เย่เฉินเผชิญหน้าเข้ากับเฉินตัวตัว ไม่คิดเลยว่าเฉินตัวตัวดูเหมือนว่าจะอึ้งไป ดังนั้นจึงจงใจกระแอมออกมา “แอะแฮ่ม สวัสดีครับคุณเฉิน”

เฉินตัวตัวเพิ่งรู้สึกตัวในเวลานี้ เมื่อนึกถึงว่าเมื่อกี้ตัวเองจ้องหน้าที่หล่อเหลานั่นของเย่เฉินอยู่นาน รู้สึกอายขึ้นมาทันที ถามออกไปอย่างประหม่าว่า “โอ๊ย นาย… นายอยู่ที่นี่ได้ยังไง…..”

“ฉันมารับหนานหนานครับ” เย่เฉินเห็นเธอทำตัวไม่ถูก จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เธอจะกลัวขนาดนี้ทำไมกัน ฉันไม่กินเธอสักหน่อย?”

เฉินตัวตัวลูบหน้าอก สงบสติอารมณ์ แล้วจงใจพูดกับเย่เฉินอย่างเสียงดังว่า “นายไม่กินฉันหรอก ฉันกลัวว่าฉันพูดอะไรผิดไปแล้วนายได้ยิน ยัยผู้หญิงดุในห้องนั่นจะกินฉันนะสิ!”

กู้ชิวอี๋ได้ยินคำพูดของเฉินตัวตัว จึงได้ถามออกไปว่า “ตัวตัว เธอคุยกับใครอยู่? เธอบอกว่าใครเป็นผู้หญิงดุกัน? กวนตีนใช่มั้ย!”

พูดจบ ก็รีบวิ่งออกมา เมื่อเห็นเย่เฉิน ตาก็เป็นประกายทันที ผู้อย่างตื่นเต้นว่า “พี่เย่เฉิน พี่มาแล้วทำไมไม่บอกกับฉันสักคำละคะ?”

จากนั้น ไม่รอให้เย่เฉินตอบ ก็พูดกับเฉินตัวตัวว่า “โอ๊ยตัวตัวเธอรีบไปเถอะ อย่าได้เสียเวลาทำงาน เร็วเข้า รีบๆ ระวังความปลอดภัยไว้ละ”

พูดจบก็รีบจับแขนของเย่เฉินไว้ พูดกับเย่เฉินว่า “พี่เย่เฉินคะพี่เข้ามานั่งก่อน รอฉันเดี๋ยวนึง ฉันแต่งหน้านิดหน่อยแล้วพวกเราก็ไปกัน!”

เมื่อเห็นว่าเย่เฉินถูกกู้ชิวอี๋ลากเข้าห้อง แล้วปิดประตูห้อง เฉินตัวตัวทนไม่ไหวที่จะพึมพำเสียงเบาอย่างไม่พอใจว่า “เห็นผู้ชายดีกว่า!เห็นผู้ชายดีกว่าจริงๆ!”

พูดจบถึงได้ลากกระเป๋าเดินทางจากไปอย่างไม่พอใจคนเดียว

ในห้อง กู้ชิวอี๋ดึงเย่เฉินไว้ กดเขาลงที่โซฟา เอ่ยปากพูดว่า “พี่เย่เฉินรอฉันอีกไม่กี่นาทีนะ เดี๋ยวฉันก็เสร็จแล้ว”

พูดจบก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ

ทางด้านเย่เฉินล้วงเอาโทรศัพท์โทรหาเฉินจื๋อข่าย ยืนยันว่าขบวนรถได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงได้รอกู้ชิวอี๋เตรียมตัวเสร็จ แล้วก็ออกจากห้องไปพร้อมกับเธอ

ขั้นตอนเหมือนเมื่อวานที่มารับกู้ชิวอี๋ เฉินจื๋อข่ายช่วยติดต่อกับสนามบิน รถหลายคันก็ขับตรงเข้าไปยังลานจอดเครื่องบินของสนามบิน จากนั้นก็รอให้เครื่องบินของกู้เย้นจงและหลินหว่านชิวลงจอด

สิบโมงสี่สิบนาทีเครื่องบินเจ็ตดัดแปลงจากโบอิ้ง 737 ใหม่ล่าสุดลำหนึ่งลงจอดที่สนามบินจินหลิง

ลำนี้เดิมทีเป็นเครื่องบินโดยสารที่มีความจุสูงสุดเกือบสองร้อยคน หลังจากผ่านการดัดแปลงแล้ว ก็ได้กลายเป็นเครื่องบินส่วนตัวที่สามารถบินได้ทั่วโลก

เครื่องบินค่อยๆขับเข้าในลานจอดเครื่องบินโดยมีรถนำทาง ยังไม่ทันจอดสนิท เย่เฉินก็เห็นสองสามีภรรยากู้เย้นจงและหลินหว่านชิวกำลังโบกมือให้ผ่านทางช่องหน้าต่างของตัวเครื่อง

เนื่องจากเครื่องบินค่อนข้างใหญ่ พนักงานสนามบินจึงได้ขับลิฟต์โดยสารมาให้โดยเฉพาะ เมื่อเชื่อมกับประตูแล้ว สองสามีภรรยาก็ได้เดินลงมาจากลิฟต์โดยสาร

กู้ชิวอี๋อารมณ์ดีมาก รีบโบกมือตะโกนว่า “พ่อคะ แม่คะ!”

กู้เย้นจงและหลินหว่านชิวเดินจับมือลงมาด้วยกัน

ไม่เจอมานาน เย่เฉินสังเกตเห็นว่า สีหน้าของกู้เย้นจงดีมาก รูปร่างตัวตรง กระฉับกระเฉง ดูแล้วเหมือนเพิ่งอายุสี่สิบต้นๆ

ที่เขามีสีหน้าท่าทางแบบนี้ได้ เป็นเพราะผลลัพธ์ของยาอายุวัฒนะทั้งนั้น

แต่ว่า หลินหว่านชิวที่อยู่ข้างกายของกู้เย้นจง เมื่อถูกเขาเปรียบเทียบอย่างนี้แล้ว สีหน้าท่าทางดูค่อนข้างอ่อนล้า

ที่จริงแล้ว แม้หลินหว่านชิวอายุจะเกือบห้าสิบปีแล้ว แต่เนื่องจากการบำรุงดูแลอย่างดี ปกติดูแล้วก็เหมือนว่าอายุแค่สี่สิบปี หากยืนอยู่ด้วยกันกับกู้ชิวอี๋ ดูไม่เหมือนแม่ลูกเลย ดูเหมือนคู่พี่น้องมากกว่า

แต่ว่า สีหน้าท่าทางของตัวเธอที่ปรากฏออกมา กลับดูแย่กว่ากู้เย้นจงที่อายุมากกว่าไม่น้อยเลย เหมือนกับว่าเจ็บป่วยอยู่

เย่เฉินนึกถึงคำพูดที่กู้ชิวอี๋เคยพูดกับเขา ช่วงนี้หลินหว่านชิวคอยช่วยเหลือกู้เย้นจงอย่างเต็มกำลังอยู่ตลอด คิดดูแล้วน่าจะเพราะงานที่ยุ่งทำให้ร่างกายและพลังงานของร่างกายแย่ลง

สองสามีภรรยาเพิ่งเดินลงจากลิฟต์โดยสาร กู้ชิวอี๋ก็ทนไม่ไหวจับมือของเย่เฉิน รีบเดินเข้าไปหา