ถ้าหากอวัยวะภายในใดๆได้รับความสะเทือน ก็จะก่อให้เกิดอาการเลือดคั่งอย่างหนัก

ถ้าเอาแบบรวดเร็ว ภายในไม่กี่นาทีก็สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้

แทบจะไม่มีโอกาสได้ยื้อชีวิตเอาไว้

ในตอนนี้ ตู้ไห่ชิงสูญสิ้นทุกสติการรับรู้แล้ว ทว่าซูจือหยูยังมีสติรับรู้อยู๋ครบถ้วน

เธอรู้สึกได้ถึงแรงกดหนักๆบริเวณหน้าอกของเธอ จนทำให้ลุกไม่ขึ้น พร้อมกันนั้น ทุกส่วนบนร่างกายยังเจ็บปานใจจะขาด ร่างกายของเธออ่อนแรงไปหมด เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน

ในตอนนี้เอง ข้างหลังของเธอก็มีเสียงเปิดประตู

ส่วนหน้าของรถบรรทุกสองคันข้างหลังที่ขับพุ่งชนก็เละจนแทบจำภาพเดิมไม่ได้

แต่ว่าเนื่องจากเบาะคนขับอยู่สูง ดังนั้นคนขับจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

ตอนนี้เอง คนขับสองคนนั้นก็เปิดประตูรถออก แล้วกระโดดลงมาตรวจเช็กสภาพของรถโรลด์รอยซ์

ด้านคนขับรถที่จอดขวางทางเอาไว้ก็กระโดดลงมาเช่นเดียวกัน

ทั้งสี่คนเดินมาดูรถโรลด์รอยซ์พร้อมกัน หนึ่งในนั้นอุทานออกมาว่า “หัวหน้า คุณ…คุณหนูอยู่ในรถด้วย!”

“ว่าไงนะ?!คุณหนูมาอยู่ในรถได้ยังไง?!” คนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้า คือหม่าฉงซิงที่คุณท่านใหญ่ซูไว้ใจมากที่สุด

พ่อของหม่าฉงซินเคยเป็นคนคุ้มกันประจำตัวของคุณท่านใหญ่ซู

ต่อมา เนื่องจากพ่อของเขาอายุมากขึ้น ไม่สะดวกทำหน้าที่คนคุ้มกันต่อ ดังนั้นเขาจึงรับช่วงต่อจากพ่อ กลายมาเป็นคนคุ้มกันประจำตัวของคุณท่านใหญ่ซู

พร้อมกันนั้น เขายังเป็นนักฆ่าในตลาดมืดของคุณท่านใหญ่ซูอีกด้วย

ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งสกปรกและเหตุการณ์นองเลือด ล้วนแล้วแต่เป็นเขาที่เป็นคนลงมือทำตามคำสั่งของคุณท่านใหญ่ซูจนสำเร็จ

ครั้งนี้ เขาได้รับคำสั่งจากคุณท่านใหญ่ซู ให้เก็บตู้ไห่ชิง โดยใช้วิธีเดียวกันกับที่กำจัดพระชายาแห่งยุโรป

ดังนั้นเขาจึงติดต่อหลิวจ้านที่กำลังหนีคดีหัวซุกหัวซุน ผ่านช่องทางใต้ดิน โดยยื่นข้อเสนอว่าจะให้โอกาสเขา จากนั้นถึงได้จงใจวางแผนนี้ขึ้นมา

แต่ว่า เขามอบหมายให้หลิวจ้านจับแค่ตู้ไห่หลิวมาเป็นตัวประกัน แล้วนำตัวมาที่อุโมงค์แห่งนี้ แต่สิ่งที่เขาไม่คิดไม่ฝันก็คือ หลิวจ้านพาคุณหนูซูจือหยูขึ้นมาบนรถด้วย!

ในขณะที่ตกใจ เขาก็รีบพุ่งเข้ามาตรวจสอบ แล้วก็พบว่าซูจือหยูนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถจริงๆ!

ซูจือหยูในตอนนี้ เนื้อตัวซีดขาวไร้สีเลือด ภาพนี้ทำให้หม่าฉงซินลนลานเป็นอย่างมาก

ด้านซูจือหยูเองก็จำหม่าฉงซินได้ รู้ว่าเป็นคนคุ้มกันประจำตัวคุณปู่ ดังนั้นเธอจึงจดจ้องมาที่เขาด้วยสายตาอาฆาต

หม่าฉงซินเป็นพวกที่บุกป่าลุยไฟมาเยอะ ทว่าในวินาทีที่เห็นสายตาของซูจือหยู ในใจเขาก็พลันลนลานขึ้นมาทันที!

เขาหลบสายตาซูจือหยูโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็พุ่งไปที่เบาะคนขับ แล้วตะคอกใส่หลิวจ้านที่กำลังกระอักเลือดออกมายกใหญ่ว่า “ไอ้หลิว! แกบ้าไปแล้วหรือไง?! ใครให้แกพาคุณหนูขึ้นมาบนรถด้วย?! ตอนแรกฉันบอกแกว่ายังไง?! ฉันบอกว่าอะไร!!! ฉับบอกว่าให้จับแค่ตู้ไห่ชิงมาก็พอแล้ว! จับมาแค่คนเดียว ไม่ใช่สองคร! แกแม่งมีสมองหรือเปล่า?!!”

พูดจบ หม่าฉงซินก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราดว่า “หลิวจ้าน แกบอกฉันมาดีๆ ใครเป็นคนสั่งแก ให้แกพาคุณหนูขึ้นรถ?!”

หลิวตอนนี้ตอนนี้เข้าใกล้ความตายเต็มที เขาพยายามลืมตาสุดความสามารถ อ้าปากเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

หม่าฉงซินรีบยื่นหน้าเข้าไป ตะคอกอย่างดุดันว่า “แกจะพูดอะไร? พูดออกมาดังๆ!”

หลิวจ้านพูดออกมาเสียงเบาราวกับเสียงยุง “ฉัน…”

“ฉัน? ฉันอะไร?!” หม่าฉงซินหมดความอดทน ตะคอกด่าออกมาว่า “แกพูดสักทีสิ! ฉันอะไรของแก?!”

หลิวจ้านกำลังจะพูดต่อ แต่ยังไม่ทันเอ่ยพูด จู่ๆก็ส่งเสียงเฮือกอย่างรุนแรง พ่นเลือดสดๆเต็มหน้าหม่าฉงซิน

หม่าฉงซินไม่คิดที่จะเช็ดออก กำคอเสื้อของหลิวจ้าน กัดฟันแล้วพูดว่า “พูดมา!!! พูดออกมาเดี๋ยวนี้!!! ฉันอะไร?!”

หลิวจ้านใช้แรงเฮือกสุดท้าย พูดออกมาว่า “ฉัน…จะ…บอก…ว่า….แม่…มึง…ตาย!”