ในตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เย่เฉินก็เอ่ยปากเตือนว่า“จะครบหนึ่งนาทีแล้วนะ!”

จงเทียนหยู่ถึงกับกระวนกระวาย

เขาไม่รู้ว่าตนเองควรจะเลือกข้อแรกหรือไม่ เนื่องจาก เขาไม่ยอมเป็นของเล่นในมือของเย่เฉินหรอก เขายังฝากความหวังไว้ที่พ่อของเขาว่าจะสามารถช่วยเขาออกไปหลังจากที่รู้เรื่องนี้แล้ว

ในขณะที่เขากำลังลังเลไม่ตัดสินใจนั้น เย่ฉางหมิ่นที่อยู่ปลายสายก็พูดอย่างร้อนรนว่า“เทียนหยู่ คว้าตัวเลือกที่ดีที่สุดเก็บไว้ก่อนเถอะ!ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดไม่มีช่องว่างให้ไกล่เกลี่ย อย่างน้อยนายก็ไม่ต้องสูญเสียมากขึ้น!”

คำพูดของเย่ฉางหมิ่น ทำให้จงเทียนหยู่ได้สติในทันที

เย่ฉางหมิ่นพูดถูก ถึงแม้ตนจะฝากความหวังไว้ที่โอกาสที่จะไกล่เกลี่ย แต่ก็น่าจะต้องคว้าโอกาสที่ดีที่สุดเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นสองปีเปลี่ยนเป็นสามปี ในตอนที่ตนไม่ยอมรับก็คงไม่ได้ มันก็เท่ากับเสียเวลาไปเปล่าๆหนึ่งปี!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงรีบตอบเย่เฉินไปว่า“ผมเลือกข้อแรก!”

เย่เฉินพยักหน้า แล้วหัวเราะ“แต่ว่านะเวลาหนึ่งนาทีหมดแล้วล่ะ ตอนนี้ข้อแลกก็คือ คุณจะต้องไปเป็นลูกเรือระยะเวลาสามปี ในเวลาสามปีนี้ ห้ามลงจากเรือ”

จงเทียนหยู่ถึงกับเข่าอ่อน เขาร้องไห้“เย่เฉิน ผมขอร้องล่ะอย่าแกล้งผมเลย ผมเลือกข้อแรกแล้ว เวลาสองปียังไม่พออีกหรอ?”

เย่เฉินพูดอย่างทำอะไรไม่ได้“ขอโทษด้วยนะ คุณไม่สามารถทำลายกฎของเกมได้ ตอนนี้ข้อแรกก็คือสามปี ผมให้เวลาคุณอีกหนึ่งนาที คุณคิดเสร็จแล้วค่อยบอกแล้วกันว่ายอมรับไหม แต่ผมขอพูดไว้ก่อนนะ ถ้าหลังจากผ่านไปหนึ่งนาทีคุณยังไม่เลือกอีกล่ะก็ ข้อแรกจะเปลี่ยนเป็นเวลาสามปี!”

จงเทียนหยู่ถึงกับเข่าทรุด

ตอนนี้เขาเสียใจสุดๆ

ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ทางเดินทางมาจินหลิงแน่

เมื่อมองย้อนกลับไป ถ้ารู้ว่าสองปีจะเปลี่ยนเป็นสามปี เขาเลือกข้อแรกตั้งนานแล้ว

แต่ว่า บนโลกใบนี้ไม่มียาแก้รักษาโลกเสียใจในภายหลัง

เพื่อไม่ให้สูญเสียไปมากกว่าเดิม เขาจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันพยักหน้ากล่าวว่า“ได้!ผมเลือกข้อแรก!”

เย่เฉินยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า“ดี ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นรบกวนคุณพักที่จินหลิงก่อนนะ รอบริษัทจนส่งทางทะเลของผมเปิด ผมจะส่งคุณไปที่เส้นทางเรือที่เหมาะสมที่สุด ถึงเวลานั้นคุณก็ขึ้นเรือได้แล้วล่ะ”

จงเทียนหยู่ร้องขออย่างโอดครวญ“เย่เฉิน ขอร้องคุณได้ไหม ให้ผมร่วมงานคอนเสิร์ตกับกู้ชิวอี๋ที่จินหลิงเถอะนะ ผมเป็นแขกรับเชิญพิเศษของเธอ แฟนคลับทั้งประเทศรอดูคอนเสิร์ตที่ผมจะไปขึ้นอยู่นะ……”

เย่เฉินหัวเราะอย่างเย้ยหยัน“ยังคิดจะขึ้นคอนเสิร์ตอีกหรอ?ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ ตั้งแต่นี้ไป จนกว่าจะครบสามปี คุณจะไม่มีโอกาสปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าสายตาของสาธารณชน ถึงจะขึ้นเรือไปแล้ว ผมจะส่งคนจับตาดูคุณไว้ ไม่ให้คุณโผล่หน้าไปให้ใครเห็น และไม่ให้คุณมีโอกาสติดต่อกับโลกภายนอก!”

จงเทียนหยู่เข่าทรุดในทันที

คอนเสิร์ตในครั้งนี้ เขาวางแผนมาเป็นเวลานานมาก อีกทั้งยังเตรียมการอะไรไว้มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือการสารภาพรักกู้ชิวอี๋บนเวทีคอนเสิร์ต

เดิมที เขาคิดว่า จากงานคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เขามีโอกาส ที่จะชนะใจกู้ชิวอี๋มาก แต่เย่เฉินไม่ให้เขาขึ้นคอนเสิร์ต ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเตรียมการไว้ทั้งหมดก็ต้องสูญเปล่าน่ะสิ ?!

ถ้าไม่ได้พบหน้ากู้ชิวอี๋ หลังจากสามปีกลับมาแล้ว ไม่แน่กู้ชิวอี๋อาจจะแต่งงานไปแล้วก็ได้……

เขาคลานเข่าเข้าไปหาเย่เฉิน กำลังคิดอยากจะขอร้องอ้อนวอนเขา แต่เวลานี้เอง จู่ๆมือถือของเย่เฉินก็ดังขึ้น มีคนส่งคำขอวิดีโอคอลกับเขา

เย่เฉินปลดล็อกหน้าจอมือถือ พบว่าวิดีโอคอลที่ส่งมา เป็นของกู้ชิวอี๋

ดังนั้น เขาจึงกดรับ ผ่านไปไม่นาน ภายในวิดีโอคอลก็ปรากฏภาพใบหน้าอันสวยงามของกู้ชิวอี๋ เธอถามเย่เฉินอย่างยิ้มแย้มว่า“พี่เย่เฉินคะ เมื่อกี้ฉันเห็นในโซเชียลพูดกันว่ามีคลิปที่จงเทียนหยู่จ้างแฟนคลับมารับที่สนามบินจินหลิงใช่ไหมคะ ตลกมากเลยค่ะ เรื่องนี้คงไม่ใช่ฝีมือของพี่หรอกใช่ไหมคะ?!”