บทที่ 2610

ในเวลานี้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดี

บอกว่าตายเอง?งั้นมีความเป็นไปได้สูงที่เย่เฉินจะบีบบังคับให้ตัวเองฆ่าต้วตาย

บอกว่าให้เขาช่วย? งั้นไม่แน่เขาก็อาจจะยิงตัวเองตายเลย…

แต่ว่า ลูกสาวทั้งสองคนล้วนแต่อยู่ที่นี่ ตัวเองจะไปร้องวิงวอนของความเมตตาจากเย่เฉินงั้นเหรอ?

งั้นก็เท่ากับว่าตัวเองไม่รักษาตามสัญญานะสิ ทอดทิ้งลูกสาวทั้งสองคนไว้เบื้องหลังอิกครั้งนะสิ? !

ความสับสนและความกลัสุดขีด ทำให้ชูโสว่เต้าคนทั้งคนล้มลงกับพื้นราวกับเป็นอัมพาตเลย รู้เพียงแค่ร้องไห้ กลับว่าพูดไม่ออกเลยสัก
คำเดียว

ซูจือหยูเห็นท่าทางของเขา ในใจก็ค่อนข้างดูถูก แต่ก็ค่อนข้างที่จะทนไม่ได้

จริงๆแล้วเธอไม่กลัวว่าพ่อจะกลับคำ

ถึงอย่างไรเธอก็ผิดหวังต่อพ่อมากอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องให้พ่อใช้ความตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์

ดังนั้น เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง คุกเข่าลงต่อหน้าเย่เฉินดั่งตุบ พูดอย่างสำลักว่า : “ผู้มีพระคุณ…อหยูอยากจะขอร้องคุณได้โปรดให้อภัยพ่อ
ของฉันเถอะ…”

จริงๆความคิดของซูรั่หลีและซูจือหยูเหมือนกัน

ผิดหวังน่ะผิดหวั่งจริงๆ

แต่เลือดเนื้อเชื้อไขยังคงอยู่

ผู้ชายคนนี้ที่ปวกเปียกอยู่ที่พื้น ยังคงเป็นพ่อของตัวเอง

แม้ว่าเขาจะขี้ขลาดเหมือนหนู แม้ว่าเขาจะเห็นงินสำคัญ เขาก็ยังคงเป็นพ่อของตัวเอง

เขาไม่เคยทำร้ายตัวเองมาก่อน ตัวเองจะคาดหวั่งให้เขาตายได้อย่างไร?

คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น พูดวิงวอน : “คุณชายเย่ ขอให้คุณได้โปรดเข้าใจ”

ตู้ไห้ชิงมีหาที่ที่สับสน ก็คุกเขาลงข้างหนึ่ง พูดด้วยความคารพและจริงจัง : “คุณชายเย หลายปีมานี้ ฉันในฐานะที่เป็นภรรยาของซูโสว่
เต้า ในใจกลับว่าคิดถึงผู้ชายคนอื่นอยู่ตลอด เพราะงั้นจึงมีเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจจริงๆ แม้ว่าเขามีบาปที่หลากหลายรูปแบบ แต่มันก็ไม่ได้ร้าย
แรงถึงขนาดต้องตาย คุณได้โปรดปล่อยเขาไปด้วยเถอะ ”

ซูโสว์เต้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะเป็นเช่นนี้

เขาคิดไม่ถึง ลูกสาวทั้งสองคนของตัวเอง และกรรยาที่ยืนกรานจะหย่าร้างกับตั๋วเองให้ได้คนนั้น จู่ๆจะคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อวิงวอนให้เย่
เฉินให้อภัยตัวเอง

ในเวลานี้ ในใจของเขารู้สึกผิดอย่างมากจริงๆ

เขาปีดหน้า คุกเข่าลงกับฟื้นร้องไห้อย่างขึ้นขม เพราะว่าเขาอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปจริงๆ เพราะงั้น เขาไม่มีหน้าที่จะไปมองลูกสาวและ
ภรรยาของตัวเอง ทำได้เพียงรอฟังคำตัดสินของเย่เฉิน

ในเวลานี้เย่เฉินก็ค่อนข้างลังเล

ลังเลว่าตัวเองจะฆ่าหรือไม่ฆ่าซูโสว่เต้ากันแน่

ถ้าหากฆ่าเขา ตระกูลซูยังมีลูกชายคนอื่นๆ ว่ากันว่าตระกูลซูมีลูกชายห้าคน พี่ใหญ่และน้องรองตายแล้ว ยังมีน้องสาม น้องสี่ น้องห้า
ถ้าหากไม่ฆ่าเขา เพียงแค่พันธมิตรต่อต้านตระกูลเยคำๆนี้ ไม่สามารถกลืนลงไปได้จริงๆ

ในเวลานี้ เขามองไปที่ซูจือหยูแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็เอ่ยปากพูดว่า : “ซูจือหยู ถ้าหากคุณอยากให้ผมให้อภัยเขาไม่ต้องตาย งั้นก็จะต้อง
ตอบคำปากผมสองเงื่อนไข”

ชูจือหยูพูดอย่างไม่ลังเลว่า : “ผู้มีพระคุณ เชิญพูดมาเลยค่ะ! ”

เย่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “เงื่อนไขแรก ไม่ว่าคุณใช้วิธีการอะไรก็ตามแต่ จะต้องสืบทอดต่อจากตระกูลซูให้ได้ภายในสาม
ปี! ”

เมื่อซูจือหยูฟังจบแล้ว คนทั้งคนก็ตกตะลึงอย่างมาก

เธอไม่เคยคิดอยากจะสืบทอดตระกูลซูเลย ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้ว่าตัวเองอยากจะสืบทอด ก็ไม่มีโอกาส อย่าพูดว่าตัวเองแบ่งรุ่นภายใน
วงศาคณาญาติแล้วเป็นผู้หญิงเลย พ่อในฐานะที่เป็นพี่ชายคนโต หลายปีมานี้ก็ไม่สามารถสืบทอดตระกูลซูได้ ตัวเองจะสามารถทำเป้าหมายนี้
ให้เป็นความจริงภายในสามปีได้อย่างไร?

แต่ว่า เมื่อคิดถึงความเป็นความตายของพ่อ เธอทำได้เพียงกัดนตอบตกลงก่อน อย่างน้อยก็รักษาชีวิตของพ่อไว้ก่อน ดังนั้นก็โพล่งพูด
ออกไปว่า : “โอเค…ฉันรับปากคุณ…แวเงื่อนไขที่สองล่ะ?”

เย่เฉินพูดอย่างเยือกเย็น : “เงื่อนไขที่สอง วันนั้นที่คุณสืบทอดตระกูลซู จะต้องส่งตัวซูเฉิงเฟิงไอ้หมาแก่คนนั้นมาไว้ในเงื้อมมือของผม! ”
“ตอนที่คุณยังไม่ส่งตัวไอ้หมาแก่นั่นมาให้ผม ชีวิตของซูโสว่เต้าต้องอยู่กับฉันที่นี่เป็นการชั่วคราว รอจนคุณส่งตัวซูเฉิงเฟิงมาให้ผมแล้ว
ผมก็จะส่งซูโสว่เต้าคืนให้คุณ”