บทที่ 2401

เย่โจงฉวนในเวลานี้ ไม่มีกะจิตกะใจมากพอที่จะคำนึงถึงเย่ฉางหมิ่นด้วยซ้ำ

เขาในตอนนี้ คนทั้งคนก็ตื่นเต้นอย่างมีอะไรเทียบได้ ในหัวมีเพียงความคิดอย่างเดียว: “ตระกูลซูได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โอกาสที่
ตระกูลเย่จะเหนือกว่าตระกูลซู ก็ใกล้เข้ามาแล้ว!”

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็พูดกับถังซื่อไห่ว่า: “ซื่อไห่ จะต้องติดตามการเคลื่อนไหวของทั้งตระกูลซอย่างใกล้ชิด ในขณะเดียวกันก็แอบส่งคน
ไปที่เมืองจินหลิงเผื่อเอาไว้ด้วยนะ ถ้าหากพวกเขาตามหาถึงตัวเฉินเอ๋อ พวกเราต้องไม่เฝ้าดูด้วยความนิ่งดูดาย!”

ถังซื่อไห่เอ่ยปากพูดในทันทีว่า: “ได้ครับคุณท่าน ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ!”

หลังจากที่พูดจบ ถังซื่อไห่ก็พูดว่า: “คุณท่าน ไม่อย่างงั้นผมไปที่นั่นด้วยตัวเอง!”

เย่โจงฉวนพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง: “นายยังไม่ต้องไป ตัวตนของนายค่อนข้างไวต่อความรู้สึก ถ้าหากในเวลานี้นายไปที่เมืองจินหลิง

ตระกูลซูจะต้องคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเราอย่างแน่นอน ดังนั้นนายก็แค่รอดูสถานการณ์อยู่ที่เนจิง กับฉัน และเฝ้ามองสถานการณ์
เตรียมรับมือ”

“ครับ!”ถ้งซื่อไห่รีบตอบปากรับคำ และเอ่ยปากพูดว่า: “คุณท่าน คุณยังมีอะไรอย่างอื่นที่จะสั่งการหรือเปล่าครับ?”

เย่โจงฉวนกำชับว่า: “ตอนนี้นายแจ้งให้คนอื่นๆ อีกยี่สิบนาทีมาประชุมที่ฉัน นอกจากนี้ ถ้าหากทางเมืองจินหลิงนั้นมีการเคลื่อนไหวอะไร
ก็ตาม จะต้องรายงานฉันในทันที!”

“ครับคุณท่าน!”

เย่โจงฉวนวางสายไปแล้ว ทางเย่ฉางหมิ่นนี้ถึงได้พูดด้วยความรู้สึกน้อยใจว่า: “พ่อ…หนูควรจะทำยังไงดีค่ะ….

เยโจงฉวนถึงได้พบว่า ที่แท้โทรวิดีโอคอลกับเย่ฉางหมิ่นยังไม่ได้วางสาย ดังนั้นจึงเอ่ยปากพูดว่า: “แกก็จัดการได้ง่ายมากไม่ใช่เหรอ?
โทรหาซื่อไห่ ให้เขาจัดการเครื่องบินไปรับแก”

หลังจากที่พูดจบ เย่โจงฉวนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมา และอ้าปากพูดว่า: “ใช่แล้ว เฉินเอ๋อให้ลูกน้องปล่อยตัวของแกออกมาหรือยัง? แก
ไม่ได้เจอกับตัวเขาเลยเหรอ?”

“ไม่ค่ะ….”เย่ฉางหมิ่นพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ห่อเหี่ยวประโยคหนึ่ง

เย่โจงฉวนอือคำหนึ่ง และสั่งการว่า: “อย่างนี้นะ แกโทรหาเฉินเอ๋อ บอกกับเขาสักคำ ก็บอกว่าแกจะกลับแล้ว โทรหาเขาเพื่อที่จะขอโทษ
สำหรับความผิดก่อนหน้านี้ อย่าลืมที่จะบอกอีกว่า หลายวันมานี้อยู่ที่เมืองจินหลิง ก็ทำให้เขาลำบากแล้วนะ”

เย่ฉางหมิ่นพูดอย่างตกตะลึงจนตาค้างว่า: “อะไรนะ?! พ่อ! เขาทำให้หนูแย่ขนาดนี้ พ่อจะให้หนูไปขอโทษเขางั้นเหรอ?”

“อีกอย่าง! เขากักขังหนูอยู่ที่เมืองจินหลิงใช้ชีวิตทุกข์ทรมานหลายวันขนาดนี้ ทำไมยังกลายเป็นว่าหนูทำให้เขาลำบาก?!”

เย่โจงฉวนพูดด้วยน้ำเสียเย็นชาว่า: “นิสัยของแกต้องปรับเปลี่ยนจริงๆ ครั้งนี้แกไปที่เมืองจินหลิง เรื่องราวมากมายเดิมที่ก็จัดการได้มี
ปัญหา ขอโทษเฉินเอ่อก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกที่แกทิ้งไว้ให้เฉินเอ่อแย่มาก สิ่งนี้สำหรับเขาที่จะกลับสู่ตระกูลเย่ของพวก
เรา อาจจะก่อให้เป็นอุปสรรคใหญ่หลวง ถ้าหากแกไม่คิดหาทางทำให้เขาละทิ้งอคติ จากนี้ไปอย่าว่าแต่เฉินเอ๋อ ฉันก็ไม่มีทางยกโทษให้แก!”
เย่ฉางหมิ่นทั้งคนแทบจะอกแตกตาย

แต่ทว่า เธอนึกถึงน้ำเสียงเมื่อกี้นี้ของเโจงฉวน ก็รู้ว่า ถ้าหากตัวเองไม่ทำตาม คุณท่านคงจะไม่มีทางยกโทษให้ตัวเองอย่างแน่นอน
ดังนั้น เธอทำได้เพียงพูดอย่างโกรธเคืองว่า: “ก็ได้…หนูจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้….

“อือ แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย”เย่โจงฉวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ และพูดว่า: “เอาล่ะ ก็ตามนี้แล้วกัน ฉันจะเตรียมตัวไปประชุมแล้ว”
หลังจากที่พูดจบ คุณท่านก็วางสายวิดีโอคอล

เย่ฉางหมิ่นเช็ดน้ำตาไปด้วย หาเบอร์โทรของเย่เฉินเจออย่างไม่พอใจไปด้วย และโทรหาเขา

ในขณะนี้ เย่เฉินกำลังตัดต่อวิดีโออยู่ สายของเย่ฉางหมิ่นก็โทรเข้ามาอย่างกะทันหัน เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยัง
รับสาย

“ฮัลโหล”

เมื่อเย่ฉางหมิ่นได้ยินน้ำเสียงที่เยือกเย็นของเย่เฉิน ในใจก็โกรธก็ยิ่งมากขึ้น แต่ปากกลับไม่กล้าตัดญาติขาดมิตรอะไรทั้งนั้น ทำได้เพียง
พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “เฉินเอ่อ ฉันคืออาของนายนะ….”

เย่เฉินถามอย่างเยือกเย็นว่า: “มีเรื่องอะไร?”

เย่ฉางหมิ่นรีบพูดว่า: “อาโทรมา คืออยากจะขอโทษนาย…ครั้งนี้มาที่เมืองจินหลิง เป็นอาที่ไม่มีความมั่นใจในระดับที่ดี ทำให้นายเดือด
ร้อนไม่น้อย และก็ทำให้นายโกรธไม่น้อยด้วย ยังหวังว่านายจะสามารถยกโทษในครั้งนี้ให้กับอาด้วย”

จากนั้น เขาก็กำชับอีกว่า: “อีกอย่างคือ คืนนี้อาก็จะกลับไปที่เย่นจิงแล้ว ช่วงนี้ทำให้นายลำบากแล้วจริงๆ”

เย่เฉินคาดไม่ถึงว่า อาคนนี้จะโทรศัพท์มาพูดดีกับตัวเอง

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นหลังจากที่เธอได้รับอิสรภาพกลับคืนมาด้วย

ว่ากันตามหลักแล้ว อาคนนี้ไม่น่าที่จะกลับเนื้อกลับตัวใหม่จริงๆ