เฮ่อจือชิวรีบพูด: “ฉันเพิ่งกลับมาไม่กี่วัน”
หวังตงเสวี่ยนถามด้วยความสงสัย: “คุณเฮ่อก่อนหน้านี้อยู่ที่สหรัฐอเมริกาตลอดเลยหรือ?”
“ถูกต้อง” เฮ่อจือชิวพยักหน้า และอธิบายว่า: “ฉันเกิดและเติบโตที่สหรัฐอเมริกา ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกา”
หวังตงเสวี่ยนถามอีกว่า: “งั้นเพิ่งมาจินหลิงรู้สึกชินหรือยัง?”
“ก็ดีนะ” เฮ่อจือชิวยิ้มและพูดว่า: “ที่จริงความรู้สึกที่อยู่ในประเทศดีกว่าสหรัฐอเมริกาเยอะเลย หนึ่งคือมีความรู้สึกเป็นเจ้าของมากกว่า และอีกเหตุผลที่สำคัญมากคือความรู้สึกปลอดภัยในประเทศ ”
“ก็จริงนะ” หวังตงเสวี่ยนอุทานว่า: “ฉันเคยอยู่สหรัฐอเมริกาช่วงหนึ่ง ความสงบเรียบร้อยแย่กว่าประเทศจีนเป็นไหน ๆ หลังจาก 4 ทุ่มไป นอกจากตัวเมือง ก็ไม่กล้าไปที่อื่นเลย มักมีคนถืออาวุธปล้นปืนตามท้องถนนและตรอกซอกซอย ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้หญิงอย่างยิ่ง”
เฮ่อจือชิวพยักหน้าเห็นด้วย พูดอย่างหมดหนทางว่า: “ปัญหาด้านความปลอดภัยในสหรัฐอเมริกาเป็นโรคเรื้อรังมาโดยตลอด ตอนที่ฉันอยู่สหรัฐอเมริกา ปกติฉันไม่ออกไปข้างนอกหลัง 21.00 น.”
หวังตงเสวี่ยนยิ้มและพูด: “แต่ในประเทศคุณสามารถวางใจได้ ไม่ว่าเวลาไหนก็สามารถออกจากบ้านอย่างสบายใจได้”
เฮ่อจือชิวพยักหน้า ถามหวังตงเสวี่ยนอย่างระมัดระวังว่า: “ประธานหวัง คุณเย่คนนี้ ในการทำงานเข้ากันยากหรือเปล่า?”
หวังตงเสวี่ยนยิ้มเบาๆ และพูดว่า: “คุณชายคนนี้ ในการใช้ชีวิตนั้นเข้ากันได้ดีเลยแหละ แต่การทำงาน กลับว่าเข้ากันไม่ได้เลยสักนิด”
“งั้นเหรอ?” จู่ ๆ เฮ่อจือชิวก็ตื่นเต้น รีบถามต่อว่า: “งั้นสาเหตุที่เข้ากันไม่ได้ เป็นเพราะเงื่อนไขการทำงานนั้นเข้มงวดมากเลยใช่ไหม?”
หวังตงเสวี่ยนเม้มปากและยิ้ม แล้วก็พูดว่า: “ไม่ใช่ ตรงข้ามกันเลย สาเหตุในเรื่องงานที่เข้ากับคุณชายได้ยากนั้น ก็เป็นเพราะในเรื่องงานเขาคอยสั่งคนอื่นตัวเองไม่ทำ หลังจากที่สั่งงานลูกน้องแล้ว โดยปกติแล้วก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นถึงสองสามเดือนเลย แทบไม่ได้จะไม่ให้โอกาสคุณได้ติดต่อทำงานกับเขาเลย นี่คือเหตุผลที่ฉันบอกว่าเรื่องงานเข้ากับเขาได้ยากยังไงล่ะ”
เดิมทีเฮ่อจือชิวรู้สึกโล่งอก แต่เมื่อได้ยินความหมายของประโยคนี้ ในใจก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แอบครุ่นคิด: “ถ้าต่อไปไม่ได้พบเย่เฉินสองสามเดือน เย่เฉินก็ไม่สนใจเรื่องงานที่ฉันทำตรงนี้ งั้นไม่ใช่ว่าฉันจะเจอเขายากแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
เฮ่อจือชิวกำลังคิด มีคนมาเคาะประตู ผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่า: “ประธานหวัง คุณเย่มาแล้วค่ะ”
คนที่พูดก็คือเลขาของหวังตงเสวี่ยน
เลขาของหวังตงเสวี่ยนไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเย่เฉิน เธอรู้แค่ว่าเย่เฉินเป็นแขกคนสำคัญของหวังตงเสวี่ยน ทุกครั้งที่มาตี้เหากรุ๊ป หวังตงเสวี่ยนจะให้ความสำคัญมากๆ ดังนั้นหลังจากที่เย่เฉินมา เธอก็พาเย่เฉินเข้ามาด้วยตัวเองทันที
เมื่อได้ยินว่าเย่เฉินมาแล้ว หวังตงเสวี่ยนนรีบลุกขึ้นยืน รีบเดินไปเปิดประตูห้องทำงาน มองดูเย่เฉิน พูดด้วยความเคารพอย่างยิ่งว่า: “คุณเย่ท่านมาแล้ว รีบเข้ามาข้างในเถอะ”
เย่เฉินยิ้มเบาๆและพยักหน้า ก้าวขาเข้ามา
หวังตงเสวี่ยนก็รีบสั่งเลขาของตัวเองว่า: “ตั้งแต่ตอนนี้ไป ฉันไม่รับแขกคนไหนแล้ว การประชุมและการเยี่ยมชมทั้งหมด เลื่อนไปเป็นวันหลังนะ แต่ถ้าหากคุณซ่งจากตระกูลซ่งมา ก็พาเธอมาที่ห้องทำงานฉันได้เลย”
เลขาพยักหน้าทันที: “ได้ค่ะประธานหวัง ฉันทราบแล้ว”
ในตอนนี้เย่เฉินเดินเข้ามาในห้องทำงาน เห็นเฮ่อจือชิวยืนขอบโซฟาในบริเวณแผนกต้อนรับอย่างเกร็งๆ และถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยว่า: “จือชิว ทำไมไม่นั่งล่ะ?”
เฮ่อจือชิวพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติว่า: “คุณเย่ ท่านนั่งก่อนค่ะฉันค่อยนั่ง……”
เย่เฉินโบกมือ: “อยู่ต่อหน้าฉันไม่ต้องถือสาอะไรหรอก เป็นธรรมชาติหน่อยก็ดี รีบนั่งเถอะ”
เฮ่อจือชิวพยักหน้า นั่งลงบนโซฟาอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้หวังตงเสวี่ยนก็ปิดประตูและเดินเข้ามา พูดอย่างเคารพว่า: “คุณชาย ท่านต้องการจะดื่มอะไรไหม?”
“ดื่มน้ำเปล่าละกัน” เย่เฉินพูดอย่างเป็นกันเอง
หวังตงเสวี่ยนรีบรินน้ำให้เย่เฉิน จึงจะนั่งลงตรงข้ามเย่เฉิน ยิ้มกล่าว: “คุณชาย ก่อนที่ท่านมา ฉันก็คุยกับคุณเฮ่อถึงท่านด้วย”
“โอ๋? งั้นเหรอ?” เย่เฉินยิ้ม ถามว่า: “พวกคุณคุยอะไรถึงผมเหรอ?”