บทที่ 2412
สีหน้าท่าทางของพ่อบ้านหวาดกลัว และอ้าปากพูดว่า: “คุณหมายถึง ครั้งก่อนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น บุคคลปริศนานั้นช่วยคุณหนูใหญ่ ครั้งนี้
ที่เมืองจินหลิง เขาก็ยังเป็นคนที่ช่วยคุณหนูใหญ่งั้นเหรอ?!”
“ใช่!”ซูเฉิงฟิงพยักหน้า และอ้าปากพูดว่า : “ตอนนี้ฉันก็มีความรู้สึกแบบนี้! ฉันรู้สึกอยู่เสมอว่าจือหยูไม่ตาย! ถ้าหากเธอยังมีชีวิตอยู่ งั้นคน
ที่ช่วยเธอ ก็ต้องเป็นบุคคลปริศนาที่เคยช่วยเธอมาครั้งหนึ่งก่อนในประเทศญี่ปุ่น!”
พ่อบ้านถามอย่างค่อนข้างไม่เข้าใจ: “คุณท่าน ถ้าหากคนที่งการอยู่เบื้องหลังของเมืองจินหลิงในครั้งนี้ เป็นบุคคลปริศนาคนนั้นจริงๆ
งั้นเขาช่วยคุณหนูใหญ่ผมพอจะเข้าใจได้ แต่เขาตั้งใจลักพาตัวท่านชายรองไปเพื่ออะไร?”
ซูเฉิงเฟิงเอ่ยปากพูดว่า: “ลักพาตัวโสว์เต๋อ น่าจะต้องการล้างแค้นระบายความโกรธแทนบ้านแม่ของจือหยูมั้ง? เนื่องจากว่า โสว่เต๋อเป็น
ตัวแทนของตระกูลซูไปจัดการเรื่องนี้ที่เมืองจินหลิง ลงมือกับเขาก่อนก็ย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดายที่สุด”
พ่อบ้านพูดอย่างลังเลว่า: “บุคคลปริศนาคนนั้น ทำไมดีกับคุณหนูใหญ่ขนาดนี้ด้วย? ไม่เพียงแต่ช่วยเธอสองครั้ง ยังช่วยเธอระบายความ
โกรธแค้นด้วย?”
ซูเฉิงเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า: “เรื่องนี้ ฉันก็บอกไม่ได้ ถ้าหากการคาดเดาของฉันเป็นความจริง งั้นครั้งนี้ฉันก็เดินหมากได้ไม่ดี
จริงๆ….”
จากนั้น ซูเฉิงเฟิงถอนหายใจ และพูดพืมพำว่า: “ถ้ารู้ก่อนว่าบุคคลปริศนาคนนี้มีความรู้สึกดีต่อจือหยู ตีฉันให้ตาย ฉันก็ไม่มีทางลงมือกับ
ตู้ให่ชิง เนื่องจากว่าเธอเป็นแม่แท้ๆของจือหยู ฉันลงมือกับเธอ ถ้าหากจือหยูยังมีชีวิตอยู่ ชาตินี้ก็ไม่มีทางยกโทษให้ฉัน….
ในชั่วพริบตา สีหน้าท่าทางของซูฉิงเฟิงหงุดหงิดเป็นอย่างมาก และพูดด้วยความเจ็บปวด: “ถ้าหากฉันคาดการณ์ไม่ผิด บุคคลปริศนาคน
นั้น ตอนแรกมีโอกาสที่ตระกูลซูของฉันจะใช้งานได้! แล้วจะก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้อย่างในวันนี้ได้อย่างไร!”
พ่อบ้านรีบถามไถ่ว่า : “คุณท่าน ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นยังมีพื้นที่กอบกู้พลิกสถานการณ์มั้ย?”
“กอบกู้พลิกสถานการณ์?”ใบหน้าแก่ของซูเฉิงเฟิงก็เหี่ยวน และพูดอย่างโกรธเคือง: “ตอนนี้ยังจะกอบกู้พลิกสถานการณ์ได้ยังไง? ฉัน
ขับไล่พ่อของเธอ แล้วก็ลงมีอฆ่าแม่ของเธออีกด้วย ยิ่งพูดจาไม่มีแก่นสารกว่าคือ โสว่เต้าและไอ้หม่าฉงซิงที่สมควรตาย ก็โยนให้ฉันเป็นแพะรับ
บาปเรื่องจือหยูแล้ว จือหยูจะยกโทษให้ฉันได้ยังไง? เธอไม่ต้องการชีวิตของฉัน ฉันก็ต้องจุดธูปบูชาแล้ว…
พ่อบ้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบพูดว่า: “คุณท่าน ผมกลับมีความคิดอย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า….
ซูเฉิงเฟิงรีบพูด: “รีบพูดมาสิ!”
พ่อบ้านพูดกระซิบว่า: “ในความคิดของผม ตอนนี้รีบให้คุณชายใหญ่กลับมาดีกว่า! ด้านหนึ่งก็ขอโทษเขา อธิบายว่าคุณลงมือกับตู้ไห่ชิง
ก็เพื่อปกป้องชื่อเสียงของตระกูล สำหรับคุณหนูใหญ่ มีคนต้องการโยนความผิดให้กับคุณอยู่แล้ว! อีกด้านหนึ่ง คุณให้เขากลับมาดำรงตำแหน่ง
เดิมของเขา เท่ากับว่าคุณถอยหนึ่งก้าวเป็นมิตรที่ดีกับเขา”
สีหน้าท่าทางของซูเฉิงเฟิงกลายเป็นแปลกประหลาดเป็นอย่างมากในทันที
ในเวลานี้พ่อบ้านพูดต่อไปว่า: “คุณท่าน ถ้าหากคุณคาดการณ์ได้ถูกต้องถ้าหากคุณหนูใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ งั้นแม่ของเธอคงจะยังมีชีวิตอยู่
อย่างแน่นอน คุณขับไล่ท่านชายใหญ่ไปออสเตรเลียก่อนหน้านี้ วันนี้ก็ไล่คุณชายใหญ่ออกจากตระกูลอีก นี่แทบจะเท่ากับทำให้ทั้งครอบครัวสี่
คนของท่านชายใหญ่ขุ่นเคืองใจไปหมดแล้ว…”
จากนั้น เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และรีบเสริมไปอีกว่า: “อใช่แล้ว ยังมีรั่วหลี! ตอนนี้รั่วหลีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ถ้าหากบุคคล
ปริศนาคนนี้อยู่ในเมืองจินหลิง งั้นผมคาดการณ์ว่าไม่แน่รั่วหลีอาจจะยังมีชีวิตอยู่ ถึงขนาดเป็นไปได้สูงมากที่จะอยู่ข้างกายของเขา….
“ดูเหมือนว่า คุณท่านคุณทำให้ขุ่นเคืองใจ ก็คือทั้งครอบครัวห้าคนของพวกเขา…”
“ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณท่านในตอนนี้ก็คือรีบจัดการแก้ไขปัญหาทีละอย่างและพยายามจนถึงที่สุดกอบกู้พลิกสถานการณ์
ตราบใดที่ในทั้งครอบครัวสี่คนของพวกเขา มีคนช่วยคุณพูด คุณก็มีโอกาสที่จะทำลายเกมได้ และไม่ถึงกับจบเกมแล้วตาย!”
ซูเฉิงเฟิงเงียบอยู่เป็นเวลานาน
เขาเข้าใจความหมายของพ่อบ้าน
เขารู้ว่าตัวเองทำให้ทั้งครอบครัวนี้ของลูกชายคนโต ขุ่นเคืองใจมากเกินไปจริงๆ
ถ้าหากเรียกซูโสว่ต้กลับมาเนจิงยอมรับผิดแล้วเป็นมิตรกับเขา ค่อยคืนตำแหน่งทายาทของเขา ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็มีความเป็นไป
ได้ที่จะย้อนกลับ