ซูจือหยูในตอนนี้ ยังกลัดกลุ้มเกี่ยวกับธุรกิจขนส่งทางทะเลต่อ

ถึงแม้เค้กชิ้นนี้จะเป็นชิ้นใหญ่ แต่ตอนนี้อยู่ในสถานะที่ถือมันไว้ในมือได้ แต่ไม่สามารถกินใส่ลงท้องได้

ท้ายที่สุดธุรกิจทั้งหมดของตระกูลซูก็ถูกปิดกั้น ตอนนี้ตัวเองก็ไม่สามารถใช้ทรัพยากรเหล่านี้ได้

ที่จริงเธออยากพบเย่เฉินสักครั้ง บอกเรื่องนี้ให้เย่เฉินฟัง จากนั้นก็พยายามร่วมมือกับเย่เฉิน และนำทรัพยากรเหล่านี้มาฟื้นฟูทรัพย์สิน

แต่ทว่า เธอเองก็กังวลว่าเย่เฉินจะรังเกียจตัวเองและตระกูลซู ยังไงพ่อของตัวเอง แม้แต่ครอบครัวของตัวเอง ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเย่มานาน แม้กระทั่งบางทีการตายของพ่อแม่เขาก็ไม่อาจหลุดพ้นสิ่งที่พัวพัน

ดังนั้น เธอก็ยังคิดไม่ออกว่าต่อไปจะทำอย่างไรดี

แต่ยังดีที่หยวนหยางขนส่งกรุ๊ปเพิ่งเปลี่ยนเป็นชื่อของตัวเอง ซูจือหยูรู้สึกว่าอย่างน้อยตัวเองก็พอมีเวลาที่จะไปวางแผนระยะยาว

และในขณะนี้ ซูเฉิงเฟิงได้ออกคำสั่งให้ซูจือเฟยพี่ชายของเธอแล้ว ให้ซูจือเฟยคิดหาวิธีสืบหาข้อมูลจากปากของเธอ ค้นหาว่าเธอวางแผนที่จะดำเนินการหยวนหยางขนส่งกรุ๊ปของตระกูลซูอย่างไร

สิ่งที่ซูเฉิงเฟิงกลัวที่สุด ก็คือซูจือหยูรีบตักตวงผลประโยชน์ ขายทรัพย์สินของหยวนหยางขนส่งกรุ๊ปทั้งหมด

ถ้าหากเป็นเช่นนี้ งั้นตัวเองก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้

สุดท้ายแล้วตอนนี้องค์กรเป็นชื่อของซูจือหยู ทรัพยากรทั้งหมด สินทรัพย์ทั้งหมดเป็นของเธอ ถ้าเธอบ่งขายองค์กรไปไม่มีใครมีสิทธิ์จะหยุดได้

และแม้ว่าตระกูลซูถูกจำกัดไม่ให้ดำเนินธุรกิจนี้ต่อไปได้ แต่ไม่จำกัดการขายทรัพย์สิน ดังนั้น เมื่อซูจือหยูเปลี่ยน หยวนหยางขนส่งกรุ๊ปเป็นเงิน ฝากเข้าไปในบัญชีของเธอเอง แม้ว่าซูเฉิงเฟิงจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาเงินคืนมา จากนั้นค่อยเอาหยวนหยางขนส่งกรุ๊ปที่ถูกขายไปกลับมา

เพียงเพราะซูจือเฟยได้รับคำสั่งจากคุณท่าน เขาจึงอยู่ห้อมล้อมซูจือหยูตั้งแต่เช้าตรู่ ทำทุกวิถีทาง พูดจาอ้อมค้อมเพื่อที่จะสอบถามแผนการต่อไปของซูจือหยู

เขาถึงขั้นยังเสนอ เขาจะหยุดธุรกิจบางส่วนในมือของเขาชั่วคราว จากนั้นเขาก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยซูจือหยูให้ดำเนินการหยวนหยางขนส่งกรุ๊ปอย่างเหมาะสม

ในคำพูดของเขา ซูจือหยูเป็นน้องสาวของเขา ในเมื่อธุรกิจนี้เอามาได้แล้ว ไม่ว่ายังไงต่อไปก็จะเป็นวาสนาหรือคราวเคราะห์ ตัวเองก็เป็นพี่ชาย จะต้องออกมารับผิดชอบช่วยเหลือน้องสาว

คุณตาชื่นชมท่าทีของซูจือเฟยเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าเขายืนอยู่ด้านหลังน้องสาวอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด สนับสนุนน้องสาว แต่มีเพียงซูจือหยูเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ ที่พี่ชายพูดทั้งหมด ไม่ได้มาจากใจจริงเลย แต่จงใจที่จะลองเชิง

พี่ชายแท้ๆใช้ทุกวิถีทางที่เลวร้ายเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทำให้ส่วนลึกในใจเธอเอือมระอาและกังวลอย่างมาก

เธอในตอนนี้ ในใจกลัวว่าตัวเองไม่สามารถปกป้องได้ กว่าจะได้ธุรกิจนี้มาไม่ง่ายเลย

ดังนั้น ก็ยิ่งต้องการพบเย่เฉินมากขึ้นไปอีก

เธอต้องการคุยกับเย่เฉินสักหน่อย ถามเย่เฉินว่ามีอะไรดีๆแนะนำบ้างไหม

เพียงแต่ว่า เธอก็ไม่รู้ว่าเย่เฉินยินดีจะพบเธอหรือเปล่า

คิดหน้าคิดหลัง เธอรวบรวมความกล้า ถามเย่เฉินในวีแชทว่า: “ผู้มีพระคุณ ไม่ทราบว่าท่านมีเวลามาเจอฉันหน่อยได้ไหม?”

ทันใดนั้นเย่เฉินได้รับข้อความวีแชทจากซูจือหยู อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าทำไมซูจือหยูอยากพบเขา แต่ความรู้สึกน่าจะเกี่ยวข้องกับ หยวนหยางขนส่งกรุ๊ป

ครั้นแล้วเย่เฉินก็ตอบกลับไปว่า: “ตอนบ่ายเป็นยังไง?”

ซูจือหยูรีบกล่าว: “ไม่มีปัญหา! ไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณสะดวกพบที่ไหนดี?”

เย่เฉินคิด และพูดว่า: “โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงเถอะ ฉันให้ข้อมูลติดต่อคุณ คุณติดต่อนางาฮิโกะ อิโตะแห่งตระกูลอิโตะ บอกว่าไปเยี่ยมเขาที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง ถึงตอนนั้นคุณก็ไปที่ห้องสวีทของเขาได้เลย ฉันจะไปพบคุณที่นั่น”

เย่เฉินรู้สึกว่า ซูจือหยูในตอนนี้ จะต้องถูกเฝ้าจับตามองจากตระกูลซูอยู่แน่นอน ถ้าตนออกไปพบเธอข้างนอก เป็นไปได้สูงที่ไม่สามารถหลบหนีจากสายตาของซูเฉินเฟิงได้

ดังนั้น สู้ให้ซูจือหยูมาที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงไม่ดีกว่าเหรอ

ถ้าหากนางาฮิโกะ อิโตะไม่มาพักที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงพอดี ซูจือหยูมาโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงแหล่งอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเย่ จะต้องยิ่งทำให้ซูเฉิงเฟิงรู้สึกตื่นตัว

แต่ เพราะนางาฮิโกะ อิโตะอยู่ที่นี่ ซูจือหยูมาพบนางาฮิโกะ อิโตะ ก็สมเหตุสมผลดี ซูเฉิงเฟิงไม่มีทางสงสัยแน่นอน

สุดท้ายแล้ว ซูจือหยูตอนนี้กำลังมองหาการส่งออกสำหรับหยวนหยางขนส่งกรุ๊ป ถูกต้องแล้วที่จะไปหานางาฮิโกะ อิโตะเพื่อคุยเรื่องเกี่ยวกับการร่วมงาน ถูกจังหวะและเป็นขั้นตอนดี

ยิ่งมีเหตุผลมากเท่าไหร่ ซูเฉิงเฟิงก็จะยิ่งผ่อนคลายความระมัดระวังได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

และโรงแรมป๋ายจินฮ่านกงเป็นอาณาเขตของเฉินจื๋อข่าย แม้แต่สายตาของซูเฉิงเฟิงก็เข้าไปไม่ได้ ดังนั้นซูเฉิงเฟิงก็ไม่อาจรู้ ซูจือหยูไปที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง แท้ที่จริงแล้วจะมาพบเจอใครกันแน่