เย่เฉินมองสองสามีภรรยาคู่นี้อย่างรู้สึกขอบคุณ พูดอย่างจริงใจว่า “ลุงกู้ น้าหลิน ขอบคุณความคาดหวังที่พวกคุณมีต่อผม ต่อไปผมจะมุ่งมั่นเต็มกำลังแน่นอน และไม่ทำให้พวกคุณผิดหวังครับ”

คำพูดนี้ เย่เฉินพูดออกมาจากเบื้องลึกหัวใจจริง

เขาหวังว่าอนาคตตัวเองจะสามารถขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดได้ มองดูเบื้องล่างได้

เพียงแต่ว่า เขายิ่งคาดหวังว่าจะใช้เพียงกำลังของตัวเองปีนป่ายขึ้นไป ไม่ใช่การหวังพึ่งผู้อื่นช่วยเหลือ

เวลาอาหารมื้อหนึ่ง ผ่านไปอย่างราบรื่นภายใต้บรรยากาศของการเป็นครอบครัว

หลังมื้ออาหาร เย่เฉินใช้ปราณทิพย์กระจายแอลกอฮอล์ในร่างกายออกจนหมด หลังจากที่ยืนยันแน่ชัดแล้วว่าตัวเองจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเมาแล้วขับ ถึงได้ขับรถส่งกู้ชิวอี๋ไปยังศูนย์การแสดงก่อน จากนั้นค่อยขับรถส่งกู้เย้นจงและหลินหว่านชิวไปที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกง

พวกเขาสองผัวเมียธุระเยอะนิดหน่อย บ่ายวันนี้พักผ่อนที่โรงแรมก่อน แล้วตอนกลางคืนไปดูกู้ชิวอี๋ทำการแสดงที่ศูนย์แล้ว หลังจากนั้นก็จะรีบบินกลับเย่นจิงในคืนนี้เลย

หลังจากที่เย่เฉินได้ฟังแผนการของพวกเขาแล้ว ก็เอ่ยปากพูดว่า “ลุงกู้ น้าหลิน คืนนี้พวกคุณอย่าได้ลำบากกลับไปก่อนดีกว่าครับ พักผ่อนที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงก่อนสักคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับไปน่าจะไม่มีผลกระทบอะไรนะครับ”

กู้เย้นจงส่ายหัว พูดยิ้มๆว่า “พรุ่งนี้เช้ายังมีประชุมอย่างหนึ่ง ถ้าหากพรุ่งนี้ค่อยบินก็คงจะไม่ทันแล้ว”

เย่เฉินพูดว่า “แต่ว่าถ้าลำบากแบบนี้ ร่างกายอาจจะรับไม่ไหวนะครับ”

กู้เย้นจงพูดยิ้มๆว่า “ก่อนหน้านี้ก็คงอาจจะรับไม่ค่อยไหว แต่ว่าตอนนี้คงไม่มีสถานการณ์แบบนั้นแล้วละ”

“ใช่แล้ว” หลินหว่านชิวเองก็พยักหน้าพูดยิ้มๆว่า “หลังจากที่ดื่มยาอายุวัฒนะไปแล้ว รู้สึกว่าร่างกายมีกำลังมากมาย นั่งเครื่องรอบดึกสักหน่อยคงไม่มีผลกระทบอะไร คืนนี้หลังจากที่ฉันกับลุงกู้ของนายกลับถึงเย่นจิงแล้ว ยังสามารถพักผ่อนที่บ้านดีๆสักหน่อย แล้วพรุ่งนี้ก็ตรงไปประชุมที่บริษัท แบบนี้สบายกว่าที่พรุ่งนี้เช้าค่อยรีบร้อนกลับไปมากกว่าอีก”

เย่เฉินฟังถึงนี่ ก็ไม่พูดกล่อมอะไรเยอะแล้ว จึงรีบพูดว่า “งั้นคืนนี้ผมส่งพวกคุณไปสนามบินแล้วกันครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกเฉินเอ๋อ” หลินหว่านชิวพูดอย่างจริงจังเป็นอย่างมากว่า “ฉันฟังหนานหนานบอกมาว่า คืนนี้นายกับภรรยาของนายจะไปดูการแสดงของเธอด้วยกัน ถึงตอนนั้นการแสดงจบลงแล้ว นายก็คงจะกลับบ้านพร้อมกับภรรยานายอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นก็ดึกดื่นแล้ว คงไม่สามารถให้นายปล่อยเธอทิ้งไว้หรอก นายดูการแสดงจบแล้วก็พาเธอกลับบ้านอย่างสบายใจเถอะ ฉันกับลุงกู้ของนายไปสนามบินเองก็โอเคแล้ว”

กู้เย้นจงเองก็พูดว่า “เฉินเอ๋อ คืนนี้นายก็ไม่ต้องสนใจพวกฉันแล้ว พอถึงสถานที่จัดงานคอนเสิร์ต ถ้าหากว่าเจอกันต่อหน้าภรรยาของนาย นายก็ไม่ต้องทักทายพวกฉันแล้วละ ไม่งั้นนายก็จะอธิบายเธอไม่ถูก คืนนี้พวกเราก็ต่างคนต่างดูคอนเสิร์ตกันให้สนุกสนาน จากนันก็ต่างคนต่างกลับบ้าน รอนายกลับไปไหว้บรรพบุรุษที่เย่นจิง พวกเราค่อยเจอกันอีก!”

เย่เฉินไม่คิดเลยว่ากู้เย้นจงสองสามีภรรยาจะคิดแทนตัวเองมากขนาดนี้ นอกจากความตื้นตันใจแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดด้วย

รู้สึกผิดที่ว่า กู้เย้นจงและหลินหว่านชิวให้เวลาตัวเองสามปีมาจัดการเรื่องการแต่งงานกับเซียวชูหรัน หลังจากสามปีค่อยให้กู้ชิวอี๋แต่งงานกับตัวเอง

ถึงม้ว่าในตอนนั้นตัวเองจะไม่ได้แสดงท่าทีตอบรับอะไร แต่ในใจก็ได้ตัดสินใจไปนานแล้ว ว่จะไม่มีทางหย่ากับเซียวชูหรัน

ดังนั้น ตอนนี้มาเผชิญหน้ากับความเป็นห่วงที่ทั่วถึงแบบนี้ของทั้งสอง ในใจของเย่เฉินจึงมีความรู้สึกผิดอยู่ด้วย

ดังนั้น เขาได้ตัดสินใจในใจ ในเมื่อเรื่องทางด้านการแต่งงานไม่สามารถทำให้ได้ตามความหวังของครอบครัวตระกูลกู้ทั้งสามคน งั้นต่อไปในอนาคตตัวเองก็จะใช้ทางด้านอื่นมาชดเชยให้กับพวกเขาให้มากหน่อย…..