อาชญากรส่วนใหญ่ที่ก่อการร้ายนั้น จะเป็นคนที่ตำรวจต้องการจับกุมตัวมากๆ ดังนั้นคนอย่างหลิวจ้านที่สามารถหลบหนีการจับกุมและไม่เคยโดนจับได้มาก่อน เขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดและระแวดระวังตัวมากๆ และรู้จักวิธีหลบซ่อนตัวเอง
ดังนั้น เมื่อเขาเห็นตู้ไห่ชิงแล้ว ถึงแม้เขาจะตื่นเต้นดีใจมากๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าเลย
เขาแกว่งปืนที่อยู่ในมือ และพูดอย่างเย็นชา:”คนที่อยู่ด้านหลังรีบเดินเร็วๆหน่อย อย่าทำตัวชักช้าอืดอาด!”
ตู้ไห่ชิงกับซูจือหยูไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆเลย และรีบเดินตามคนอื่นๆเข้าไปในห้องโถงทันที
เมื่อเห็นว่าตู้ไห่ชิงอยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้ว หลิวจ้านก็ไม่ได้ไปค้นห้องอื่นๆเลย แต่รอจนทุกคนเดินเข้าไปในห้องโถงแล้ว และเดินตามหลังทุกคนเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ปิดประตู
ในเวลานี้ ในห้องโถงมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่และเด็กร่วมๆกันหนึ่งร้อยกว่าคน ทุกคนมองหลิวจ้านด้วยความกลัว และไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรทุกคนหรือเปล่า
ในเวลานี้หลิวจ้านเดินขึ้นไปที่เวทีงานประมูล เขาหยิบไมโครโฟนขั้นมาและพูดอย่างเย่อหยิ่ง:”ทุกท่าน วันนี้พวกเราได้มาเจอกันที่นี่ด้วยวิธีแบบนี้ มันก็เป็นพรหมลิขิตอย่างหนึ่ง ดังนั้นฉันขอแนะนำตัวให้ทุกคนรู้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลิวจ้านกระแอมในลำคอและพูดว่า:”ฉันชื่อหลิวจ้าน เป็นคนชาวเหนือ เป็นนักโทษอาชญากรระดับAที่ตำรวจต้องการตัว ฉันหลบหนีมาถึงจินหลิง คิดไม่ถึงจริงๆว่าตอนซื้อบุหรี่ซองหนึ่งที่หน้าประตูทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ฉันก็ถูกตำรวจค้นพบ ฉันไม่มีทางเลือกก็เลยวิ่งเข้ามาหลบอยู่ที่นี่ และใช้ทุกท่านเป็นตัวประกัน”
หลังจากนั้น หลิวจ้านก็เปลี่ยนคำพูด:”อย่างไรก็ตาม ทุกท่านไม่ต้องหวาดกลัว ฉันขอยืนยันว่าฉันไม่ต้องการเงิน และไม่ต้องการฆ่าคนด้วย ฉันหวังแค่ว่าทุกท่านจะเชื่อฟังและอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ เป็นตัวประกันให้ฉันต่อรองกับตำรวจ เมื่อตำรวจทำตามเงื่อนไขที่ฉันต้องการ ฉันก็หลบหนีและใช้ชีวิตของฉันต่อไป และทุกคนที่จะสามารถออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยเช่นกัน”
คำพูดของหลิวจ้าน ทำให้คนส่วนใหญ่โล่งอกทันที
คนเหล่านี้รู้สึกว่า ถ้าต้องการให้พวกเขาเป็นตัวประกัน พวกเขาก็จะเชื่อฟังและทำตาม รอให้หลิวจ้านได้ในสิ่งที่เขาต้องการ ตัวเองก็จะสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
ตู้ไห่ชิงกับซูจือหยูก็ไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆเลย พวกเธอสองคนก็เหมือนกับคนอื่นๆ แค่รู้สึกว่าตัวเองซวยมากๆ
ก็เหมือนกับตอนที่คุณออกมาถอนเงิน และเจอเหตุการณ์ปล้นธนาคาร ถึงแม้โอกาสที่เป็นไปได้จะน้อย แต่ก็อาจจะเจอเหตุการณ์แบบนี้
ในเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ พยายามรักษาความปลอดภัยของตัวเองให้ได้มากที่สุด
ในเวลานี้หลิวจ้านก็พูดอีกว่า:”เมื่อสักครู่ฉันได้พูดแล้ว ฉันแค่ต้องการทุกท่านให้ความร่วมมือกับฉัน ดังนั้นทุกคนจึงเชื่อฟังและเอาสองมือจับศีรษะไว้ และอย่าคิดที่จะเล่นตุกติกอันขาด ถ้าใครกล้าเล่นตุกติก จุดจบของมันจะเหมือนผู้ชายคนนั้นที่โดนยิงด้วยกระสุนปืน!”
ทุกคนรู้ว่าหลิวจ้านเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนอย่างเลือดเย็น ดังนั้นก็เลยไม่มีใครกล้าเล่นตุกติก
หลิวจ้านยังกังวลว่าไม่สามารถข่มขู่คนเหล่านี้ได้ ดังนั้นเขาก็เลยเปิดเสื้อกั๊กที่มีระเบิดออกมา และพูดว่า:”ฉันเห็นวัยรุ่นอายุยี่สิบสามสิบปีจำนวนมากในห้องนี้ ฉันก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน รู้ว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่ชอบหัวร้อนและหุนหันพลันแล่นได้ง่าย ดังนั้นฉันขอเตือนทุกคน อย่าคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ และอย่าคิดว่าร่วมกันหลายๆคนแล้วจะมีโอกาสจับตัวฉันได้!”
“ฉันยอมรับว่าฉันเพียงคนเดียวอาจจะสู้พวกคุณรวมตัวกันไม่ได้ กระสุนในปืนที่มีอยู่ก็ไม่สามารถฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้ทั้งหมด แต่ระเบิดที่อยู่บนตัวฉัน สามารถระเบิดที่นี่ให้กลายเป็นซากปรักหักพัง มันเพียงพอที่จะฆ่าทุกคนให้ตายไปพร้อมกับฉัน ถึงแม้พวกคุณจะสามารถแย่งปืนไปจากมือของฉัน จากนั้นก็ใช้ปืนยิงฉันให้ตายภายในนัดเดียว แต่ฉันแค่ขยับมือและกดสวิตช์ ก็จะทำให้ทุกคนตายไปพร้อมกับฉันได้ ทุกคนเข้าใจใช่ไหม?”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ ทำให้พวกเขาตกใจและหวาดกลัวมากๆ!
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน หลิวจ้านไม่เพียงแค่มีปืนอยู่ในมือ เขายังมีระเบิดติดตัวมาด้วย!
ร่างกายของทุกคนที่อยู่ที่นี่ถูกสร้างมาจากเลือดเนื้อ เมื่อโดนระเบิดแบบนี้เข้าไป ก็ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตไปได้!
ดังนั้น ในเวลานี้ ความคิดที่จะขัดขืนและต่อต้านในใจของทุกคนก็หมดไปทันที!
แม้แต่ในทีมรักษาความปลอดภัย มีชายหนุ่มหลายๆคนที่เคยเป็นทหารและปลดประจำการมาแล้ว ก็ล้มเลิกความคิดที่จะหาโอกาสพลิกสถานการณ์
สำหรับชายหนุ่มที่เคยเป็นทหาร การจะจับกุมตัวใครสักคนนั้นมันไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ในขณะที่จับกุมตัวคนๆนั้น และต้องแน่ใจว่านิ้วมือของคนๆนั้นไม่ได้ไปกดโดนสวิตช์อันเล็กๆ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้