เย่เฉินยิ้มอย่างราบเรียบว่า “ที่ผมให้คุณกับรั่วหลีก่อนหน้านั้นไม่นับ นั่นเป็นน้ำใจเล็กน้อยที่ผมมอบให้กับพวกคุณสองคนแม่ลูก ต่อไปผมจะให้พิเศษพวกคุณสองคนปีละ 2 เม็ด และยา 2 เม็ดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเหอ”
เหออิงซิ่วรู้สึกประหม่าจนไม่รู้จะพูดอะไร เขากล่าวด้วยความประหลาดใจปนความดีใจว่า “นี่…….มีค่าเป็นอย่างมาก พวกเรามีอะไรดี…..…”
ขณะนี้เย่เฉินโบกมือ และกล่าวว่า “ผมและรั่วหลีก็ถือว่ามีวาสนา ยิ่งไปกว่านั้นต่อไปพวกเรายังร่วมมือกันทำงานในระยะยาว ยาเพียงเล็กน้อยไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง คุณผู้หญิงเหอไม่ต้องคิดมากอีก”
หลังจากนั้น เย่เฉินก็กล่าวอีกครั้งว่า “การที่พวกคุณสองแม่ลูกได้พบกันอีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องง่าย คงมีเรื่องที่อยากจะพูดคุยกันมากมาย งั้นผมจะไม่รบกวนพวกคุณแล้ว”
เมื่อเหออิงซิ่วเห็นว่าเย่เฉินตัดสินใจยุติการสนทนา รู้ว่าตนเองไม่จำเป็นต้องคิดให้วุ่นวายอีกต่อไป ดังนั้นจึงกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “น้อมรับคำสั่งของคุณชายเย่!”
ซูรั่วหลีก้าวไปข้างหน้าและกล่าวว่า คุณชายเย่ “ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาแม่กลับไปที่ห้อง หากคุณมีอะไรโปรดสั่งมาได้อย่างเต็มที่”
เย่เฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “ไปเถอะ ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง”
หลังจากนั้น เหออิงซิ่วและซูรั่วหลีสองแม่ลูกก็เดินทางกลับไปที่ห้องพักในโรงแรม
ทันทีที่เข้าไปในห้อง เหออิงซิ่วก็ควบคุมตนเองไม่ได้จนร้องไห้ออกมา
ซูรั่วหลีที่อยู่ด้านข้างรีบเดินไปข้างหน้าและถามว่า “แม่ แม่ร้องไห้อีกทำไม?”
เหออิงซิ่วเช็ดน้ำตาและถอนหายใจ “แม่ดีใจมาก….. ตั้งแต่เกิดเรื่องกับลูก ในสมองของแม่ก็คิดถึงความเป็นไปได้มากมายอย่างควบคุมไม่ได้ มีทั้งดีและไม่ดี แต่ถึงแม้จะดีที่สุดเท่าที่แม่เคยคิด ก็เปรียบไม่ได้กับเศษหนึ่งส่วนหมื่นของตอนนี้……แม่ไม่เคยคิดว่าชีวิตของลูกจะพลิกผันใหญ่เช่นนี้……..”
ดวงตาของซูรั่วหลีแดงก่ำและกล่าวว่า “แม่ ขอโทษ ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นทำให้แม่เป็นห่วง…..”
เหออิงซิ่วยิ้มด้วยความโล่งใจ “กับสถานการณ์วันนี้ ความกังวลก่อนหน้านั้นของแม่มันคุ้มค่า…… ”
ขณะที่พูด เธอถามซูรั่วหลีด้วยความสงสัยว่า “รั่วหลี คุณชายเย่คนนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร? ดูเหมือนแม่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคนรุ่นหลังที่เก่งเช่นนี้ของตระกูลเย่มาก่อน เขาชื่ออะไร?”
ซูรั่วหลีรีบกล่าวว่า “คุณชายเย่ ชื่อเย่เฉิน”
เหออิงซิ่วขมวดคิ้วและกล่าวว่า “แม่จำผู้ชายรุ่นนี้ของตระกูลเย่ได้ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครชื่อเย่เฉิน……..”
ซูรั่วหลีถามเธอว่า “แม่ แม่รู้จักเย่ฉางอิงหรือไม่?”
“เย่ฉางอิง?!” เหออิงซิ่วกล่าวโพล่งออกมา “รู้จักแน่นอน ตอนนั้นเขาเป็นคนตระกูลเย่ที่โดดเด่นที่สุดในประเทศ พ่อของลูก……..”
เหออิงซิ่วกล่าวถึงซูโสว่เต้าโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่ตระกูลซูทำลงไป เขากลัวว่าลูกสาวจะไม่มีความสุข และรีบกล่าวว่า“ไม่พูดถึงพ่อของลูกดีกว่า รั่วหลีทำไมจู่ ๆ ลูกก็เอ่ยถึงเย่ฉางอิง? เขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน”
ซูรั่วหลีรีบกล่าวว่า “แม่ คุณชายเย่เป็นลูกชายของเย่ฉางอิง ตอนที่เขาอายุได้แปดขวบ เขาได้ติดตามพ่อกับแม่มาที่เมืองจินหลิง ไม่นานหลังจากนั้น พ่อแม่ของเขาก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ตั้งแต่นั้นมาคุณชายเย่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ความจริงแล้วเขาไม่ได้กลับไปที่ตระกูลเย่ แม้ว่าเขาจะแซ่เย่ แต่ตอนนี้ธุรกิจที่เขาทำนั้นเป็นธุรกิจของตนเอง”
เหออิงซิ่วตกตะลึงและกล่าวพึมพำว่า “ไม่คิดว่าคุณชายเย่จะเป็นลูกชายของเย่ฉางอิง…… ”