เดิมที คนทั้งบ้านรอเวลาให้ถึงเที่ยงคืนอย่างมีความสุข แต่เซียวฉางควนไม่คิดเลยว่า ตัวเองเก็บอารมณ์ไม่อยู่ พูดออกไปหมด กลับถูกหม่าหลันยึดเอารายได้ทั้งหมดในอนาคตของตัวเองไป

ในขณะเดียวกับที่เขาเจ็บใจอยู่ ก็ได้เริ่มนึกคิดว่าทำไมตัวเองจะต้องมาพูดต่อหน้าหม่าหลันด้วย

เขาพบว่าหม่าหลันนั้นมีความสามารถอย่างนี้ ดูแล้วเหมือนไม่มีสมอง พึ่งพาเพียงพลังหน้าด้านไร้ยางอาย แต่ที่จริงแล้วหม่าหลันมักจะหาจุดสำคัญจากตัวเขาได้เสมอ แล้วก็จับตัวเขาไว้อย่างแน่นหนา

นึกคิดถึงชีวิตการแต่งงานยี่สิบกว่าปีมานี้ ในใจเซียวฉางควนรู้สึกหมดหวัง เพราะว่ายี่สิบกว่าปีมานี้ เขาไม่เคยสัมผัสได้ถึงชัยชนะเลย ครึ่งชีวิตนี้ถูกหม่าหลันจับไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีจุดที่จะต่อต้านได้เลย

เย่เฉินเห็นว่าเซียวฉางควนดูมีความเศร้า แต่หม่าหลันที่อยู่ข้างกายกลับมีสีหน้าได้ใจ จึงได้ถอนหายใจอย่างไร้เสียง เขายิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกว่า พ่อตาคนนี้ของตัวเองนั้นเป็นคนไร้ความสามารถจริงๆ

ชายวัยกลางคนคนนี้ที่ใจเสาะขี้กลัว กำลังไม่ผ่าน ความสามารถมีขีดจำกัด เก็บความลับไม่อยู่ แล้วก็ยังพอใจได้อย่างง่ายดาย ปัญหาที่ใหญ่กว่าก็คือขาดความกล้า ถ้าเป็นอย่างนี้ ทั้งชีวิตนี้ของเขา คงจะหนีจากฝันร้ายอย่างหม่าหลันได้ยาก

เซียวชูหรันเองก็ดูออกว่าคุณพ่อไม่มีความสุข จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย พูดกับเย่เฉินว่า “ใช่สิที่รัก เมื่อกี้แม่พูดว่า รอขาของแม่หายดีแล้ว อยากให้นายพาไปนั่งเรือยอทช์สักหน่อย ไม่รู้ว่านายสะดวกมั้ย?”

“สะดวกสิ” เย่เฉินตอบตกลง พูดว่า “รอขาแม่หายดีแล้ว สภาพอากาศอุ่นขึ้นแล้ว พวกเราก็ไปเที่ยวเล่นออกทะเลกัน”

หม่าหลันได้ยินอย่างนี้ ก็พูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว พวกเราขับเรือออกทะเล ตรงไปทางใต้ได้ใช่มั้ย? ไปเที่ยวเล่นที่ทะเลใต้?!”

เย่เฉินพยักหน้า พูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ จากทางเข้าทะเลไปทะเลใต้ก็ไม่ไกลมาก พูดเยอะหน่อยก็ประมาณสองพันกว่ากิโล ถ้าเป็นเรือยอทช์ อย่างมากสองสามวันก็ถึงแล้วครับ”

หม่าหลันตื่นเต้นขึ้นมาทันที ปรบมือพูดว่า “ดีมากเลยๆ!ทะเลใต้ฉันก็ยังไม่เคยไปมาก่อน หลายปีก่อนถ้าเข้าฤดูหนาว นายหญิงใหญ่เซียวก็เอาแต่จะไปทะเลใต้ แต่ทุกครั้งก็เอาแต่พาครอบครัวเซียวฉางเฉียนไป ไม่เคยให้พวกเราไปด้วยสักครั้ง คิดถึงแล้วฉันก็โมโห!”

พูดจบ หม่าหลันก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา ศึกษาดูสถานที่ขึ้นชื่อและอาหารของทะเลใต้

ทั้งครอบครัวพูดคุยกัน เวลาก็ผ่านมาถึงเที่ยงคืน

ในเวลาห้าทุ่มห้าสิบเก้านาทีเซียวชูหรันก็เอาโทรศัพท์ออกมาแอบนับถอยหลัง เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนตรง เธอวางโทรศัพท์ลง พูดกับเย่เฉินที่นั่งอยู่ข้างกายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ที่รัก เที่ยงคืนแล้ว สุขสันต์วันเกิดนะ!”

เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบใจที่รัก!”

หม่าหลันเองก็รีบพูดตามว่า “ลูกเขยที่แสนดีสุขสันต์วันเกิดนะ! แม่ขออวยพรให้นายต่อไปเงินทองไหลมาเทมา ร่ำรวยมั่งคั่ง!”

เซียวฉางควนมีความคับข้องใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามให้กำลังใจตัวเอง พูดว่า “เย่เฉิน พ่ออวยพรสุขสันต์วันเกิดให้นายนะ ขอให้มีวันนี้ในทุกปี ขอให้มีแต่ความรุ่งโรจน์ตลอดไป!”

เย่เฉินขอบคุณคู่กัดคู่นี้ โทรศัพท์ก็เริ่มเอาแต่สั่นไม่หยุด ข้อความต่างๆนานา เข้ามาพร้อมกันหลายสิบข้อความ

เขาเปิดดูโทรศัพท์ ก็เห็นว่าเพื่อนพ้องมากมายต่างก็ส่งข้อความมาหาเขาในเวลานี้ เฉินจื๋อข่าย หงห้า ฉินกาง พวกนี้ไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว ซ่งหวั่นถิง ฉินเอ้าเสวี่ยน เฉินเสี่ยวจาว ต่งรั่งหลิน หวังตงเสวี่ยนรวมทั้งอิโตะ นานาโกะเองก็ส่งข้อความอวยพรวันเกิดมาให้กับเขา

นอกจากนี้แล้ว คู่สามีภรรยากู้เย้นจง ตู้ไห่ชิงและแม่ลูกซูจือหยู เฮ่อหย่วนเจียง เฮ่อจือชิวสองพ่อลูก ก็ส่งข้อความอวยพรมา

เย่เฉินไม่คิดเลยว่า แม้แต่เซียวเวยเวยก็ส่งข้อความอวยพรมา แล้วยังขอบคุณที่ช่วงนี้เย่เฉินให้ความช่วยเหลือกับเธอ

แต่ว่า คนที่ทำให้เย่เฉินคิดไม่ถึงมากที่สุด จะเป็นคุณปู่ของเขา เย่โจงฉวน