แม้ว่าเย่เฉินจะไม่ได้รู้จักซวนเฟิงเหนียนเลยก็ตาม และก็ไม่รู้สไตล์การทำงานของซวนเฟิงเหนียน แต่เขารู้สึกว่า สำหรับคนอย่างซวนเฟิงเหนียนแล้ว ความโหดร้ายและการเข่นฆ่าจะต้องฝังลึกลงในหัวใจอย่างแน่นอน

ปกติแล้วเขาไม่ฆ่าคน ไม่ใช่คนที่มีจิตใจดีแน่นอน แต่เงื่อนไขมีขีดจำกัด เมื่อเงื่อนไขไม่มีขีดจำกัดแล้ว เขาจะต้องไม่ออมมือแต่อย่างใดแน่นอน

จากที่ไหม้เฉิงซินพูดมาทั้งหมด ครั้งก่อนเขาเจอซวนเฟิงเหนียนที่สุสานเขาเฟิ่งหวง ซวนเฟิงเหนียนยังเคยถอนหายใจ สุสานเขาเฟิ่งหวงใหญ่โตเช่นนี้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงคนเดียว ดังนั้นหนอนกู่ดวงชะตาของเขากินก็ยังกินไม่อื่มเลย

เพราะงั้นจึงเห็นได้ว่า เมื่อเงื่อนไขไม่มีขีดจำกัดแล้ว ซวนเฟิงเหนียนไม่มีทางที่จะฆ่าแค่คนเดียว จะต้องพยายามฆ่าคนให้มากๆแน่นอน

วันนี้ ไหม้เฉิงซินคิดอยากจะแบ่งเงินจากในกระเป๋าของเขา จะต้องแตะขีดเส้นตายของเขาแล้วแน่นอน เขามีเจตนาจะฆ่าไหม้เฉิงซินแน่นอน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีทางนัดเจอไหม้เฉิงซินที่เขาเฟิ่งหวง

ถึงตอนนั้น ขอเพียงแค่เขาเห็นคนขับรถแท็กซี่คันนี้ของตัวเอง ไม่มีทางที่จะใจอ่อนต่อตัวเองอย่างแน่นอน

ซวนเฟิงเหนียนในเวลานี้ ขับรถตามท้ายรถแท็กซี่คันนั้นของเย่เฉินมาตลอด

เดิมทีเขาคิดว่า คืนนี้จะจัดการไหม้เฉิงซินพร้อมทั้งเหลนชายของเขาไมค์ให้สิ้นซากไปพร้อมกัน

แต่คิดไม่ถึงว่า มีเพียงไหม้เฉิงซินคนเดียวที่เดินออกมาจากในร้านเหล้าแล้ว

เห็นเขาขึ้นรถแท็กซี่คันหนึ่งแล้ว ในใจของซวนเฟิงเหนียนก็ได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว จะจัดการคนขับรถแท็กซี่คันนี้ไปด้วย ทำแบบนี้ถึงจะทำให้หนอนกู่ดวงชะตาของตัวเองกินอิ่มไปหนึ่งมื้อ ไม่เช่นนั้นกินแค่ตาเฒ่าอย่างไหม้เฉิงซินเพียงคนเดียว หนอนกู่ดวงชะตากินไม่อิ่มเลยด้วยซ้ำ

และเขาได้ตัดสินใจแล้ว รอจนไหม้เฉิงซินนั่งรถไปถึงเขาเฟิ่งหวงแล้ว ตัวเองจะไม่พูดเรื่องไร้สาระกับเขา จัดการคนขับรถคนนั้นก่อน จากนั้นค่อยบีบบังคับไหม้เฉิงซินพูดเบาะแสหลักๆออกมา หลังจากที่ไหม้เฉิงซินพูดเล่าออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ก็จัดการเขาด้วยเช่นกัน

ซวนเฟิงเหนียนไม่ได้เห็นไหม้เฉิงซินชายชราอยู่ในสายตาเลย เขารู้ว่าไหม้เฉิงซินแค่เรียนวิชาฮวงจุ้ยมาทั้งชีวิตแค่นั้นเอง กลับว่าไม่ได้ชำนาญเรื่องฆ่าคน อีกอย่างอายุก็มากเกินไปแล้ว ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเองเลยสักนิด

ส่วนคนขับรถแท็กซี่นั่นที่ขวางกั้นไว้อย่างสบายๆ เขาก็ยิ่งไม่กังวลเลย

อย่าว่าแต่คนขับรถธรรมดาๆเลย แม้แต่ทหารพิเศษที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี หรือว่ายอดฝีมือมวยภายใน เผชิญหน้ากับหนอนกู่ของตัวเอง ก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะได้เลย

ในสายตาของเขา คนธรรมดาเช่นนี้ เป็นเพียงแค่อาหารของหนอนกู่ดวงชะตาของเขาก็เท่านั้น

ตอนที่เย่เฉินขับรถออกจากเมือง ก็พบว่ามีรถคันหนึ่งขับตามหลังตัวเองโดยเว้นช่วงระยะห่างประมาณสองสามคันอยู่ตลอด ขับตามท้ายรถ Volkswagenของตัวเองมาตลอดทาง

เขาก็เดาออกว่า คนที่นั่งอยู่ในรถคันนั้น น่าจะเป็นซวนเฟิงเหนียน

แต่ว่าเขากลับว่าไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบโต้ และทำเหมือนว่าไม่เห็นเขายังไงอย่างนั้น ขับตรงไปยังสุสานเขาเฟิ่งหวงเลย

สุสานเขาเฟิ่งหวงในตอนนี้ เป็นแบบนั้นเหมือนกับตอนที่ซวนเฟิงเหนียนพูดทางโทรศัพท์จริงๆ ไม่มีเงาคนแม้แต่คนเดียว คดีก่อนหน้านี้ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถูกดูดสมองจนเกลี้ยงยังไม่ได้คลี่คลายเลย ทั้งหน่วยงานที่ดำเนินการของสุสานเขาเฟิ่งหวงต่างก็แตกตื่นกันหมด เพราะงั้นก็ไม่ได้ส่งคนมาเฝ้ารอบดึกอีกแล้ว

ซวนเฟิงเหนียนเห็นรถแท็กซี่ของเย่เฉินเข้ามายังถนนผานซานของสุสานเขาเฟิ่งหวงแล้ว แล้วก็ดับไฟรถยนต์แล้ว ตามเข้ามาเลย

รถแท็กซี่ขับมาได้ครึ่งทาง เย่เฉินก็ขับรถไปจอดที่ปากทางเข้าของสุสานแล้ว ไหม้เฉิงซินพูดกับเขาอย่างค่อนข้างตื่นเต้นว่า : “คุณชายเย่ งั้นผมลงจากรถก่อนนะ คุณก็ระวังตัวด้วยนะ ห้ามหลงกลซวนเฟิงเหนียนเด็ดขาด! ”

ไหม้เฉิงซินในใจตื่นเต้นอย่างมาก เขากลัวว่าความสามารถของเย่เฉินไม่เพียงพอหรือดูแลตัวเองไม่ได้ ทำให้ตัวเองต้องตายอยู่ที่นี่

ในเวลานี้เย่เฉินพูดอย่างราบเรียบว่า : “คุณลงจากรถก่อน ซวนเฟิงเหนียนอยู่ด้านหลัง อีกเดี๋ยวก็ตามมาแล้ว ขอเพียงแค่คุณทำตามที่ฉันสั่ง ฉันจะคุ้มกันให้คุณปลอดภัยแน่นอน”