บทที่ 2553
เมื่อได้ยินเย่เฉินตอบกลับ พนักงานบนเครื่องบิน ตกใจจนพูดไม่ออก
ความรู้ของวาชิลกลับตาลปัตรไปหมด เขาพูดว่า “นี่….นี่มันเป็นไปได้ยังไง…”
ถึงหานกวางเย่า จะโล่งอก แต่เขาก็พูดอย่างตื่นตระหนกเช่นกัน “าซิล นายคำนวณผิดหรือเปล่า”
“เป็นไปไม่ได้…” วาซิลพูดอย่างแน่วแน่ “ผมโดดร่มมาหลายปี ไม่เคยคำนวณผิดเลย!”
หานกวางเย่าขมวดคิ้ว “งั้นฉันก็คิดไม่ออกจริงๆ…
ขณะนั้น เฉินจื่อข่ายที่เงียบมาตลอด พูดว่า “ไม่ต้องคิดแล้ว ความสามารถที่แท้จริงของคุณชาย แข็งแกร่งกว่าที่พวกนายจินตนาการไว้
เยอะ! เราเตรียมไปตรงจุดที่คุณชายนัดเอาไว้เถอะ!”
จากนั้น เครื่องบินขนส่งบินอยู่กลางอากาศรอบใหญ่ และกลัมไปที่เบรุต เมืองหลวงของเลบานอน
ส่วนเย่เฉิน เขาซ่อนตัวมาตลอดทาง เขาลงจากไหล่ จนมาถึงตีนเขา ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
เพราะฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แสงสว่างจึงแย่ลงด้วย ถึงจะเป็นแค่ช่วงบ่าย แต่กลับมองเห็นเหมือนช่วงที่ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว
แสงสว่างเช่นนี้ ลดโอกาสที่เย่เฉินจะโดนจับได้ บวกกับเสียงฟ้ฝาทหารตายไปมื่อครู่ เหล่าทหารฝ่ายค้านต่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ทำให้การหวาดระแวงต่อสิ่งรอบกายลดลงไปด้วย
ตอนนี้ ในหมู่บ้านที่ฝ่ายค้านประจำการอยู่ ห่างจากเย่เฉินไม่ไกลเท่าไรนัก
ถึงขนาดที่เย่เฉินมองเห็นกำแพงดินเตี้ยๆ ในหมู่บ้าน ที่เต็มไปด้วยรูจากกระสุนปืน
เพราะทั้งหมู่บ้านอยู่ในหุบเขา ดังนั้นสิ่งก่อสร้างของหมู่บ้านจึงแบ่งออกเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว สิ่งก่อสร้างชั้นนอกสุด เกือบทั้งหมดล้อม
รอบด้วยกำแพงดินสูงเกือบสองเมตร ในหมู่บ้านเหลือเพียงทางเข้าออก ที่ทิศเหนือและทิศใต้ เพียงสองทางเท่านั้น
ตรงทางเข้าออกหมู่บ้าน มีซุ้มหินสไตล์ตะวันออกกลาง โดยมีทหารยืนเฝ้าอยู่ทั้งสองด้าน
นอกหมู่บ้าน มีทหารพร้อมอาวุธครบมือจำนวนมาก เดินลาดตระเวนไปมาตามแนวกำแพง อิกทั้งบนตึกดินหลายตึก ยังมิทหารยามถือปีน
AK47 ยินประจำการอยู่เป็นจำนวนมาก
แต่เย่เฉินดูออกว่าพวกทหารลาดตระเวนและทหารยาม โดยรวมค่อนข้างไม่เข้มงด พวกเขาแค่ถือปืนเดินไปเดินมา ทำอย่างขอไป
เท่านั้น
อันที่จริง ฝ่ายคำนติดอาวุธกลุ่มนี้ ถึงพละกำลังในการทำสงครามดูทั่วไป อาวุธยุทโธปกรณ์ไม่ได้ล้ำสมัย แต่ประสบการณ์ในการทำ
สงครามของพวกเขา มีอย่างเต็มเปี่ยม
ยิ่งประสบการณ์ในการทำสงครามมีมากเท่าใด ความผิดพลาดจากประสบการณ์จะง่ายยิ่งขึ้นเท่านั้น
พวกเขาเคยเจอสงครามมาหลากหลายรูปแมบ มีทั้งล้อมปราบและต่อต้านการล้อมปราบ มีทั้งตาต่อตา ฟีนต่อฟันกับศัตรู มีทั้งสู้กันจน
ตายไปข้าง แต่พวกเขาไม่เคยใช้ทหารเพียงคนเดียวเข้าไป
ไม่ว่าจะเป็นทหารรัฐบาลหรี่อฝ่ายค้น หรือจะเป็นกองกำลังติดอวุธชาวเร์ด ข้อเสียใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือประสิทธิภาพการต่อสู้
ของแต่ละคนไม่ดี ความสามารถของแต่ละคนมีขีดจำกัด ดังนั้นทุกคนจึงเคลื่อนไหวเป็นกลุ่ม จะแย่แค่ไหนก็ต้องมี 7-8 คน พร้อมรถกระบะ 23
คันที่บรรจุอาวุธเอาไว้ ไม่มีใครโง่ เข้าไปในรังของศัตรู เพียงคนเดียว
เพราะพวกเขาไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ ดั่งนั้นตอนที่พวกเขาตั้งรับ พวกเขาไม่ถือว่าการรุกแบบตัวต่อตัวเป็นจุดสำคัญในแนวรับเลย
สมาธิของพวกเขาจดจ่ออยู่กับการฝ้าติดตามว่ารัฐบาลได้ส่งกองกำลังติดเครื่องยนต์ขนาดใหญ่หรือไม่ ส่งอาวุธสงครามออกมาหรือไม่
มีการติตตั้งปืนใหญ่จากระยะไกลหรือไม่ นอกจากเรื่องพวกนี้ พวกเขาแทบจะไม่สนใจอะไรเลย
เย่เฉินดูเวลาของหน่วยลาดตระเวน ภายในระยะเวลาอันสั้น เขาคลำด้านนอกกำแพงอย่างเงียบๆ
เขาเลือกจุดที่ค่อนข้างหละหลวม และเป็นมุมอับสายตา จากทหารยามบนตึกทั้งสองด้าน เป็นจุดที่จะแอบเข้าไปได้ดีที่สุด
คนที่ตัวเบาอย่างเย่เฉิน กระโดดจากนอกกำแพง พลิกตัวเข้ามาข้างในกำแพงอย่างเงียบๆ