูกเปิดโปงไปแล้ว ทั้งยังทำให้เกิดความแตกตื่นขนาดนี้
และก็เป็นสองเดือนหลังจากนั้น เมื่อไปถึงน่านฟ้าที่สอง หลินสวินถึงสังเกตเห็นความผิดปกติของสถานการณ์
เขาไม่ต้องเสียเวลาไปสืบก็รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้แล้ว
โดยเฉพาะหลังจากรู้ว่าเผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้นได้เปิดฉากเคลื่อนไหว หมายจะเล่นงานตน หลินสวินจึงตัดสินใจทำเรื่องหนึ่งโดยพลัน…
ตอบโต้!
ของเพียงเป็นเผ่าจักรพรรดิอมตะที่ยึดครองอาณาเขตอยู่ในน่านฟ้าที่หก รวมถึงน่านฟ้าที่เหนือกว่า ขุมอำนาจของพวกเขาล้วนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในน่านฟ้าที่พวกเขาอยู่
อำนาจอิทธิพลของพวกเขาแผ่อยู่ในน่านฟ้าที่หนึ่งถึงห้าด้วย
อย่างสำนักศึกษาสองลักษณ์ เบื้องหลังมีตระกูลหง ตระกูลเฮ่อ ตระกูลจู้สนับสนุนอยู่
และในน่านฟ้าที่สอง สำนักศึกษาเก้าทมิฬที่ถูกยกย่องว่าเป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งของน่านฟ้านี้ เบื้องหลังก็มีเผ่าจักรพรรดิอมตะสิบกว่าตระกูลหนุนอยู่!
ในนั้นมีเผ่าจักรพรรดิอมตะอย่างพวกตระกูลเหวิน เหิงและเฮ่อเป็นต้น
การตอบโต้ของหลินสวิน ก็เริ่มขึ้นที่สำนักศึกษาเก้าทมิฬ
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น
ข่าวที่นองเลือดหาใดเปรียบแพร่สะพัดไปทั่วน่านฟ้าที่สอง…
“ในสำนักศึกษาเก้าทมิฬ ผู้อาวุโสระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสิบเก้าคน ผู้ดูแลระดับจักรพรรดิขั้นแปดสามสิบเจ็ดคน อาจารย์ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดหนึ่งร้อยเก้าคน ล้วนถูกตัดหัวภายในคืนเดียว!”
ทันทีที่ข่าวเผยแพร่ออกไป ทั่วหล้าต่างฮือฮา
สำนักศึกษาเก้าทมิฬคือขุมอำนาจอันดับหนึ่งของน่านฟ้าที่สอง เบื้องหลังมีเผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายหนุนอยู่ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่มีใครกล้าล่วงเกิน
แต่ตอนนี้ในคืนเดียว กลับมีคนมากมายขนาดนี้สิ้นชีพพร้อมกัน และถูกตัดหัวไปทั้งหมด นี่น่าอนาถเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เคยมีมาก่อน!
ฐานะของศัตรูก็ถูกคนรับรู้ทันทีที่ข่าวกระจายออกไป
เพราะบน ‘ศิลาหินผลงาน’ ที่สูงใหญ่ตระหง่านที่สุดของลานประลองใจกลางแห่งสำนักศึกษาเก้าทมิฬ ถูกคนใช้เลือดสดๆ เขียนตัวอักษรใหญ่สง่างามเอาไว้บรรทัดหนึ่ง
‘หลินสวินมาเยือนที่นี่!’
ใต้อักษรเลือด คือศีรษะที่กองเป็นภูเขาเล็กๆ ล้วนเป็นของเหล่าคนใหญ่คนโตที่ถูกฆ่า
ภาพนองเลือดหนาวเยือกนี้ทำให้ทั่วหล้าสั่นไหว ต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างไม่มีข้อยกเว้น
สำนักศึกษาเก้าทมิฬจมสู่ความวุ่นวายอลม่าน!
จากนั้นทุกคนจึงพบว่า บรรดาคนใหญ่คนโตที่ถูกฆ่า ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณที่ทำตามคำสั่งเผ่าจักรพรรดิอมตะบางส่วนมาตลอด!
นี่เป็นการแก้แค้นของหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย!
“คนร้ายกาจแซ่หลินผู้นี้เหี้ยมเกินไปหรือเปล่า คนเหล่านั้นเพียงแค่ทำตามคำสั่งเผ่าจักรพรรดิอมตะเท่านั้น ก็ถูกเขาฆ่าตายแล้ว เป็นผู้บริสุทธิ์เพียงไหน”
มีคนไม่พอใจ คิดว่าการกระทำของหลินสวินโหดร้ายเกินไป เป็นการฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ
แต่ไม่นานคำวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้ก็ได้รับเสียงโต้แย้งและวิจารณ์นับไม่ถ้วน
“ดูพวกเฒ่าชราที่ตายไป ตอนมีชีวิตอยู่ใครบ้างที่เป็นคนดี ใครบ้างที่หลายปีที่รับตำแหน่งในสำนักศึกษาเก้าทมิฬไม่ได้ทำเรื่องชั่วสร้างความขุ่นเคืองแก่ฟ้าดิน เพื่อช่วยเผ่าจักรพรรดิอมตะเหล่านั้นค้นหาทรัพยากรฝึกปราณ หลายปีมานี้วิญญาณอาฆาตที่ตายในมือคนพวกนี้ มีไม่ใช่แค่พันหมื่นคน”
“เมื่อก่อนก็เพราะพวกเขามีเผ่าจักรพรรดิอมตะหนุนหลัง แม้สองมือเปื้อนเลือด ผู้คนก็ได้แต่โกรธอยู่ในใจโดยไม่กล้าพูดอะไร แต่ตอนนี้หากใครคิดว่าพวกเขาไม่สมควรตาย หรือพวกเขาตายอย่างผู้บริสุทธิ์ นั่นเรียกว่าตาถั่ว น่าขันสิ้นดี!”
“ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ ข้าถามเพียงประโยคเดียว หรือที่พวกเผ่าจักรพรรดิอมตะไปเล่นงานหลินสวินเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว คนร้ายกาจแซ่หลินทำการโต้ตอบกลับกลายเป็นทำชั่ว บนโลกนี้มีเหตุผลเช่นนี้เสียที่ไหน”
…บนโลกนี้ผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติอยู่ใต้อาณัติเผ่าจักรพรรดิอมตะ ถึงอย่างไรก็น้อยมาก
ที่มีมากกว่าจึงเป็นผู้ฝึกปราณทั่วไปที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เผ่าจักรพรรดิอมตะเหมือนราชันที่สูงส่ง ขี่อยู่บนหัวพวกเขา ยึดทรัพยากรฝึกปราณเก้าในสิบบนโลกนี้
พวกเขาอาจเคารพนับถือเผ่าจักรพรรดิอมตะมาก แต่ลึกๆ แล้วมีหรือที่จะไม่เคยโกรธเคือง
เหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นเพราะหลินสวินนี้ ในสายตาของผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ในโลกเป็นเหมือนพรจากฟ้า ทำให้พวกเขาตื่นเต้นและสะใจ ถึงขั้นอยากให้หลินสวินฆ่าให้มากกว่านี้…
ตอนที่เหล่าผู้แข็งแกร่งในขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิอมตะรู้ข่าวเหล่านั้นก็มาถึงน่านฟ้าที่สองอย่างเร่งรีบ แต่ก็สายไปแล้ว
เพราะคืนที่การเข่นฆ่าปะทุขึ้นนั้น หลินสวินก็ได้จากไปแล้ว ก้าวขึ้นเส้นทางดาราเขตแดนที่มุ่งหน้าไปสู่น่านฟ้าที่สาม
——