บทที่ 2460
“แต่ทว่าเธอไม่เคยเห็นจิตสำนึกของลูกชายสักคน สุดท้ายเธอหนาวตายในฤดูหนาวอันเย็นยะเยือกที่เย่นจิง”
“วันแห่ศพ เสียงร้องห้ของลูกชายทั้งสาม ดังไปสามบ้านแปดบ้าน แต่ใครๆ ก็ดูออก นั่นเป็นเพียงการแสดงให้คนอื่นเห็นเท่านั้น เมื่อแสดง
จบ พวกเขาขายบ้นที่แม่อยู่ อย่างเบิกบานใจ เมื่อแบ่งเงินกันเรียบร้อย ต่างพากันแยกย้าย”
“นายคิดว่า ถ้ากรรมตามสนองมีจริง ทำไมหญิงชราที่ทำดีมาทั้งชีวิต กลับต้องมาลำบากขนาดนี้ด้วยล่ะ”
ซูเฉิงเฟิงครุ่นคิด จากนั้นจึงพูดอย่างจริงจัง “หรือเพราะชาติที่แล้ว เธอติดหนี้บุญคุณไว้ ชาตินี้จึงต้องมาชดใช้หนี้”
ไหม้เฉิงซินหัวเราะพรืด เขาพูดอย่างขัดใจ “คนที่ไม่เข้าใจกฏแห่งเหตุการณ์ ถึงพูดแบบนี้ เพื่อทำให้คำอธิบายน่าเชื่อถือ ถ้าเชื่อเรื่องชาติ
ที่แล้ว หรือไม่ก็ชาติหน้า ไปซะหมดทุกคน งั้นนายก็ให้ฉันยืมเงินในตระกูลทั้งหมดสิ ซาติหน้าฉันจะได้คืนให้นายสองเท่า นายตกลงไหมล่ะ”
“เรื่องนี้…” ถึงซูเฉิงเฟิงรู้ว่าไหม้เฉิงซิน แค่พูดเล่นเพื่อยกตัวอย่างเท่านั้น แต่ในใจเขาเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของไหม้เฉิงซินแล้ว
ขณะนั้น ไหม้ฉิงซินพูดต่อ “หลักการเดียวกัน บางคนก่อกรรมทำชั่ว ผลเป็นไงล่ะ ไม่เพียงแต่ตัวเองจะได้ดี อีกทั้งลูกหลานยังพลอยได้
ร่มเงาไปด้วย!”
“เหมือนกับหญิงชราที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ หลังจากตายอย่างนาเวทนา ลูกชายทั้งสามของเธอ มิโชคชะตาแข็งแกร่ง คนหนึ่งทำธุรกิจจน
เจริญรุ่งเรื่อง อีกคนได้รับการโหวตให้เป็นขุนศึกอย่างสบายๆ ส่วนอีกคนล่องเหนือส่องใต้ไปทำงาน จนทุกวันนี้ ทายาทรุ่นหลังเป็นนักธุรกิจที่
มีชื่อเสียง คนดีไม่ได้ดี ส่วนคนชั่วกลับได้ดีรุ่นสู่รุ่น นายว่าเรื่องกรรมตามสนองมันกลับตาลปัตรหรือเปล่าล่ะ”
ซูเฉิงเฟิงเถียงไม่ออกไปชั่วคราว
ซูโสว์เต้าที่อยู่ข้างๆ อดถามไม่ได้ “ปูไหม้ ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูด กรรมตามสนองไม่มีจริง แต่ทำไมครอบครัวนี้มีทั้งดีและชั่ว มันเพราะ
อะไรกันแน่ครับ”
ไหม้เฉิงซินยิ้มบางๆ “โสว่เต้า คำถามของนายคือประเด็นสำคัญ ทำไมน่ะเหรอ ถ้านายไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ นายก็ทำได้เพียงเงยหน้าก่นด่า
ว่สวรรค์ไม่มีตา บวกกับอีกประโยค ‘คนดีมักอายุสั้น แต่คนชั่วกลับอายุยาวเป็นพันปี’ แต่นายเคยคิดไหม เพราะกรรมตามสนอง จึงไม่ทำให้คนดี
มักอายุสั้น แต่คนชั่วกลับอายุยาวเป็นพันปื มันมีความขัดแย้งในตัวเอง”
พูดพลาง จู่ๆ หม้เฉิงซินก็เปลี่ยนเรื่อง “แต่ว่า! ถ้านายเข้าใจกฎกณฑ์ ายก็จะรู้ แท้จริงแล้วทั้งหมด ไม่เกี่ยวข้องกับกรรมตามสนอง แต่
เพราะดวงชะตาของคนในครอบครัว แต่ละคนแตกต่างกัน”
ซูเฉิงเฟิงรีบพูดว่า “ลุง แล้วจะอธิบายเรื่องดวงชะตายังไงล่ะครับ”
ไหม้เฉิงซินอธิบาย “ตวงซะตาก็คือโชคชะตา หรืออาจจะเรียกว่ากฎเกณฑ์ของชีวิต”
“ฟอฉันเคยพูดว่า หญิงชราคนนั้นมิดวงกาลกิณี ถึงเธอบุญทุกวัน แต่เธอทำดีแค่ไหน ก็มิอาจเปลี่ยนดวงชะตาของเธอได๋”
“เปรียบเทียบง่ายๆ ถึงนายกินแครอทมากแค่ไหน นายก็ไม่มีทางกลายเป็นกระต่าย เพราะเป็นตรรกะที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“นายอย่าคิดไปเอง กระต่ายซอบกินแครอท นายกินแครอทเยอะๆ ก็จะต้องกลายเป็นกระต่ายอย่างแน่นอน”
สองพอลูก ซูเฉิงเฟิงกับซูโสว่เต้าพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ไหม้เฉิงซินพูดต่อ “ดวงกาลกิณี ไม่เพียงแต่จะไม่ดีต่อสามี ภรรยา รวมไปถึงทายาทรุ่แหลัง อีกทั้งสิ่งที่น่เวทนาที่สุด เธอไม่เพียงแต่จะ
ทำร้ายคนอื่น ตัวเธอเองยังไม่มีวาสนากับญาติพี่น้อง เมื่อถึงวัยซราต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะะนั้นชีวิตเธอจึงทุกข์ทรมาน และรับโทษไม่จบ
ไม่สิ้น”
“แม้ลูกชายทั้งสามของเธออกตัญญูมาก แต่ถ้าพูดกันเรื่องดวงชะตา หนทางในอนาคตของพวกเขา ก็โดนดวงชะตาของหญิงชราทำร้าย
โดยไม่รู้ตัว”
“เพราะหญิงชราจากโลกนี้ไปเร็ว พวกเขาทั้งสามจึงไม่ต้องจบชีวิตเพราะเหตุนี้ และต่อมา จึงมิโอกาสเจริญรุ่งเรือง”
“ถ้าพวกเขาทั้งสามเป็นลูกกตัญญู รับแม่มาอยู่ด้วยเพื่อตอบแทนบุญคุณ ลูกชายทั้งสามคนอาจจะด่วนจากไป เพราะเหตุผลต่างๆ นานา
ไม่แน่อาจจะตายต่อหน้าแม่ทั้งหมดเลยก็ได้”
“นี่อาจจะฟังดูเหมือนไร้สาระ เหลือเชื่อ แต่นี่คือตวงซะตาที่แท้จริง!”