แต่ว่า เขาขี้เกียจพูดกับเย่ฉางหมิ่นให้มากความ จึงพูดว่า“ยังมีเรื่องอื่นอีกไหมครับ?ถ้าไม่มีผมวางสายแล้วนะ”

เย่ฉางหมิ่นจึงรีบพูดว่า“อย่าใจร้อนสิ อามีเรื่องอยากจะขอรบกวนนายหน่อยน่ะ คือพ่อของจงเทียนหยู่อยากคุยกับเขาหน่อย นายสะดวกไหม?”

“คุยโทรศัพท์?”เย่เฉินขมวดคิ้ว แล้วมองดูจงเทียนหยู่ที่คุกเข่าอยู่ตรงพื้น ด้วยความหวาดผวา จากนั้นเขาก็เปิดลำโพง แล้วกล่าวว่า“เอาแบบนี้แล้วกัน บอกพ่อเขาว่า คุยโทรศัพท์กันได้ แต่ให้มากสุดแค่สองนาที”

เย่ฉางหมิ่นจึงรีบตอบตกลงกับเย่เฉิน แล้วรีบกล่าวว่า“ได้ๆ ฉันจะไปบอกพ่อเขาเดี๋ยวนี้แหละ ให้พ่อเขาโทรหานาย ได้ไหม?”

“ได้”

ผ่านไปไม่นาน จงเจิ้งหยู่ที่ได้การตอบกลับเขารีบจัดการโทรหาจงเทียนหยู่ทันที

หลังจากที่เย่เฉินรับสาย เขาก็เปิดลำโพง แล้วยื่นโทรศัพท์ไปที่ตรงหน้าของจงเทียนหยู่

ในสาย จงเจิ้งทาวลองถามออกไปว่า“เทียนหยู่ แกอยู่ไหม?”

เอจงเทียนหยู่ได้ยินเสียงพ่อของตัวเอง เขาถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ร้องไห้แล้วพูดว่า“พ่อครับ!พ่อช่วยผมด้วยพ่อ!ที่นี่มีผู้ชายคนหนึ่งจะส่งผมไปเป็นลูกเรือสามปี ระหว่างนั้นจะไม่อนุญาตให้ผมลงจากเรือด้วย พ่อรีบหาทางช่วยผมกลับบ้านด้วย!”

จงเจิ้งทาวกล่าวอย่างอึดอัดใจ“เทียนหยู่ เรื่องนี้ พ่อช่วยแกไม่ได้หรอก”

“ว่าไงนะ?!”จงเทียนหยู่ถึงกับทรุด แล้วโพล่งออกไปว่า“พ่อครับ!ผมจะต้องขึ้นคอนเสิร์ตกับกู้ชิวอี๋อีกนะ ผมยังต้องเตรียมงานคอนเสิร์ตสำหรับฤดูกาลหน้าอีก พ่อคงไม่ได้จะทิ้งผมหรอกใช่ไหมพ่อ!”

“ยังจะคิดถึงงานคอนเสิร์ตเฮงซวยอะไรอีก!”จงเจิ้งทาวกล่าวตำหนิด้วยความโมโห“แกจะโตเป็นผู้ใหญ่เมื่อไรห้ะ โตขึ้น?ยังคิดว่าตัวเองก่อเรื่องไม่มากพออีกหรอห้ะ?แกอย่าคิดว่าแกก่อเรื่องทุกครั้งแล้วฉันจะสามารถตามเช็ดตามล้างให้แกได้ตลอดนะ ฉันจะพูดกับแกตรงๆ เรื่องที่แกก่อในครั้งนี้ ฉันช่วยแกไม่ได้แล้ว แกหาทางจัดการเอาเองแล้วกัน!ถ้าจัดการไม่เรียบร้อยก็อยู่เฉยๆ!”

จงเทียนหยู่ถึงกับร้องไห้ออกมาทันที เขาพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า“พ่อครับ!ทำไมพ่อถึงใจร้ายแบบนี้ พ่อจะเห็นคนตายแล้วไม่ช่วยไม่ได้นะครับ!”

จงเจิ้งทาวกล่าวตำหนิอย่างรู้สึกหลอมเหล็กให้มันเป็นเหล็กกล้า“เทียนหยู่!เมื่อไรแกถึงจะยอมโตสักทีห้ะ!พ่อพูดถึงขั้นนี้แล้ว แกยังไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้มันเกินต้านลิขิตฟ้าแล้ว?สิ่งที่แกต้องทำในตอนนี้ก็คือ ไม่ใช้ขอร้องให้ฉันช่วยชีวิตแก และไม่ใช่การด่าว่าฉันใจร้าย แต่คือการเรียนรู้บทเรียนที่เจ็บปวดและตื่นตัวระวังในอนาคต ไตร่ตรองปัญหาของตัวเอง หลังจากนั้นก็ทำตัวดีๆในเวลาสามปีข้างหน้า!”

จงเทียนหยู่อดที่จะเงยหน้ามองไปที่เย่เฉินไม่ได้ เขารู้สึกสิ้นหวังอยากบอกว่า“ดูท่า เย่เฉินคนนี้จะแข็งแกร่งกว่าที่ฉันจินตนาการไว้อีก ไม่อย่างนั้น เย่ฉางหมิ่นคงไม่ขอร้องแล้วเปล่าประโยชน์หรอก แม้แต่พ่อก็ยังจนมุม……ดูท่าการใช้ชีวิตในทะเลของฉันในเวลาสามปี……คงหนีไม่พ้นจริงๆแล้วล่ะ……”

ในเวลานี้เอง เย่เฉินกล่าวว่า“เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว แค่นี้นะ”

จงเจิ้งทาวที่อยู่ปลายสายรีบขอร้องว่า“คุณชายเย่ครับ ลูกชายของผมคนนี้มันดื้อรั้นทำให้คุณลำบาก จากนี้ขอให้คุณอบรมสั่งสอนเขาได้ตามสบายเลยครับ……”

เย่เฉินหัวเราะ แล้วถามเขาว่า“เหมือนคุณจะสนิทกับอาของผมมากนะครับ?”

จงเจิ้งทาวรีบตอบว่า“ใช่ครับ……เป็นเพื่อนกันมานานหลายปีแล้วครับ เป็นเพื่อนเก่า”

เย่เฉินหัวเราะหึ ราวกับว่ามองทะลุทุกอย่าง เขากล่าวอย่างเรียบเฉยว่า“สามารถทำให้อาที่เห็นแก่ตัว และรักศักดิ์ศรีจนเข้ากระดูก ลดตัวลงมา และปล่อยวางแค้นที่มีต่อผมลงมาได้ แล้วเข้ามาขอร้องอ้อนวอนผมอย่างนอบน้อม ผมว่าความสัมพันธ์ของพวกคุณสองคน น่าจะไม่ใช่แค่เพื่อนที่เรียนด้วยกันมา หรือเพื่อนเก่าหรอกมั้งครับ วันหนึ่งคุณจะกลายเป็นอาเขยของผมไหมเนี่ย?