ได้ยินว่าเย่เฉินมีเรื่องจะคุยกับตนเอง หงห้ารีบวางงานในมือ เดินทางที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงด้วยความเร็ว

เมื่อได้ยินเย่เฉินบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับตน หงห้าก็รีบทิ้งงานที่อยู่ในมือ เดินทางที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงโดยเร็วที่สุด

ภายในห้องทำงานของเฉินจื๋อข่าย พอหงห้าเปิดประตูเข้ามา ก็พบเข้ากับเย่เฉิน เขาจึงรีบก้าวไปข้างหน้า แล้วถามอย่างนอบน้อมว่า“อาจารย์เย่ครับ มีอะไรจะคุยกับผมหรอครับ?”

เย่เฉินกวักมือหาเขา แล้วหัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า“มาสิหงห้า มานั่งคุยกันก่อน”

พูดจบ ก็กวักมือเรียกเฉินจื๋อข่าย“เหล่าเฉิน คุณก็นั่งลงก่อนสิ”

เฉินจื๋อข่ายกับหงห้าจึงหาที่นั่งแล้วนั่งตรงข้ามกับเย่เฉิน

จากนั้น เย่เฉินก็พูดขึ้นมาว่า“ผมตกลงร่วมงานกับตระกูลเหอแล้วนะ ตั้งแต่วันนี้ไป ตระกูลเหอจะส่งยอดฝีมือสิบคนมาที่จินหลิง เพื่อฟังคำสั่งผมตลอดเวลา”

เฉินจื๋อข่ายกล่าวอย่างดีใจ“คุณชายครับ นี่เป็นเรื่องดี!มียอดฝีมือของตระกูลเหอ ถือได้ว่าเป็นการเสริมกำลังให้ผมกับหงห้า ถึงแม้ลูกน้องในมือของเราจะมีไม่ขาดมือ แต่ความสามารถด้อยกว่านักบู๊มาก ในบางครั้งไม่เพียงแต่ช่วยอะไรคุณชายไม่ได้ กระทั่งยังเป็นตัวถ่วงคุณอีกด้วย”

ในตอนนี้สิ่งที่เฉินจื๋อข่ายนึกถึงก็คือ ครั้งก่อนตอนที่อยู่กับเย่เฉิน ในขณะที่เดินทางไปอุโมงค์ภูเขาจื่อจินซานเพื่อช่วยชีวิตซูจือหยูกับตู้ไห่ชิงแม่ของเธอ

ครั้งนั้น เพื่อที่จะทำเวลาเย่เฉิน ได้กระโดดลงจาก เฮลิคอปเตอร์ด้วยความสูงที่ยังห่างจากปากทางเข้าอุโมงค์หลายสิบเมตร แต่ลูกน้องของเขาใครจะมีความสามารถนี้กันล่ะ?

ถึงแม้ว่าการดึงเชือกของร่มจะทำในเวลาที่กระชั้นชิด แต่เพราะการโรยตัว ตรวจสอบ การขอเกี่ยวรวมถึงการลื่นตกจะต้องห้ามขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงช้ากว่าเย่เฉินไปเกือบหนึ่งนาที รอพวกเขาตามเข้าไปถึง เย่เฉินก็จัดการอันตรายไปจนเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีสองวันก่อนที่ไปช่วยเฮ่อจือชิวที่ซีเรียครั้งนั้น วิธีเกินขีดจำกัดของมนุษย์ในการโดดร่มของเย่เฉิน ถึงได้เข้าไปยังที่คุ้มกันอย่างแน่นหนาของฮามิดได้อย่างเงียบเฉียบ และครั้งนั้น ตนและลูกน้องของตน ไม่มีใครสามารถเดินทางไปพร้อมกับเย่เฉิน เพื่อให้ความช่วยเหลือกับเขาได้

เหตุผลที่เกิดเรื่องที่ไม่สามารถตามทันแล้วเกิดขึ้นอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้น เหตุผลหลักก็คือ ความสามารถแตกต่างกันเกินไป

และหงห้าในตอนนี้อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้“อาจารย์เย่ครับ ก่อนหน้านี้ผมกับผู้จัดการทั่วไปเฉินยังมีเว่ยเลี่ยงเดินทางไปที่ภูเขาฉางไบเพื่อหยุดยั้งราชาบู๊ทั้งแปด ผมตระหนักได้ว่า คนของเรา มีความสามารถแตกต่างจากคุณเกินไป จึงทำให้เวลาสำคัญ อย่าว่าแต่ช่วยคุณเลย ไม่เป็นตัวถ่วงของคุณก็ถือว่าบุญโขแล้ว ซึ่งมันเหมือนกับโคลนที่หน้าประตูไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตอนนี้คุณรับตระกูลเหอเข้ามา อยู่เคียงข้าง จะต้องทำให้ฉากที่น่าอึดอัดใจนี้เปลี่ยนเป็นดีขึ้นได้อย่างแน่นอน”

เย่เฉินโบกมือไปมา แล้วหัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า“ที่ผมคุยเรื่องการร่วมงานกับตระกูลเหอ ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากตระกูลเหอหรอกนะ”

เมื่อเย่เฉินพูดจบ ก็พูดขึ้นมาอีกว่า“ความจริง ผมคิดจะ ให้สิบคนนั้นของตระกูลเหอแบ่งไปให้พวกคุณทั้งสองคน ให้พวกเขาเติมเต็มในสิ่งที่พวกคุณขาด ในขณะเดียวกันก็ช่วยพวกคุณอบรมลูกน้อง ยกระดับฝีมือของพวกเขา”

เมื่อเฉินจื๋อข่ายได้ยินอย่างนั้น จึงรู้สึกตื้นตันใจมาก เขาโพล่งออกไปว่า“คุณชายครับ ถ้าเป็นแบบนี้ มันดีมากเลยล่ะครับ!ลูกน้องของผมถึงแม้จะผ่านการฝึกทหารที่เข้มข้นสูงเช่นเดียวกับกองกำลังพิเศษ แต่พวกเขายังคงไม่สามารถบุกทะลวงขีดจำกัดของคนปกติทั่วไปไม่ได้ เมื่อเทียบกันแล้วความสามารถของพวกเขาด้อยกว่านักบู๊มาก มันต่างกันมากเลยล่ะครับ”

เย่เฉินพยักหน้า แล้วกล่าวว่า“ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของนักบู๊ โดยเฉพาะความสามารถในการต่อสู้ทางกายภาพ เหนือกว่ากองกำลังพิเศษมาเมื่อกองกำลังพิเศษมีอาวุธร้อน ความสามารถโดยรวมของพวกขาจะเหนือกว่านักบู๊พอสมควร ดังนั้นครั้งนี้ ผมคิดจะผนวกทั้งสองอย่างรวมกัน ให้คนของตระกูลเหอใช้วิถีของศิลปะการต่อสู้ ช่วยลูกน้องของคุณกับหงห้า พัฒนาความสามารถของพวกเขา ยกระดับการต่อสู้ระยะประชิด หลังจากนั้นค่อยผนวกกับอาวุธร้อน ความสามารถโดยรวมก็จะสมดุลกันมากขึ้น”