เย่เฉินเอ่ยปากพูดในเวลานี้ว่า “คุณท่านล่าย คุณเองก็ได้ยินแล้ว คนๆนี้ใจเสาะอย่างมาก และไม่มีความรับผิดชอบ ผมไม่สามารถปล่อยให้เขาไปอย่างนี้ได้ หากว่าเขาช่วยผมจับซวนเฟิงเหนียน ผมยังไว้ชีวิตเขาได้ แต่ถ้าหากว่าเขาโง่เง่าแบบนี้ ปล่อยให้ซวนเฟิงเหนียนทำร้ายผู้คนต่อไป งั้นผมก็จะเอาชีวิตของเขา!”
ไหม้เฉิงซินรู้สึกร้อนรนแล้ว พูดออกไปว่า “คุณยังหนุ่มขนาดนี้ ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมเช่นนี้!ฉันรู้จักกับพี่ล่ายมานานหลายปี หรือว่านายไม่สนใจให้เกียรติเลยสักนิดรึไง?”
ล่ายชิงหวาได้ยินคำพูดนี้ รีบพูดขึ้นว่า “เหล่าไหม้ นายอย่าได้มายุยงเสี้ยมสอนที่นี่ ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณชายเย่เห็นแก่ฉันแล้วเมตตานาย!”
เดิมทีไหม้เฉิงซินอยากจะใช้เกียรติของล่ายชิงหวามาร้องขอความเมตตา แต่ไม่คิดเลยว่าล่ายชิงหวาจะวาดเส้นกั้นกับเขาอย่างนี้ จึงพูดอย่างโมโหมากว่า “พี่ล่าย!คุณเริ่มมาทำร้ายกันเพิ่มอย่างนี้เลยหรอ? จะไม่ไร้สัจจะเกินไปหน่อยหรอครับ?”
น้ำเสียงของล่ายชิงหวาเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้น เอ่ยปากพูดว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีสัจจะ แต่เดิมทีตัวฉันก็เป็นหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงต่อคุณชายเย่อยู่แล้ว ทั้งชีวิตก็อาจจะไม่สามารถทดแทนได้ จะมีหน้าที่ไหนไปขอให้คุณชายเย่เห็นแก่ฉัน?”
ไหม้เฉิงซินตกใจ
เขาไม่คิดเลยว่า ล่ายชิงหวาจะพูดมาขนาดนี้
“เขาผู้อาวุโสที่อายุกว่าร้อยปี จะติดหนี้บุญคุณคนหนุ่มตรงหน้านี้ได้ยังไงกัน? นี่มันจะไร้เหตุผลเกินไปหน่อยแล้วมั้ง?”
คิดถึงนี่ จู่ๆเขาก็นึกถึงโอกาสก่อนหน้านี้ของล่ายชิงหวา อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่ล่าย หรือว่าโอกาสของคุณนั้นเกี่ยวข้องกับคนๆนี้หรือครับ?!”
ล่ายชิงหวาตกอยู่ในความเงียบ
คำพูดพวกนี้ เขาไม่สามารถพูดได้
เพราะว่าเขาไม่ยินดีที่จะขัดความต้องการของเย่เฉิน แล้วเปิดเผยตัวตนของเขาต่อภายนอก
แต่ว่า ความเงียบของล่ายชิงหวา ทำให้ไหม้เฉิงซินใจกระตุกขึ้นมา รู้สึกประหม่าและพูดออกไปว่า “พี่ล่าย!โอกาสนั้นของคุณ ได้มาจากเขาจริงๆ?!”
ล่ายชิงหวาพูดอย่างอมพะนำว่า “เรื่องนี้ฉันไม่สามารถบอกได้!”
เย่เฉินที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างนิ่งเฉยว่า “คุณท่านล่าย ในเมื่อเขาอยากรู้ขนาดนี้ ทำไมถึงไม่บอกเขาไปตรงๆละครับ?”
ล่ายชิงหวาได้ยินคำพูดนี้ ก็พูดออกมาว่า “เฮ้อ เหล่าไหม้นายบ้าไปแล้วหรอ!นายเดาถูกแล้ว คุณชายเย่ก็คือผู้มีพระคุณคนที่ให้โอกาสพลังสวรรค์กับฉัน!นายมาไกลถึงหัวเซี่ยเพื่อตามหาโอกาส ทำไมถึงได้ไปมีปัญหากับคุณชายเย่?!”
“หา?!” ไหม้เฉิงซินรู้สึกเพียงแค่ว่าได้รับการกระทบอย่างรุนแรง
ก่อนหน้านี้ เขาไล่ถามรายละเอียดของโอกาสกับล่ายชิงหวาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ล่ายชิงหวาบอกว่า ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของผู้มีพระคุณได้ แม้แต่ลูกหลานของตัวเองก็ห้าม
จากที่ไหม้เฉิงซินดูแล้ว โอกาสของล่ายชิงหวามากถึงขั้นสามารถสู่สวรรค์ได้ พลังช่วยประเทศในตอนนั้นของจิ๋นซีฮ่องเต้ ก็ไม่สามารถที่จะทำให้เวลาย้อนถอยหลัง หรือไม่แก่ได้ แต่เขามาถึงหัวเซี่ยอยู่นานถึงสามปี หลังจากนั้นสามปีก็กลับสู่อเมริกา กลับอายุน้อยลงถึงยี่สิบปี จะไม่ทำให้ไหม้ฉิงซินหวั่นไหวได้อย่างไร?
แต่ว่า แม้ในตอนนั้นใจเขาจะคาดหวังอย่างมาก แต่เผชิญหน้ากับล่ายชิงหวาที่ไม่ยอมพูดอะไรเลย เขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
เดิมที เขาก็เคยคิดว่าจะมาที่หัวเซี่ยเพื่อหาโอกาส แต่ว่า หัวเซี่ยที่กว้างใหญ่ ตามหาโดยพึ่งเพียงตัวเขาเองนั้นยากมากเหลือเกิน
แต่ว่าเรื่องนี้คอยติดค้างอยู่ในสมองเขาอยู่เสมอ จนกลายเป็นความหวังในใจของเขาที่อยากจะสมปรารถนาที่สุด
ครั้งนี้ที่มาจินหลิง ก็เพราะว่าตอนที่ดูดวงนั้นมีโอกาสว่าจะได้พบเจอกับโอกาส ดังนั้นจึงได้มาจากอเมริกา
แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า โอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ตัวเองเฝ้าฝันถึง กลับเป็นคนหนุ่มตรงหน้าคนนี้!
ชั่วขณะนั้น เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะแอบคิดว่า “รู้อย่างนี้แต่แรก แม้ว่าจะตีฉันจนตาย ฉันก็จะไม่มีปัญหาต่อเทพเจ้าท่านนี้หรอก!”
คิดถึงนี่ สองขาของเขาอ่อนแรง คุกเข่าลงกับพื้น พูดอย่างน้ำตานองหน้าว่า “คุณชายเย่ครับ ขออภัยจริงๆ ผมมันบ้าไปแล้ว คุณอย่าได้โมโหผู้โง่เขลาอย่างผมเลยครับ