เย่เฉินพยักหน้าแล้วพูดว่า “เรื่องจุกจิกพอแค่นี้เถอะ เรามาคุยเรื่องสำคัญดีกว่า”

เย่เฉินพูดพลางชี้ไปที่คฤหาสน์ริมน้ำที่อยู่ตรงหน้า “ท่านเหอ คฤหาสน์นี้ ผมเตรียมไว้ให้พวกคุณเอาไว้อยู่อาศัยและฝึกฝน บ้านหลังใหญ่ มีหลายห้อง ชั้นใต้ดินทะลุถึงกัน เพียงพอสำหรับการฝึกฝนประจำวัน หากต้องการอาวุธใดๆ พวกคุณบอกเหล่าเฉินได้เต็มที่ เดี๋ยวจะให้เหล่าเฉินมอบหมายคนให้มาช่วยพวกคุณดำเนินการด้วย”

เหอหงเซิ่งรีบพูดว่า “อาจารย์เย่ ท่านให้เกียรติเกินไปแล้ว ความจริงพวกเราอยู่ในหอพักธรรมดาก็ได้ เรื่องกินอยู่ไม่ได้เรื่องมากอะไร”

เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่ผมร่วมมือกับตระกูลเหอ ไม่ได้ต้องการบีบคั้นคุณค่าของตระกูลเหอ พวกคุณมาตั้งไกล ผมจะไม่ยอมให้พวกคุณทำโน่นทำนี่ทั้งวัน”

“วันข้างหน้า พวกคุณยังต้องมีเวลามากพอที่จะเพลิดเพลินกับชีวิต โดยเฉพาะการฝึกฝนต่อไป หากจัดเตรียมหอพักให้พวกคุณ แต่ไม่จัดเตรียมสถานที่ฝึกฝนให้ มันก็จะเป็นการขัดขวางโอกาสการเติบโตของพวกคุณ”

คำพูดของเย่เฉิน นำความซาบซึ้งไปถึงส่วนลึกในจิตใจของสมาชิกตระกูลเหออย่างหาที่เปรียบมิได้

ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาร่วมมือกับตระกูลซู ไม่ได้รับสวัสดิการที่ดีแบบนี้

สมาชิกตระกูลซูให้พวกเขารอรับคำสั่ง 24 ชั่วโมงต่อวันเช่นเดียวกับคนรับใช้ในบ้าน

แม้จะเป็นเวลานอนก็พร้อมจะออกคำสั่งได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ต้องออกเดินทางทันที

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ในเวลาปกติก็ไม่มีวันหยุด ส่วนใหญ่พวกเขาล้วนมีเป้าหมายของตัวเองที่ต้องปกป้อง ดังนั้นส่วนใหญ่จึงต้องหลบอยู่ในมุมมืดในตอนกลางวันวันเพื่อทำงานคุ้มกันความปลอดภัยของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่มีเวลาที่จะฝึกฝนพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง

ซูรั่วหลีเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขที่ดีที่สุดในบรรดาสมาชิกรุ่นนี้ของตระกูลเหอ

แต่เพราะเธอเป็นลูกสาวนอกสมรสของซูโสว่เต้า บวกกับการที่ซูโสว่เต้าต้องการบอดี้การ์ดประจำตัว เธอจึงเริ่มมาเป็นบอดี้การ์ดของซูโสว่เต้าเมื่ออายุได้สิบแปดปี

เป็นบอดี้การ์ดมาหลายปี แต่ผลการฝึกฝนของเธอแทบจะไม่ก้าวหน้าเลย นั่นเป็นเพราะไม่มีเวลาและพื้นที่ให้เธอฝึกฝน

ดังนั้นเย่เฉินจึงเตรียมคฤหาสน์ให้กับสมาชิกตระกูลเหอ เพื่อให้พวกเขามีเวลาฝึกฝนทุกวัน นอกจากนี้ยังพูดชัดเจนว่าพวกเขาต้องฝึกฝน พัฒนาตัวเองต่อไป ซึ่งแตกต่างจากตระกูลซูราวฟ้ากับเหว

ในเวลานี้เย่เฉินยังพูดอีกว่า “ผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนของผม เหล่าเฉินและหงห้า แต่ละคนนั้นมีพี่น้องที่ภักดีจำนวนมากอยู่ในมือ แต่คนเหล่านี้ไม่เคยสัมผัสวรยุทธ์มาก่อน กำลังรบโดยรวมค่อนข้างอ่อนแอ ดังนั้นต่อไปจึงต้องการความช่วยเหลือจากท่านเหอและทุกท่านอย่างมาก ได้โปรดทุ่มเทจิตใจและกำลัง เพื่อช่วยฝึกฝนพัฒนาพวกเขาอย่างเต็มที่”

เมื่อได้ยินดังนี้ เหอหงเซิ่งก็กล่าวโดยแทบจะไม่ลังเลเลยว่า “อาจารย์เย่ได้โปรดวางใจ! บุญคุณที่ท่านได้ให้ชีวิตใหม่กับผมและตระกูลเหอ ผมจะทุ่มเททำเพื่อท่านอย่างสุดหัวใจ! แม้ว่าวิชามวยภายในตระกูลเหอจะไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็มีประโยชน์มากสำหรับผู้มาใหม่ ถึงตอนนั้นผมจะสืบทอดวิชามวยภายในของตระกูลเหอให้พวกเขา พยายามทุ่มเทพัฒนาความแข็งแกร่งของพวกเขาอย่างเต็มที่!”

ทันทีที่เหอหงเซิ่งกล่าวออกไปเช่นนี้ นอกจากเหออิงซิ่วแล้ว สมาชิกตระกูลเหอคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าตกใจ

คำพูดประโยคนี้ของนายท่าน เท่ากับเป็นการส่งต่อสิ่งที่ล้ำค่า มีค่าควรเมืองที่สุดออกไป!

วิชามวยภายในของตระกูลเหอ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรที่สำคัญที่สุดของตระกูลเหอมาเป็นเวลาหลายร้อยปี!

หากส่งต่อไปเช่นนี้ มันจะมีผลกระทบอย่างมากต่อตระกูลเหอในอนาคต

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกกังวล แต่ก็ไม่มีใครกล้าเสนอความคิดเห็น

ถึงอย่างไร หลังจากที่ เหออิงฉวน ลูกชายคนโตได้หักหลังพาคนหนีไป สมาชิกตระกูลเหอที่เหลืออยู่เหล่านี้ล้วนติดตามเหอหงเซิ่งด้วยความภักดีอย่างสุดหัวใจ แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจในการกระทำของเขา แต่ก็ไม่เคยมีความคิดอกตัญญู

เหออิงซิ่วรู้ถึงความแข็งแกร่งของเย่เฉิน ตระกูลเหอจะก้าวสูงขึ้นไปในอนาคตได้หรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเย่เฉิน ดังนั้นวิชามวยภายในของตระกูลเหอจึงไม่คู่ควรที่จะพูดถึงตรงนี้

นอกจากนี้ นี่ยังเป็นวิธีที่พ่อของเขาใช้แสดงความภักดีของตระกูลเหอที่มีต่อเย่เฉิน!