เมื่อสวีต้านต้านได้ยินคุณชายพูดอย่างมั่นใจ รู้สึกมีจุดยืนทันที

เขาเดินกลับมา ยกโทรศัพท์ขึ้นสูง แล้วพูดกับเฉินจื๋อข่ายว่า:”คุณชายของเรามีเรื่องจะถามคุณด้วยตัวเอง!”

เฉินจื๋อข่ายขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจและพูดอย่างเย็นชา:”มีเชี่ยไรก็รีบๆพูด!”

“เชี่ย!”ชายหนุ่มปลายสายด่าออกมาทันที:”มึงเป็นใคร? ถึงได้มองข้ามความหวังของคนอื่นได้ไง? รู้ไหมว่ากูเป็นใคร?”

เฉินจื๋อข่ายเยาะเย้ยและพูดว่า:”รู้สิ คุณก็เป็นแค่นักร้องไม่ใช่เหรอ? ฉันได้ยินมาว่าตระกูลคุณใช้เงินเพื่อทำให้คุณดังมาหลายปี แต่ก็ไม่สามารถดังได้ สุดท้ายไปเปลี่ยนหน้าที่ต่างประเทศถึงฝืนดังขึ้นมาได้ ใช่รึเปล่า?”

“เชี่ย!”จงเทียนหยู่ที่อยู่ปลายสายกัดฟันอย่างโกรธเคือง:”มึงอยากตายสินะ! แน่จริงก็บอกกูมาว่ามึงชื่ออะไร? ถ้าไม่ทำให้มึงตาย กูก็ไม่มีชื่อนามสกุลจง!”

เฉินจื๋อข่ายพูดนิ่งๆ:”ฉันชื่อเฉินจื๋อข่าย ผู้จัดการของป๋ายจินฮ่านกงแห่งจินหลิง อยากให้ฉันตายก็มาเลย ฉันรออยู่”

จงเทียนหยู่ชะงัก และพูดอย่างเยาะเย้ย:”กูก็ว่าใครมันอวดเก่งแบบนี้ ที่แท้ก็คือผู้จัดการของป๋ายจินฮ่านกง ถ้าอย่างนั้นมึงก็คือคนของตระกูลเย่?”

“ใช่”

จงเทียนหยู่กัดฟันพูดว่า:”คนของตระกูลเย่แล้วยังไงล่ะ? แกก็ไม่ได้นามสกุลเย่ พูดตรงๆ ก็เป็นแค่สุนัขของตระกูลเย่ ก็มีสิทธิ์มาเห่าต่อหน้าฉันเหรอ?”

พูดไป จงเทียนหยู่ก็พูดขู่ว่า:”อย่าหาว่าฉันไม่ได้ให้โอกาสแกชดใช้ความผิด รีบไล่คนที่อยู่ในห้องเพรสซิเดนสูทที่อยู่ในตอนนี้ออกไป ทำความสะอาดห้องและเก็บไว้ให้ฉัน ถ้าแกทำให้เรียบร้อย ฉันจะให้อภัยแกครั้งนี้ มิฉะนั้น พอฉันถึงจินหลิง จะทำให้แกรับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไป!”

เฉินจื๋อข่ายยิ้มพูดว่า:”ถ้าอย่างนั้นคุณควรมาเร็วกว่านี้ ฉันแทบจะรอไม่ไหวแล้ว”

“ไอ้เวร!”จงเทียนหยู่ด่าอย่างโกรธเคือง:”มึงมันสติไม่ดีเหรอ? ไว้หน้ามึงมึงก็ไม่เอา ต้องรอจนกว่าภัยพิบัติจะใกล้เข้ามาถึงจะพอใจ? ฉันจะให้โอกาสมึงครั้งสุดท้าย เก็บห้องเพรสซิเดนสูทไว้ให้ฉัน พอฉันถึงจินหลิง มึงคุกเข่าต่อหน้าฉันและขอโทษด้วยตัวเอง มิฉะนั้น ฉันจะฆ่าแก!”

เย่เฉินที่ยืนฟังข้างๆ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดว่า:”เหล่าเฉิน อย่าไปพูดไร้สาระกับคนโง่เง่าแบบนี้เลย วางสายแล้วไล่หมาโง่พวกนี้ออกไป จะได้ไม่ทำให้ฉันหงุดหงิด”

เฉินจื๋อข่ายพยักหน้า คว้าโทรศัพท์ของสวีต้านต้านโดยตรง และกำลังจะวางสาย จงเทียนหยู่ที่อยู่ปลายสายตะโกนด่าว่า:”ไอ้สารเลวคนนี้มาจากไหนอีก? ฉันพบว่าจินหลิงของพวกมึงนี่มันมีคนเลวเยอะจริงๆ ไม่ว่าสวะอะไรก็กล้ามาเหลิงต่อหน้าฉันจงเทียนหยู่ ดูเหมือนว่าถ้าฉันไม่เก็บกวาดพวกบ้านนอกอย่างพวกมึงสักหน่อย พวกมึงก็จะไม่เห็นคนใหญ่โตอยู่ในสายตาเลย!”

เย่เฉินฟังแล้ว เยาะเย้ยและพูดว่า:”ในสายตาของฉัน คุณเทียบกับตัวตลกยังไม่ได้เลย ยังกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นคนใหญ่คนโตเหรอ? อย่าหาว่าฉันไม่เตือน ถ้ารู้ตัวเองดีล่ะก็ อย่ามาจินหลิงจะดีที่สุด มิฉะนั้น จะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา!”

“ไอ้เวร!”จงเทียนหยู่ตะโกน:”ไอ้นอกคอกนี้มาจากไหน? แม่งคิดว่าอายุยืนงั้นเหรอ? แน่จริงก็บอกกูมาว่ามึงชื่ออะไร?พอกูไปถึงจินหลิง จะจัดการมึงคนแรกเลย!”

เย่เฉินยิ้มพูดว่า:”ไม่บอกชื่อดีกว่า กลัวบอกแล้วคุณจะไม่กล้ามา ถ้าอยากรู้ว่าฉันชื่ออะไรนามสกุลอะไร ก็มาจินหลิงด้วยตัวเอง แล้วฉันจะบอกคุณต่อหน้า!”

พูดจบ เขาก็พูดกับเฉินจื๋อข่ายว่า:”วางสาย ฟังคนงี่เง่าคนนี้พูดมากเกินไปน่ารำคาญ”

เฉินจื๋อข่ายใช้สองมือหัก iPhone ของจงเทียนหยู่ให้เป็นเก้าสิบองศาอย่างแรง ปิดเครื่องทันที

สวีต้านต้านตกใจและโพล่งออกมา:”คุณ……คุณจะทำอะไร?”

เฉินจื๋อข่ายพูดอย่างเย็นชา:”ฉันจะทำอะไร? ฉันจะตบคุณ!”

พูดจบ ก็ตบหน้าสวีต้านต้านอย่างแรง ตบจนสวีต้านต้านตัวหมุนอยู่กลับที่หนึ่งรอบ เวียนหัวและเกือบจะล้มลงกับพื้น