แม้ว่าคฤหาสน์ที่เย่เฉินให้เฉินจื๋อข่ายซื้อจะเป็นมือสอง แต่ก็เป็นที่อยู่อาศัยของคนมีเงิน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งหรือว่าเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าล้วนพิถีพิถันมาก เมื่อเทียบกับบ้านหลังเก่าของตระกูลเหอที่เมืองโม่เฉิง มันหรูหรากว่ามาก

เหอหงเซิ่งขอบคุณเย่เฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะเตรียมจัดแบ่งห้องพักให้กับคนของตน

ในเวลานี้เย่เฉินได้บอกกับเหออิงซิ่วว่า “อ้อ คุณผู้หญิงเหอ ผมว่าครั้งนี้นอกจากคุณแล้วก็เป็นผู้ชายทั้งหมด คิดๆ ดูคุณน่าจะไม่สะดวกที่จะอยู่ที่นี่ พอดีเหล่าเฉินรับผิดชอบดูแลโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงอยู่ ไม่งั้นก็ให้เหล่าเฉินจัดการเรื่องห้องพักที่นั่นให้คุณดีไหม?”

พอเหออิงซิ่วได้ยินดังนี้ก็เข้าใจทันทีว่า เย่เฉินต้องการจัดให้เธอไปอยู่กับลูกสาวของเธอ ซูรั่วหลี

แน่นอนว่าเธอย่อมเต็มใจ จนถึงขนาดรีรอไม่ไหวแล้ว

จึงรีบตอบตกลงอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณนะคะอาจารย์เย่!”

เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องเกรงใจครับ”

เหอหงเซิ่งเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พลางทอดถอนใจ “อาจารย์เย่ ท่านช่างมีน้ำใจเหลือเกิน! อิงซิ่วไม่เหมาะที่จะอยู่กับพวกเราจริงๆ อีกอย่างตัวเธอก็พิการ ใช้ชีวิตประจำวันไม่ค่อยสะดวก ถ้าอยู่ในโรงแรมจะสบายมากกว่า ผมขอขอบคุณด้วยเธอด้วย!”

เย่เฉินพยักหน้า แล้วพูดกับเหออิงซิ่วอีกครั้ง “คุณผู้หญิงเหอ พอดีว่าเดี๋ยวผมจะกลับไปที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง คุณไปกับผมก็ได้นะ”

พอเหออิงซิ่วนึกถึงว่ากำลังจะได้เจอลูกสาว เธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พลางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ตกลงค่ะอาจารย์เย่!”

เย่เฉินเห็นว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว ก็ควักมือถือออกมาโทรหาเฮ่อหย่วนเจียง พ่อของเฮ่อจือชิว

บ้านของเฮ่อหย่วนเจียงอยู่ห่างจากที่นี่เพียงสองสามร้อยเมตร ดังนั้นเย่เฉินจึงอยากให้เขาพาเฮ่อจือชิวมาที่นี่ ให้พวกเขามาทำความรู้จักกับเหอหงเซิ่งและเหออิงซิ่วสักหน่อย เช่นนี้ในอนาคตหากมีเรื่องขัดแย้งกัน ก็จะสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากตระกูลเหอได้

ในสองวันที่ผ่านมาเฮ่อหย่วนเจียงได้ขอลาอยู่เฝ้าเฮ่อจือชิวพักฟื้นที่บ้าน

หลายวันมานี้ที่ถูกลักพาตัวไป ร่างกายของเฮ่อจือชิวได้รับความทรมานมากจริงๆ ชั้นใต้ดินที่มืดและอับชื้น โดยพื้นฐานแล้วมันยากที่จะกินอิ่ม จิตใจและร่างกายก็ได้รับความทรมานและกดดันเป็นอย่างมาก

แม้ว่าตอนที่ถูกเย่เฉินนำตัวกลับมา สภาพจิตใจจะค่อนข้างฮึกเหิม แต่หลังจากที่กลับมาถึงบ้านแล้ว ก็เกิดความรู้สึกอ่อนล้าอย่างรุนแรงทันที

สองวันมานี้ เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นเหมือนแบตเตอรี่หมดอย่างสมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณอ่อนแอเป็นอย่างมาก

เฮ่อหย่วนเจียงได้คอยเฝ้าอยู่ที่บ้านตลอด โชคดีที่วันนี้เฮ่อจือชิวเริ่มจะมีอาการดีขึ้นบ้างแล้ว กินได้มาก สภาพจิตใจก็ได้รับการฟื้นฟูให้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง

พอได้รับโทรศัพท์จากเย่เฉิน เฮ่อหย่วนเจียงก็รีบพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ “เย่เฉิน ทำไมนายถึงมีเวลาโทรหาอาได้ล่ะ?”

เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณอาเฮ่อครับ ตอนนี้ผมอยู่ในชุมชนเดียวกันกับท่านพอดี เพื่อนๆ ของผมย้ายมาอยู่ที่นี่ ผมมาช่วยจัดการอะไรๆ ให้เรียบร้อย นึกได้ว่าท่านและจือชิวอยู่ที่นี่เหมือนกัน เลยวางแผนจะเรียกท่านมาทำความรู้จักกันสักหน่อย ไม่ทราบว่าท่านอยู่บ้านหรือเปล่า?”

เฮ่อหย่วนเจียงรีบบอกว่า “ฉันอยู่บ้าน จือชิวก็อยู่ แต่สองวันมานี้อาการของเธอเพิ่งจะดีขึ้น อย่าให้เธอไปเลยดีกว่า ฉันจะไปหานายเองตกลงไหม?”

“ตกลง” เย่เฉินไม่ติดขัดอะไรอยู่แล้ว เขารีบบอกว่า “ตอนนี้ผมอยู่ในคฤหาสน์เลขที่ 32 ถ้าท่านสะดวกก็เข้ามาหน่อย เพื่อนๆ ของผมที่นี่ล้วนเป็นยอดฝีมือนักบู๊ที่มีทักษะแข็งแกร่งมาก ต่อไปถ้าทางนี้ท่านมีปัญหาอะไร ท่านสามารถมาขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้ทุกเมื่อ”

ทันทีที่เฮ่อหย่วนเจียงได้ยินอย่างนี้ ก็รู้ว่าจะต้องเป็นการจัดอย่างรอบคอบของเย่เฉิน ในใจรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่งและตั้งตารอคอยเป็นพิเศษ จึงกล่าวว่า “ถ้างั้นนายรอสักครู่ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ เฮ่อจือชิวก็เดินเข้ามาถามด้วยความอยากรู้ “พ่อคะ เย่เฉินโทรเข้ามาเหรอคะ?”

“ใช่” เฮ่อหย่วนเจียงพยักหน้าและกล่าวว่า “เย่เฉินอยู่ในชุมชนเดียวกับเราพอดี เพื่อนของเขาย้ายเข้ามาอยู่ เลยนัดพ่อออกไปพบ”

ว่าแล้วเขาก็บอกกับเฮ่อจือชิวว่า “เธอไม่ค่อยสบาย อยู่รอพ่อที่บ้านเถอะ”

แต่ใครจะคาดคิด เฮ่อจือชิวที่ยังไม่มีชีวิตชีวาเมื่อครู่ได้พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ฉันจะไปด้วย!”