บทที่ 2408

“คนอย่างเขา จะปล่อยให้ตัวเองอยู่ในประเทศลดระดับมาเป็นนักโทษเหรอ?”

“แกต้องรู้ว่า เดิมที่เขาก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสิบปี ถ้าเกิดถูกตัดสินจำคุกสิบปีขึ้นไป งั้นชาตินี้ก็ทำได้เพียงแก่ตายอยู่ในคุกเท่านั้น!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมไม่หนีออกไปล่ะ?”

“ตราบใดที่หนีออกไป ด้วยระดับทรัพย์สินของเขา สามารถใช้ชีวิตที่สุดสบายมากได้ทุกที่ในโลก!”

“สละตำแหน่งผู้นำตระกูลซูออกก็ไม่เห็นจะเป็นไร ต่อจากนั้นตัวเองก็เกษียณอายุก่อนกำหนด และใช้ชีวิตวัยชราในสิบกว่าปีนี้อย่างมี
ความสุข”

“รอหลังจากที่ตายแล้ว ค่อยให้คนในครอบครัวส่งร่งของเขากลับไปยังประเทศ และฝังไว้ในหลุมศพของบรรพบุรุษของตระกูลซู ก็
ถือว่ากลับคืนสู่มาตุภูมิของตนเอง แบบนี้ ก็ไม่ต้องติดคุกสักวัน”

เมื่อเย่ฉางโคงฟังถึงตรงนี้ ถึงได้รู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน

ดังนั้น เขาพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า: “พ่อ พ่อไตร่ตรองได้อย่างรอบด้านกว่า…

เย่โจงฉวนถอนหายใจเล็กน้อย และแอบพูดในใจ: “จำเป็นต้องบอกว่า ลูกชายหลายคนนี้ของฉัน ก็มีแค่ฉางอิงที่ฉลาดมากอย่างแท้จริง ที่
เหลือสามคนนี้ ไม่มีข้อดีอะไรสักอย่างจริงๆ”

ขณะที่ในใจของเขาถอนหายใจลึกๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

ด้วยฐานะของเย่โจงฉวน รู้เบอร์โทรของเขาสามารถที่จะโทรหาเขาโดยตรงได้ นอกเหนือจากคนในครอบครัวแล้ว อาจจะไม่เกินสิบคน
ดังนั้นในขณะที่โทรศัพท์ดังขึ้น เขาก็ยังค่อนข้างแปลกใจ

เมื่อก้มหน้ามองดู เยโจงฉวนก็หัวเราะออกมาในทันที

“ฮ่าๆๆ! เป็นซูเฉิงเฟิงนี่เองที่โทรมา ไอ้แก่นี้ โทรหาฉันดึกขนาดนี้ ไม่รู้ว่าวางแผนอะไร!”

คนอื่นอีกหลายคนก็อยากรู้ขึ้นมาในทันที

ต้องรู้ว่า ตระกูลซูและตระกูลเย่ ปกติแทบจะไม่มีการติดต่ออะไรกันเลย โดยเฉพาะทั้งผู้นำตระกูลของทั้งสองตระกูล ต่างก็ถือว่าอีกฝ่าย
เป็นหนามยอกอกของกันและกัน

การเจรจาของก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการแบ่งเขตแดนบางส่วน ก็ไม่ใช่ทั้งสองคนที่เจรจากันเอง แต่ป็นว่าต่างคนต่างส่งมอบลูกหลานของ
ตัวเอง

ตอนนี้ ซูเฉิงเฟิงโทรหาเย่โจงฉวนอย่างกะท้นหัน ทุกคนก็อยากจะรู้มาก ซูเฉิงเฟิงต้องการทำอะไรกันแน่

เย่โจงฉวนรับสาย แล้วเปิดลำโพง เสียงของซูเฉิงเฟิงมาจากปลายอีกด้านของโทรศัพท์: “โธ่เยพี่เ! ไม่เจอกันหลายวัน ไม่รู้ว่าช่วงนี้พี่เย่
กำลังยุ่งอยู่กับอะไร?”

เย่โจงฉวนแสยะยิ้ม และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “โธ่เยซูเฉิงเฟิง ในเวลานี้ก็อย่ามาใช้เล่ห์เหลี่ยมทักทายเกรงใจนั้นอีกเลย มีเรื่องอะไรนาย
พูดมาตรงๆ”

ซูเฉิงเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “เอาล่ะ! ในเมื่อพี่เย่ก็มีความสุขขนาดนี้ งั้นผมก็จะไม่เซ่าซี้กับพี่แล้ว ผมโทรมา คือหวังว่า
พี่เย่สามารถที่จะช่วยเหลือผมได้!”

เย่โจงฉวนพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ขอความช่วยเหลือจากฉันเหรอ? ช่วยอะไรเหรอ?”

ซูเฉิงเฟิงถอนหายใจ และพูดอย่างจริงจังว่า: “พี่เม่ ผมรู้ว่าในอดีต ผมเคยทำให้ขุ่นเคืองใจมากจริงๆ แต่ว่าครั้งนี้น้องชายอย่างผมประสบ
กับปัญหาเล็กน้อย ดังนั้นยังหวังว่าพี่สามารถที่จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่า ช่วยผมลบวิดีโอนั้นที่เกี่ยวข้องกับตระกูลซู
ของพวกเรา บนแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นของพวกพี่ให้หมดเกลี้ยง”

เย่โจงฉวนแกล้งทำเป็นประหลาดใจแล้วพูดว่า: “ปัดโถ่ คือต้องการให้ฉันลบวิดีโอนั้นทิ้งเหรอ?”

“ใช่!”ซูเฉิงเฟิงพูดอย่างรวดเร็ว: “ไม่รู้ว่าพี่เย่จะสามารถช่วยได้หรือเปล่า? ถ้าได้ช่วยได้ พี่เย่เสนอราคามาได้เลย!”

เย่โจงฉวนยิ้มเล็กน้อย และพูดเกินจริงว่า: “โธ่เอ๊ย ซูเฉิงเฟิง ฉันพูดจากใจเลยนะ แกอย่ามัวแต่ฝันกลางเลย!”