บทที่ 2655
“เขาเป็นคนประเภทที่ใครกล้มาย่ำยวนเขา เขาก็จะลงมือทำร้ายอิกฝ่ายทันที และต้องทำร้ายคนๆนั้นให้ได้ และเขาก็เข้าใจดี ถ้าตัวเอง
ไม่สามารถทำร้ายอีกฝ่ายแบบโจ่งแจ้งได้ เขาก็จะใช้วิธีการอื่นๆ ลอบทำร้ายอีกฝ่ายภายหลัง และทำร้ายอีกฝ่ายให้สำเร็จ”
“และในความคิดของเขาไม่มีวิธีที่ถูกหรือผิดและใครที่สามารถขัดขวางเขาได้”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เยโจงฉวนยิ้มและพูดว่า.”อย่างเช่นเรื่องของเขากับฉางหมิ่น ถึงแม้ฉางหมิ่นจะเป็นอาหญิงของเขา แต่แล้ยังไงละ? ฉาง
หมื่นดูถูกเขา และไม่คารพการแต่งงนของเขา เมื่อไปถึงเมืองจินหลิงก็ไปหาหม่าหลันโดยไม่บอกเขา เธอไปสั่งการหม่าหลันและเข้าไปก้าวก่าย
เรื่องแต่งงานของเขา เฉินเอ่อก็กล้ำาที่จะกักขังเธอไว้ที่เมืองจินหลิงเป็นเวลาครึ่งเดือน เพื่อให้เธออยู่อย่างยากลำบากและทุกข์ทรมาน”
เมื่อพูดจบ เยโจงฉวนสายหัวและถอนหายใจ:”โอัย ! างหมั่นอายุสี่ห้สิบปีแล้ว ในช่วงสี่ห้สิบปีนี้เธอไม่เคยใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมา
ก่อน และไม่เคยได้รับความทุกข์ม้แนิดเดียว เมื่อเธอตกไปอยู่ในมือของเฉินเอ๋อ ทำให้เธอได้รับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส…..”.
เมื่อพูดจม สีหน้าของเย่โจงฉวนก็เคร่งขรึมขึ้นมาและเอ่ยปากพูด”แต่เรื่องนี้เฉินเอ่อทำนุ่มบ่ามมากเกินไป! เขาลงมือจับตัวคนของตระกูล
ชู เรื่องนี้เขาขาดวิจารณญาณมากจนเกินไป! ตอนนี้ตระกูลซูแค่เสียชื่อเสียง และเสียธุรกิจการขนส่งทางทะเลเท่านั้น แต่ธุรกิจอย่างอื่นก็ยังคง
ดำเนินได้อย่างปกติ และมันก็ไม่ได้กระทบต่อธุรกิจทั้งหมดของตระกูลซู แต่ขากลับลงมือจับตัวซูโสว่เต้า เขากำลังบีบห้ตระกูลเย่และตระกูลซู
ต้องเปิดฉากทำสงครามกัน?”
ถังซื่อไห่เห็นด้วยกับคำพูดของเย่โจงฉวนและเขาก็พูดว่า:”คุณท่าน ถ้าต้องเปิดฉากทำสงครามกันจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เพราะ
ตระกูลซูเป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งของตระกูลเ ถึงแม้พวกเราจะอยู่อย่างสงบสุขกับตระกูลซูมายี่สิบปี แต่ในอนาคต ยังไงซะพวกเราก็ต้องทำ
สงครามกับพวกเขา”
เย่โจงฉวนโบกมือและพูดปฏิเสธทันที:”ถึงแม้จะเป็นอย่างที่คุณพูด แต่เรื่องต่างๆไม่ควรจัดการแบบนี้ ความขัดแย้งระหว่างพวกเรากับ
ตระกูลซู พูดตรงๆก็คือขัดแย้งกันเรื่องเงิน เรื่องผลประโยชน์ เรื่องฐานะทางสังคม แต่ไม่ใช่ความขัดแย้งขนาดที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตายจากกัน
ไป พวกเราควรต่อสู้กับตระกูลซูด้วยสมอง ไม่ใช่ต่อสู้กันด้วยกำลัง! และพวกเราก็ไม่ได้เปรียบต้านกำลังด้วย ถ้าพวกเราบีบตระกูลซูมากจนเกิน
ไป ถ้าพวกเขาเลือกที่จะตอบโต้กลับ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่และยุ่งยาก”
ขณะพูด เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเอ่ยปากพูต”ฉันจะโทรหาเฉินเอ่อก่อน ถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
เย่เฉินในเวลานี้ กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมป่ายจินช่านกง
ก่อนหน้านี้เขาเสียพลังปราณทิพย์ไปจำนวนมากในประเทศซีเรีย ทำให้เขารู้สึกว่าไม่สดชื่นเลย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนง่วงตลอดเวลา
เขาอยากทำตามวิธีที่กล่าวถึงใน (ตำราเก้าเสวียนเทียน) พยายามดูดซับพลังปราณทิพย์จากดินที่อยู่รอบๆร่างกายตัวเอง แต่เมืองที่
สร้างโดยอิฐและเหล็กกล้าอย่างนี้ จะมีพลังปราณพย์จากฟ้าตินได้ยังไง?
และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ชั้นใต้ดินสิบกว่าเมตรป็นโรงจอดรถยนต์ เป็นรากฐานของตึก มิดินน้อยมากๆ และต้นไม่เขียวๆเหล่านั้นก็ถูกย้าย
มาปลูกภายหลัง
ต้นไม้ประเภทนี้ ถึงแม้จะมีอายุร้อยปีก็ไม่มีประโยชน์ เพราะในขณะที่ต้นไม้เหล่านี้ถูกย้ายมานั้น ทำให้พลังปราณทิพย์ในต้นไม่ได้รับ
ความเสียหาย เมื่อย้ายมาปลูกในตัวมือง เนื่องจากพื้นตื้นตื้นมากๆ และมีมลพิษเยอะ ต้นไม้สามารถมีชีวิตรอดก็ไม่ใซ่เรื่องง่ายแล้ว และต้นไม้
พวกนี้ก็ไม่มีพลังปราณทิพย์อีก
ความรู้สึกแบขนี้ก็เหมือนกับโดนทิ้งไว้กลางทะเลทรายซาฮารา และหนือศิรษะก็มีพระอาทิตย์ขาดใหญ่สาดส่องอยู่ มีทะเลทรายที่แห้ง
แล้งและไม่มีที่สิ้นสุดอยู่ใต้ฝ่าเท้า และความขึ้นในอากาศก็โดดแดดเผาจนระเหยไปหมด ถ้าอยากหาน้ำจากที่นี่ มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้?
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาลืมตาขึ้นมาจากความผิดหวัง เมื่อมองหน้าจอโทรศัพท์ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“เย่โจงฉวน?”
“ดูเหมือน คุณท่าน โทรมาเพื่อตำหนิเรื่องนั้นอย่างแน่นอน”
เย่เฉินเปล่งเสียงไม่พอใจออกมา จากนั้นก็รับสายโทรศัพท์
“เฉินเอ๋อ!”
เสียงของเยโจงฉวนก็ดังขึ้น
เปเฉินถามหันที!”มิเรื่องอะไรเหรอ?’
ยโจงฉวนพูดทันที:”เฉินเอ๋อ คุณพูดความจริงกับปูหน่อย เรื่องการหายตัวไปของซูโสว่เต้าในเมืองจินหลิง เป็นฝีมือของคุณใช่ไหม?!
เย่เฉินรับปากและพูดด้วยน้ำเสียงปกติ: ใช่ เป็นฝีมือของฉันเอง ทำไมเหรอ?”