บทที่ 2374
ซูโสว่เต๋อพูดอย่างกระตือรีอร้น ” คุณสุภาพบุรุษครับ คุณ… คุณหมายความว่าอย่างไร ฉัน… ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูดเลย?”
ในขณะที่พูดนั้น สมองของซุโสว่เต่อก็ทำงานอย่างรวดเร็วไปด้วย
ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเขาไม่มีเจตนาดี ดังนั้นสิ่งที่เขาคิดในใจอวิธีที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากปัญหาได้
ในขณะนี้ ความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในใจของเขาคือการร้องขอความช่วยเหลือ
“ในชั้นนี้ของโรงแรม มีลูกน้องของฉันอย่างน้อยสี่สิบถึงห้าสิบคน และในนั้นก็มีผู้ยอดฝีมือเป็นส่วนมากด้วย ประสิทธิภาพการต่อสู้รวม
กันนั้นน่าทึ่งมาก ไอ้หมอนี้ไม่มีทางสู่ไหวแน่นอน”
“แต่จะว่าไป ไอ้หมอนี้สามารถปรากฏตัวในห้องของตัวเองอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ นั่นหมายความว่า เขาจะต้องมีความสามารถส่วนตัวที่
เหนือคนแน่ๆ!”
“บวกกับคำบอกเล่าที่เกี่ยวกับเขาจากซูจือเฟยและซูจือหยูก่อนหน้านี้ ที่บุคคลนี้สามารถฆ่านินจาชั้นนำของญี่ปุ่นจำนวนมากได้ด้วยต้ว
เอง นิ่แสดงให้เห็นว่าบุคคลนี้มีพลังมหาศาลจริงๆ …
“แม้ว่าลูกน้องของฉันทุกคนรวมตัวกันแล้วจะสามารถเอาชนะเขาได้ แต่ฉันเกรงว่าเขาจะฆ่าฉันในทันทีที่ฉันร้องขอความช่วยเหลือน่ะสิ…”.
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะตะโกนขอความช่วยเหลือในทันที
“แต่ถ้าฉันไม่ร้องขอความช่วยเหลือ แล้วฉันควรทำอย่างไรต่อไป? ถ้าเขาต้องการจะฆ่าฉันขึ้นมาฉันควรทำอย่างไรดี?”
ขณะที่เขากำลังดิ้นรนนั้น ซูรั่วหลีก็ก้าวเข้ามา
ทันทีที่ซูโสว่เต่อเห็นซูรั่วหลี เขาก็อ้าปากค้างราวกับเห็นผี จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงสั่น “รั่…วหลี คุณ…คุณ…คุณมาอยู่นี่ได้
อย่างไร? !”
ซูรั่วหลีมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและถามว่า ” ทำไม? คุณคงผิดหวังที่เห็นฉันยังมีชีวิตอยู่น่ะสิ?”
ชูโสว่เต๋อพูดด้วยความตื่นตระหนก “ร่ำวหลี อย่าเข้าใจผิดเลย เธอเป็นเหมือนเลือดเนื้อของพี่ชายฉัน และเป็นหลานสาวแท้ๆ ของฉัน ฉัน
จะมีเจตนาร้ายต่อเธอได้อย่างไร…”
ซูรั่วหลีกัดฟันและสาปแซ่งเขา ” ชูโสว่เต๋อไม่ต้องมาสแสร้งเป็นคนดีที่นี่! ตระกูลซุปฏิบัติต่อฉันเหมือนฉันเป็นเพียงเครื่องมือในการทำ
สงคราม พวกคุณยายชีวิตของฉันให้กับกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นโดยตรง พวกคุณคิดว่าฉันไม่รู้หรือ? ”
ซูโสวเต่ออธิบายด้วยความวิตกกังวล “รั่วหลี … นั่นไม่ใช่การตัดสินใจของฉัน.. นคือการตัดสินใจของคุณปู่ของคุณเอง…”
ซูรั่วหลีตะคอกอย่างโกรธเคืองทันที ” เขาไม่ใช่ปู่ของฉัน! เขาเป็นแค่ขยะที่โหดร้ายและไร้ยางอาย คอยดูนะสักวันหนึ่งฉันจะฆ่าเขาด้วย
มือฉันเอง!”
เมื่อเห็นว่าซูรั่หลีอารมณ์ร้อนเล็กน้อย เย่เฉินก็พูดอย่างเฉยเมย ” รั่วหลี คุณต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้น ไม่ว่า
คุณจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน มันก็ยากที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในอนาคต!”
ผู้ฝึกหัดธรรมดาจะฝึกแค่ผิวหนังและกล้ามเนื้อเท่านั้น ตราบใดที่พวกเขาฝึกฝนอย่างหนัก นิสัยและอารมณ์ของพวกเขาจะไม่ส่งผลต่อ
ความแข็งแกร่งของตนเองมากนัก
อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ภายในมาตั้งแต่เด็กและเชี่ยวชาญในพลังภายในอย่างซูรั่วหลี จะกลัวปัญหาทางจิตใจมากที่สุด
มิฉะนั้น โอกาสที่จะทำให้ตัวเองเข้าสู่ระบะลำบากนั้นสูงมาก แถมยังยากที่จะฝาฟันไปไดอกด้วย
เมื่อซูรั่วหลีได้ยินคำพูดของเย่เฉิน เธอก็ตั้งสติใหม่และควบคุมอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กล่าวอย่างละอายใจ ” ขอบคุณ
คุณชายเย่ ที่เตือนฉัน ฉันหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว….
ซูโสว่เต๋อได้ยินดังนั้นก็ชี้ไปที่เเฉินและอุทานด้วยความประหลาดใจ ” คุณ…คุณ…คุณแช่เย่เหรอ?!”
เย่เฉินพยักหน้า ” ใช่ ฉันแซ่เย่”
ซูโสว่เต่อพูดออกมาทันทีว่า ” คุณ… คุณคือสมาชิกตระกูลเย่หรือ!?”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็พึมพำกับตัวเอง ” เป็นไปไม่ได้… ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า ตระกูลเยนั้นมีผู้ยดอฝีมือด้วย ….”
พูดจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่เย่เฉินทันที และยิ่งเขามองมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตระหนักว่าชายหนุ่มคนนี้ดูคุ้นหน้าคุ้นตามาก! ดูเหมือน
จะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน!
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงใช้สมองคิดอย่างรอบคอบอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็มีใบหน้าของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขา และใบหน้านี้
ทำให้เขาตกใจในทันที!
เขามองไปที่เย่เฉินและพูดอย่างกะท้นหันว่า “ทำ… ทำไมหน้าคุณถึงดูคล้ายกับเย่ฉางอิงจัง … คุณมีความส้มพันธ์อะไรกับเย่ฉางอิงเห
รอ? !”
เย่เฉินเก็บสีหน้าถากถางแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เย่ฉางอิงเป็นพ่อของฉัน และฉันเป็นลูกชายของเขา เย่เฉิน!”