ล่ายชิงหวาพูดถึงนี่ แล้วก็พูดต่อว่า “ซวนเฟิงเหนียนคนนั้นเข้าสำนักของหม่าเจียฮุยเมื่อประมาณสามสิบกว่าปีก่อน เมื่อสามสิบปีก่อนตอนที่ผมไปพบหม่าเจียฮุยที่ฮ่องกง ก็ยังเคยเจอกับเขาครับ”
“โอ๊ะ?” เย่เฉินถามเพิ่มอย่างสงสัยมากว่า “ในเมื่อหม่าเจียฮุยคนนี้ชื่อเสียงโด่งดัง งั้นซวนเฟิงเหนียวที่เขาเป็นลูกศิษย์ของเขา ทำไมถึงได้ชื่อเสียงย่ำแย่ไปทั่วละ?”
ล่ายชิงหวาอธิบายว่า “ความสามารถของหม่าเจียฮุย สามารถเรียกได้ว่าไม่มีที่สองในตอนนั้น ทั้งชีวิตของผมที่ศึกษาอี้จิงปากั้ว วิชาฮวงจุ้ย ก็ทำได้เพียงแค่เทียบกับเขาในทางด้านนี้ที่แยกระดับไม่ได้ เพียงแค่สูสีกันครับ”
“แต่เขานอกจากอี้จิงปากั้วและวิชาฮวงจุ้ยแล้ว ยังเชี่ยวชาญวิชาซวนซวนหลายอย่าง ในพวกนี้มีทั้งดีและชั่วร้าย โดยรวมแล้วประสบความสำเร็จก้าวไกลยิ่งกว่าผมมากครับ!”
“เพรางั้น หากไม่ใช่ว่ามีความสามารถโดดเด่น ก็ไม่มีใครที่จะสามารถฝึกฝนวิชาของหม่าเจียฮุยมาได้จนหมดครับ”
“และก็เพราะอย่างนี้ ลูกศิษย์ตัวจริงมั้งสามของเขาในตอนนั้นต่างก็มีความถนัดในแต่ละด้าน”
“มีคนถนัดวิชาฮวงจุ้ย มีคนถนัดวิชาซวนซวน ส่วนสิ่งที่ซวนเฟิงเหนียนถนัด ก็คือเลี้ยงหนอนพืษลงมนต์ครับ”
“วิชาเลี้ยงหนอนกู่ลงมนต์ในทางด้านวิชาซวนซวนแล้ว ถูกเรียกว่าวิชาชั่วร้าย นั่นคือความสิ่งชั่วร้าย ในนั้นการเลี้ยงหนอนกู่ก็คือความชั่วร้ายมากที่สุดครับ”
“ในตอนที่หม่าเจียฮุยยังมีชีวิตอยู่ ซวนเฟิงเหนียนยังสามารถเก็บกดความร้ายกาจในใจได้ ไม่ออกมาทำความชั่ว แต่เมื่อหม่าเจียฮุยตายไป คนๆนี้ก็ปล่อยอิสระ กลายเป็นผู้ร่วมมือทำผิดให้กับพวกคนรวย ทำร้ายศัตรูและคู่แข่งให้กับคนรวยมามากมาย ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงย่ำแย่ไปทั่วครับ”
เย่เฉินขมวดคิ้ว พะงาบปาก ถามว่า “คุณท่านล่ายครับ ไม่ทราบว่าคนๆนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักของหม่าเจียฮุย รวมทั้งลูกศิษย์อีกสองคนของหม่าเจียฮุยเป็นยังไงบ้างครับ? ไม่ทราบว่าหากผมฆ่าเขาคนหนึ่ง ปรากฏว่าไปตีโดนรังแตน แล้วทำให้มีปัญหากับพวกน่ารำคาญหรือไม่ครับ?”
ล่ายชิงหวาพูดตามจริงว่า “แม้ว่าหม่าเจียฮุยจะมีความสามารถโดดเด่น แต่ทั้งชีวิตของเขาไม่มีคนสืบทอด หลังจากที่อายุมากแล้วไม่ยุ่งเรื่องราวในยุทธภพ ทางสำนักก็ไม่มีแกนนำ แล้วก็ค่อยๆแยกย้ายกันไป ถ้าไม่อย่างนั้นซวนเฟิงเหนียนก็คงไม่ออกจากฮ่องกง ไปที่ประเทศอังกฤษ ดังนั้นทางด้านสำนักก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงครับ”
พูดแล้วเขาก็พูดอีกว่า “ส่วนลูกศิษย์อีกสองคนของเขามีความสัมพันธ์กับซวนเฟิงเหนียนยังไงบ้าง พูดตามความจริงตัวผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจครับ ระยะหลังอาจารย์ฮวงจุ้ยของฮ่องกงถูกพวกคนรวยหลอกใช้ประโยชน์ ช่วยงานให้พวกคนชั่ว ดังนั้นนิสัย ชื่อเสียงไม่ค่อยจะดีนัก เพราะงั้นคุณชายเย่ครับ คุณจะต้องระวังตัวไว้ให้มากจะดีกว่าครับ”
ตามมาด้วย ล่ายชิงหวาพูดต่อว่า “ผมจำได้ว่าลูกศิษย์อีกสองคนของเขา คนหนึ่งชื่อโห้เจิ้งอิน อีกคนหนึ่งชื่อว่าวีจิ้งไห่ครับ”
“วีจิ้งไห่?!”
ดวงตาเย่เฉินหดตัวทันที ในใจแอบคาดเดา
“คิดไม่ถึงเลย….ปรมาจารย์ซวนซวยวีจิ้งไห่ที่ถูกตัวเองใช้สายฟ้าฟาดตาย จะเป็นศิษย์พี่น้องกับซวนเฟิงเหนียน! มีอะไรบางอย่างจริงๆ!”
ล่ายชิงหวาที่อยู่ไกลถึงสหรัฐอเมริกา ไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงสีหน้าในตอนนี้ของเย่เฉิน
เขาพูดเตือนในสายว่า “คุณชายเย่ครับ คุณจะต้องระวังซวนเฟิงเหนียนนั้นไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องระวังรอบตัวไว้ ว่ารอบตัวมีคนชื่อโห้เจิ้งอินรวมทั้งวีจิ้งไห่มาปรากฏตัวอยู่มั้ย หม่าเจียฮุยในตอนนั้นมีศิษย์มากมาย แต่ที่ฝึกฝนความสามารถมาได้จริงก็มีเพียงแค่ศิษย์สามคนนี้ คนอื่นๆนั้นไม่มีค่าอะไร”
เย่เฉินรีบพูดขอบคุณ “ขอบคุณครับคุณท่านล่าย ผมจะระมัดระวังให้มากแน่นอนครับ”
ล่ายชิงหวาถามอีกว่า “อีกอย่าง ซวนเฟิงเหนียนนั่นนิสัยแปลกประหลาด เป็นคนร้ายกาจมาก อีกอย่างหนอนกู่ที่เขาเลี้ยง ได้ยินมาว่าเลี้ยงมายี่สิบปีแล้ว ไอ้ตัวนั่นนอกจากปีแรกที่กินเลือดเขาเพื่อเติบโตแล้ว ที่เหลือล้วนกินสมองคนมีชีวิตเป็นอาหาร อันตรายอย่างมาก คุณชายเย่จะต้องระมัดระวังอย่างมากเลยนะครับ”
เย่เฉินได้ยินถึงนี่ แววตาก็มีความโหดร้ายแวบเข้ามา!
ซวนเฟิงเหนียนคนนี้ หนอนกู่ที่เลี้ยงไว้กินสมองคนเป็นอาหาร เป็นการทำร้ายโลกจริงๆ!
ดังนั้น เขาจึงเอ่ยปากพูดว่า “คุณท่านล่ายสบายใจได้ครับ วันที่ซวนเฟิงเหนียนคนนี้ได้พบเจอกับผม นั่นก็คือวันที่หยุดทำความชั่วร้าย!ครั้งนี้ผมจะต้องเก็บทั้งเขาและหนอนกู่ของเขาไว้ที่เมืองจินหลิงให้ได้