หลินหว่านชิวเงยหน้ามองกระจกเคลือบแก้วเก็บความเป็นส่วนตัวในห้อง จากแสงหักเหของการเคลือบ มองดูตัวเองในนั้น ก็ตกใจจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ตามมาด้วย ดวงตาก็เต็มไปด้วยน้ำตาอย่างไม่รู้ตัว จึงทำให้ภาพตัวเองที่สะท้อนในกระเบื้องมัวเบลอขึ้นมา
กู้เย้นจงรีบเข้าไปกอดเธอไว้เบาๆ ส่วนเธอกลับมุดหน้าลงไหล่ของกู้เย้นจงแล้วสะอึกสะอื้นขึ้นมา
กู้เย้นจงเอ่ยปากพูดปลอบว่า “เธอดูเธอสิ อ่อนวัยลงเยอะมากขนาดนี้ในพริบตา ผู้หญิงมากมายฝันก็ทำไม่ได้ แล้วทำไมเธอถึงได้ร้องไห้ละ?”
หลินหว่านชิวสะอื้นพูดว่า “ฉันตื่นเต้นมากเกินไป….ตื่นเต้นจนแบ่งแยกความฝันกับความจริงไม่ออกไปชั่วขณะ….อีกอย่าง ฉันก็ไม่เคยหลับฝันถึงฝันที่งดงามขนาดนี้…เหล่ากู้ คุณบอกกับฉันสิ นี่คือความจริงหรือความฝันกันแน่?”
กู้เย้นจงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ไม่ใช่ฝันแน่นอนอยู่แล้ว เธอลืมแล้วหรอ ตอนนั้นเฉินเอ๋อรักษาฉันหายได้ยังไง? ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งที่เก่งที่สุดทั่วโลกต่างก็บอกว่าฉันต้องตายแน่ ฉันถึงขั้นเตรียมใจเตรียมตัวที่ชีวิตจะเหลือเพียงแค่เดือนเดียวไว้แล้ว แต่เธอดูฉันในตอนนี้สิ หายดีไปนานแล้ว ไม่เพียงแค่หายดีเท่านั้น ร่างกายก็ดีขึ้นกว่าแต่ตอนเยอะมาก!นี่ล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น เพราะเฉินเอ๋อทั้งนั้น!”
หลินหว่านชิวพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็มองไปยังเย่เฉิน พยายามกลั้นน้ำตาไว้ พูดอย่างตื้นตันว่า “เฉินเอ๋อ น้าไม่รู้จริงๆว่าจะขอบคุณนายยังไงดี…”
เย่เฉินพูดยิ้มๆว่า “น้าหลินครับ ต่อไปคุณมีอายุยืนยาว ก็คือการขอบคุณที่ดีที่สุดสำหรับผมครับ”
หลินหว่านชิวรู้สึกตื้นตันใจอย่างที่สุด เช็ดน้ำตาที่ไหลรินไปด้วย และพยักหน้าไปด้วย พูดอย่างจริงจังว่า “แน่นอน…จะต้องอายุยืนยาวแน่นอน….มีลูกที่ดีอย่างนายและหนานหนาน ฉันและลุงกู้ของนายจะต้องพยายามมีชีวิตอยู่ให้ยาวนานสักหน่อย น้อยลงแค่วันเดียวก็ถือเป็นการสูญเสียอย่างมหาศาล….”
ขณะนี้เองเย่เฉินก็รีบพูดขึ้นว่า “ลุงกู้ครับ คุณเองก็รีบดื่มแก้วที่เหลือเถอะครับ!”
กู้เย้นจงตอนนี้ถึงได้สติกลับมา แต่ว่า เมื่อเขายิ่งรับรู้ถึงความมหัศจรรย์ของน้ำนี้ เขาก็ยิ่งลังเลไม่หยุด
กู้เย้นจงมักรู้สึกว่า ครอบครัวตัวเองติดหนี้บุญคุณเย่เฉินเยอะมาก ดังนั้นจึงลองพูดว่า “เฉินเอ๋อ ฉันว่าฉันไม่ดื่มดีกว่า ก่อนหน้านี้ฉันเคยกินยาอายุวัฒนะมาแล้วเม็ดหนึ่ง ยังให้ฉันดื่มอีกมันจะสิ้นเปลืองเกินไป”
เย่เฉินสีหน้าขรึม พูดอย่างจริงจังว่า “ลุงกู้ ถ้าหากว่าคุณไม่ดื่ม งั้นผมก็จะเททิ้งแล้วนะครับ”
พูดจบก็ยื่นมือของไปหยิบแก้วน้ำ แล้วแสร้งทำเป็นเทลงพื้น
กู้เย้นจงตกใจสะดุ้ง กลัวมากว่าเย่เฉินจะเทสิ่งที่ล้ำค่าขนาดนี้ทิ้งจริงๆ จึงได้รีบพูดว่า “อย่าเทๆ!อย่าได้ทำลายข้างของเด็ดขาดเลยนะ!”
หลินหว่านชิวเองก็รู้สึกได้ว่า ถ้าหากเกรงใจมากเกินไปก็จะทำให้เย่เฉินรู้สึกว่าห่างเหินเห็นเป็นคนนอก ดังนั้น เธอจึงจับมือของกู้เย้นจง แล้วพูดกับเขาว่า “เหล่ากู้ นี่เป็นความหวังดีที่เฉินเอ๋อมีต่อพวกเรา คุณอย่าได้ผลักดันทิ้งแล้วเลย อีกอย่าง พวกเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าได้ทำให้เฉินเอ๋อรู้สึกว่าพวกเราเห็นเขาเป็นคนนอกเลย”
กู้เย้นจงพยักหน้าเบาๆ พูดเสียงทุ้มว่า “ที่เธอพูดก็ถูก ฉันเข้าใจแล้ว….”
พูดจบ กู้เย้นจงก็รีบรับแก้วน้ำมา รวบรวมความกล้า ดื่มน้ำจนหมด!