หงห้าหัวเราะเหอะๆแล้วพูดว่า“ผมมีบริษัทประมงในอำเภอเฟิง ที่อยู่ห่างจากจินหลิงประมาณสองร้อยกิโลเมตร ลูกน้องผมคอยดูแลให้ เมื่อกี้ผมโทรถามแล้วครับ พวกเขามีเรือประมงสองลำพอดี เตรียมจะมุ่งหน้าไปทำงานที่ทะเลจีนตอนใต้ เรือทั้งหมดที่อยู่ในมือของบริษัทประมงของผม เป็นเรือประมงขนาดกลางทั้งหมด เรือแบบนี้มีการจำกัดน้ำหนัก ดังนั้นไม่สามารถเดินทางได้ไกลมากนัก โดยทั่วไปจะไปทำงานที่ทะเลจีนตอนใต้ที่อยู่ใกล้ๆ เวลาทำงานบนทะเลหนึ่งครั้ง ไปกับใช้เวลา ประมาณหนึ่งเดือน ตอนนี้พวกเขากำลังขนถ่ายเสบียงกันอยู่ จะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าเวลาแปดโมงตรง”

เย่เฉินกำลังคาดการณ์ ทรัพยากรที่อยู่ในมือของซูจือหยู หลังจากหนึ่งเดือน ธุรกิจการขนส่งทางทะเลที่เขาและกิจการร่วมค้าของเธอ ก็ควรจะสามารถดำเนินการได้เช่นกัน ถึงเวลานั้นจงเทียนหยู่คนนี้ก็ให้เขาย้ายไปอยู่ที่เรือขนส่งสินค้า

แต่ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนถ้าไม่สามารถดำเนินกิจการได้ ก็ให้เขาอยู่บนเรือประมงไปกลับหลายๆรอบเลยแล้วกัน

ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า“ได้ เลือกอันนี้แล้วกัน!”

เมื่อจงเทียนหยู่ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเขาก็มืดดำทันที

“พรุ่งนี้เช้าต้องออกเรือ?!นี่มันกะทันหันเกินไปรึเปล่า?”

เขาพึ่งคิดมาถึงตรงนี้ ก็ได้ยินเย่เฉินพูดว่า“ถ้าออกเดินทางตอนเช้าดูจะสายไปหน่อย ในเมื่อเป็นบริษัทของคุณ งั้นคุณก็บอกกับลูกน้องคุณหน่อยแล้วกัน วันนี้ลำบากหน่อยให้พวกเขาเร่งมือ พยายามขนถ่ายเสบียงให้เสร็จก่อนสองทุ่ม หลังจากนั้นก็ออกเดินทางเร็วหน่อย ระหว่างทางจะช้ายังไงก็ไม่เป็นไร หลักๆก็คือให้คุณชายเย่ขึ้นเรือเร็วหน่อย”

จงเทียนหยู่แทบอยากตาย

หงห้ากลับหัวเราะชอบใจ“ไม่มีปัญหาครับอาจารย์เย่ เรื่องจิ๊บจ๊อยมากครับ!”

เย่เฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วพูดกับเฉินจื๋อข่ายว่า“เหล่าเฉิน คุณไปจัดการเตรียมเฮลิคอปเตอร์หน่อย ส่งคนไปเดี๋ยวนี้ พอลงจอดเสร็จก็ให้ส่งคนขึ้นเรือทันที อย่าให้เสียเวลา”

เฉินจื๋อข่ายรีบตอบว่า“ได้ครับคุณชาย!”

หลังจากนั้น เฉินจื๋อข่ายก็ขอตำแหน่งที่อยู่กับหงห้าทันที หลังจากที่หงห้าคุยกับลูกน้องเสร็จ เขาก็ให้ลูกน้องหลายคนขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ เพื่อส่งจงเทียนหยู่ที่ร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุดไปที่แนวชายฝั่งของอำเภอเฟิง

หลังจากที่พาตัวจงเทียนหยู่ไปแล้ว เย่เฉินก็มองไปที่หงห้า แล้วหัวเราะพลางถามว่า“หงห้า ในมือของคุณมีบริษัทประมงได้ไง?เมื่อก่อนผมไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงเลย!”

หงห้ารีบตอบว่า“เห้อ อาจารย์เย่คุณไม่รู้อะไร พวกที่แสวงหาประโยชน์ด้วยช่องทางที่ไม่เหมาะสมอย่างพวกเราน่ะ ส่วนมากเราจะทำเกือบทุกอย่าง เราไม่มีความรู้อะไร และไม่เข้าใจเรื่องการค้าขาย ดังนั้นเราจึงชอบลงทุนวิธีค้าขายที่ง่ายที่สุด”

พูดจบ เขาก็อธิบายว่า“ผมทำค้าขาย ส่วนใหญ่จะใช้ทรัพยากรบนบก เปิดช่องทาง แล้วค่อยจดทะเบียนเปิดบริษัท หลังจากนั้นค่อยให้ลูกน้องไปลงมือจัดการ บริษัทประมงก็เหมือนกัน ทางนั้นผมมีเพื่อนที่รู้จักคนในกรมการเดินเรือของท้องถิ่น ดังนั้นผมเลยได้จดทะเบียนเปิดบริษัท เช่าเรือประมงมาห้าหกลำ ส่งลูกน้องไปดูแลสักสองสามคน โดยปกติปีปีหนึ่งจะสามารถสร้างรายได้ได้ประมาณล้านถึงสองล้าน กิจการแบบนี้ถ้าเปิดเพิ่มอีกหน่อย รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย”

สำหรับหงห้าแล้ว เขาไม่ได้ทำกิจการค้าขายที่สร้างกำไรอะไรมากมายหรือทำให้ใหญ่โต

เนื่องจากเขาไม่มีการแข่งขัน ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่สร้างรายได้หนึ่งถึงสองล้าน ที่นั่นสร้างรายได้ได้หนึ่งถึงสองล้าน หลังจากที่สะสมไว้นาน ไม่เพียงแต่สามารถเลี้ยงดูคนได้มาก อีกทั้งกำไรในมือของเขาจะมีเยอะมากขึ้น หลังจากนั้นก็จะกำลังใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ

เย่เฉินหยักหน้าอย่างเข้าใจ และมีความคิดที่อยากจะช่วยกิจการหงห้า ดังนั้นเขาจึงหัวเราะแล้วพูดว่า“ถ้าคุณสนใจล่ะก็ รอหลังจากที่กิจการธุรกิจขนส่งทางทะเลของผมเริ่มดำเนินงาน ส่วนของการจัดหาเสบียงเพิ่มเติม ผมมอบให้คุณจัดการแล้วกันนะ”

“เท่าที่ผมรู้ เรือจนส่งสินค้าหรือเรือบรรทุกน้ำมันทุกลำเตรียมเสบียงจำนวนมากก่อนออกเดินทาง กิจการในส่วนนี้ถ้าให้ทำกับคนอื่น ผมว่าสู้ทำกับคุณที่เป็นคนรู้จักดีกว่า”

เมื่อหงห้าได้ยินอย่างนั้น เขารู้สึกซาบซึ้งใจมาก แต่ยังคงพูดอย่างเป็นกังวลว่า“อาจารย์เย่ครับ ผมกลัวว่าผมจะไม่มีความสามารถมากพอ แล้วจะเป็นตัวถ่วงของคุณ……”

เย่เฉินโบกมือไปมา แล้วกล่าวว่า“ขอแค่คุณตั้งใจทำ จะต้องไม่เป็นตัวถ่วงแน่ ถึงเวลานั้นคุณไปจดทะเบียนเปิดบริษัท แล้วเพิ่มคุณสมบัติเข้าไป แล้วจัดการหาลูกน้องที่มีความสามารถ ไว้ใจได้ไปจับตาดู รอกิจการฝั่งผมเริ่มวิ่งได้ ฝั่งคุณปีปีหนึ่งน่าจะสร้างรายได้ได้หลายสิบล้าน”