บทที่ 2429

ในมุมมองเย่เฉิน ตอนนี้ตระกูลซูอยู่ในช่วงเวลาวิกฤตหัวเลี้ยวหัวต่อ ประกอบกับตอนนี้กำลังถูกผู้คนทั้งประเทศรังเกียจ ดังนั้นพวกเขา
จำเป็นต้องเพิ่มความช่วยเหลือใหม่ให้กับค่ายโดยด่วน

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ซูเฉิงเฟิงไปที่ซูหางพอดี ดังนั้นเย่เฉินคาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาเป็นคนผูกมัดใจของอู่ตงไห่ก่อน
ทำให้เขากลายเป็นสุนัขตัวหนึ่งของตระกูลซู

อยู่ในสายตาของตระกูลซูก่อนหน้านี้ คนอย่างอู๋ตงไห ไม่มีทางเข้าสายตาพวกเขาด้วยซ้ำ ต่อให้อู๋ตงไห่เป็นคนวิ่งไปคุกเข่าขอร้องที่เย่นจิ
งด้วยตัวเอง ซูเฉิงเฟิงก็ไม่มีทางให้โอกาสเขาได้พบหน้า

แต่ทว่า ในวันนี้แตกต่างกับในอดีตที่ผ่านมา

ตระกูลซูในตอนนี้หัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่ว่าจะอยู่ที่เย่นจิง หรือว่าอยู่ที่ซูหาง ก็จำเป็นต้องผูกมัดใจเพื่อนร่วมหิมใหม่ ให้ได้มากที่สุดเท่า
ที่จะเป็นไปได้

ดังนั้น เย่เฉินต้องการให้อู่ตงไห่ป็นสายลับของตัวเอง ดูว่าซูเฉิงเฟิงยังจะมีวิธีการอะไรกันแน่

เมื่ออู๋ตงไฟได้ยินคำพูดนี้ ก็เข้าใจความหมายของเย่เฉินในทันที

แต่ทว่า ในใจของเขาค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

“เย่เฉินให้ฉันแฝงตัวอยู่ข้างกายตระกูลซู นี่ส่งฉันไปเป็นตัวรับกระสุนไม่ใช่หรอกหรือ?”

“ถ้าตระกูลซูรู้เข้า จะต้องทำให้ตระกูลอู๋ของฉันถึงตายไม่ใช่เหรอ?”

“เดิมที่ความแข็งแกร่งของตระกูลอู่นั้นก็แย่กว่าของตระกูลซูมาก ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่กลับมาที่เเฉินแล้ว ก็ต้องชดใช้หุ้นไม่น้อยอีก
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของตระกูลอู่แทบจะลดลงเกือบครึ่ง แล้วจะต้านทานการทรมานของตระกูลซูได้ที่ไหนกัน?”

เย่เฉินก็มองความกังวลของเข้าก และพูดอย่างราบเรียบ: “อู๋ตงไห่ ฉันทำงานมีการปูนบำเหน็จและการลงโทษอย่างเห็นได้ซ้ดตลอดมา
ถ้าหากครั้งนี้นายทำงานได้ดีมาก จากนี้ไปฉันไม่มีทางปฏิบัติต่อนายอย่างไม่เป็นธรรมอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นนายวางใจได้ มีฉันอยู่ ตระกูลซู
ไม่มีทางทำอะไรนายได้อย่างแน่นอน”

อู่ตงไห่ยังคงสับสนอยู่ในใจเล็กน้อย

เนื่องจากว่า เขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เเฉินบอกว่าไม่มีทางปฏิบัติต่อตัวเองอย่างไม่เป็นธรรม จะให้ผลประโยชน์อะไรกับตัวเองกันแน่
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่รู้ว่า ถ้ากิดตระกูลซูจะจัดการกับตัวเองจริงๆ เย่เฉินจะข้องเกี่ยวกับความเป็นความตายของตัวเองหรือเปล่า
เย่เฉินเห็นเขายังคงดูลังเล ก็พูดอย่างราบเรียบว่า: “อู่ตงไห่ เอาแบบนี้มั้ย ถ้าหากนายช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ได้ดี งั้นฉันก็จะช่วยรักษาโรค
ของลูกชายของนายให้หายดี นายคิดว่าไง?”

อู่ตงไห่พูดอย่างไม่รู้ตัวว่า: “คุณชายเ ลูกชายทั้งสองคนของผม…ร่งกายของพวกเขา…ก็ล้วนมีโรคยากสุดแสนลำบากที่ไม่อาจเปิดเผย
ได้อยู่ไม่มากก็น้อย คุณ….คุณสามารถรักษาหายดีได้จริงๆเหรอครับ?”

อู่ฉีถูกเย่เฉินสะกดจิต เรื่องที่ทุกๆหนึ่งชั่โมงเขาจะต้องเพิ่มอาหาร แทบไม่มีใครในประเทศไม่รู้ แต่อู่ซิน ก่อนหน้าถูกทำร้ายจนขาหัก
แม้ว่าตอนนี้จะหายดีไปแล้วเจ็ดสิบแปดสิบเปอร์ซ็นต์ แต่กลับกลายป็นคนพิการ และเป็นไปไม่ได้ที่จะหายดีเป็นปกติทั้งหมดตลอดชีวิตนี้
เย่เฉินแสยะยิ้ม และพูดว่า: “อาการป่วยของลูกชายนายก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร? ตอนนั้นหงห้าเกือบจะตายอยู่ในมือจางจี่อโจว สุดท้าย
ฉันก็ช่วยเขารอดชีวิตมาไม่ใช่หรอกเหรอ?”

นั่นนะสิ อู่ตงไหก็สดชื่นขึ้นมาในทันที

เขารู้ว่า ตอนนั้นจางจื่อโจวไปที่เทียนเซียงฝู ฆ่าหงห้าและเชียวฉางควนพ่อตาของเย่เฉิน หงห้ก็กำลังจะตายอยู่ในมือของเขาในไม่ช้า
แต่ยังได้รับการช่วยเหลือจากยาอายุวัฒนะเมิดหนึ่งของเย่เฉินกลับมา น่าเหลือเชื่อจริงๆ

ดังนั้น เขากือดไม่ได้ที่จะแอบพูดว่า: “ถ้าหากเย่ฉินเต็มใจช่วยเหลือจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นขาเสี่ยวซิน หรือว่าโรคไม่อาจเปิดเผยได้ต้องทาน
ของแบบนั้นทุกๆหนึ่งชั่วโมงของเสี่ยวฉี คงจะรักษาหายดีได้…”

ดังนั้น เขาจึงถามอย่างตื่นเต้น: “คุณชายเย่ คุณ…คุณพูดจริงหรือเปล่าครับ?”

เย่เฉินพยักหน้า และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “จริงสิ”

อู่ตงไห่รีบพูดว่า: “ลูกชายคนโตของผม ขาเดินกะเผลกมาโดยตลอต ลูกชายคนเล็กของผมจิตใจมีปัญหา…คุณก็สามารถที่จะรักษาหาย
ดีได้เหรอครับ?”