แต่เขาฝันก็คงคาดไม่ถึง ว่าลูกสาวที่เป็นไข่มุกในฝ่ามือของเขา จะเซอร์ไพรส์ให้กับตัวเองที่งานคอนเสิร์ตในวันนี้

แม้ว่าลูกสาวที่ใส่ชุดเจ้าสาว แต่งตัวจัดเต็มปรากฏตัวอยู่บนเวทีในตอนนี้ จะไม่ได้อยู่ในงานแต่งของจริง แต่เขาที่เป็นพ่อ เห็นลูกสาวในสภาพนี้ด้วยตัวเองอยู่ด้านล่างเวที เหมือนกับว่าความหวังนั้นได้สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว ในใจจึงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

แล้วรวมเข้ากับการที่ก่อนหน้านี้ตัวเองแทบจะได้เดินผ่านเข้าประตูความตายมาแล้ว เพราะงั้นตอนนี้ในใจจึงรู้สึกซับซ้อนเป็นอย่างมาก

เบื้องลึกหัวใจของหลินหว่านชิวเองก็เหมือนกับสามี น้ำตาเองก็ได้รินไหลลงมาเป็นสองแถวบนใบหน้าที่ไร้ตำหนิของเธอตั้งนานแล้ว

เมื่อเห็นว่าสามีของตัวเองก็กำลังร้องไห้อย่างไร้เสียงอยู่เช่นกัน หลินหว่านชิวจึงรีบจับมือเขาไว้แน่น มองเขาและยิ้มให้

กู้เย้นจงคิดได้ว่าตัวเองเสียอาการ จึงยิ้ม แล้วรีบเช็ดน้ำตาที่แขนทั้งสองข้าง แล้วก็กุมมือของภรรยาแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หลินหว่านชิวซบที่ไหล่ของสามีเบาๆ ฟังลูกสาวร้องเพลงอยู่บนเวที อดไม่ได้ที่จะพูดข้างหูสามีว่า “ถ้าหากว่าพี่เย่และพี่อานยังมีชีวิตอยู่ คุณว่ามันจะดีสักแค่ไหนกันเชียว….”

“ใช่สิ…” ร่างกายของกู้เย้นจงกระตุกเบาๆ พูดสลดใจว่า “ถ้าหากว่าสามารถสำเร็จสถานการณ์ภาพนั้นได้จริงๆ คงจะแลกไม่ได้ด้วยเงินเลยจริงๆ…ถึงแม้จะให้ฉันถวายทั้งกู้ซื่อกรุ๊ปออกไป ฉันก็จะไม่บ่นสักคำ!”

หลินหว่านชิวพยักหน้า เศร้าใจขึ้นมา จึงรีบหันหน้าหลบ

ในเวลานี้ เซียวชูหรันเองก็ซาบซึ้งต่อเพลงนี้มาก กุมมือเย่เฉินให้เบาๆ พูดว่า “ที่รัก คุณว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวของกู้ชิวอี๋ วันนี้มางานด้วยหรือเปล่าคะ?”

เย่เฉินได้ยินย่างนั้นก็อึ้งไป แล้วรีบยิ้มพูดว่า “อันนี้ฉันก็พูดไม่ถูก”

เซียวชูหรันพูดอย่างจริงจังว่า “หวังว่าเขาจะอยู่ในงาน แบบนี้ก็จะไม่ทำให้ความผูกพันลึกซึ้งรวมทั้งความรักของกู้ชิวอี๋เสียเปล่า….”

พูดแล้วเธอก็อดถามอย่างตื่นเต้นไม่ได้ “นายว่าเดี๋ยวเขาจะถูกเรียกขึ้นเวทีมั้ยนะ? หรือว่าเขาจะรู้สึกตื้นตัน แล้ววิ่งขึ้นไปบนเวทีขอกู้ชิวอี๋แต่งงานรึเปล่า?”

เย่เฉินส่ายหน้า พูดด้วยสีหน้างุนงงว่า “ฉันก็ไม่รู้…..”

เซียวชูหรันพูดอย่างจริงจังว่า “กู้ชิวอี๋เสียสละเพื่อผู้ชายคนนี้มากขนาดนี้ ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถจบกันด้วยการเป็นคนรักกันละก็ นั่นก็จะไร้เหตุผลเกินไปแล้ว…..”

เย่เฉินไม่รู้ว่าควรตอบกลับคำพูดของเซียวชูหรันยังไง รู้สึกเพียงแค่ว่าเบื้องลึกหัวใจนั้นสับสนมาก เกี่ยวกับว่าอนาคตตัวเองควรจะทำยังไงดี เหมือนว่าเขาแทบจะเรียบเรียงไม่ถูกเลย

แต่เซียวชูหรันกลับไม่รู้ถึงความสับสนอย่างมากในใจของสามีในเวลานี้ เธอกระโดดโลดเต้น ปิดบังความตื่นเต้นไม่อยู่ “ฉันคิดว่ากู้ชิวอี๋จะต้องให้เขาขึ้นเวทีแน่นอน! จู่ๆก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเลย ไม่แน่เดี๋ยวก็ต้องได้เป็นพยานความโรแมนติกที่สุดที่ฉันเคยพบเจอในชีวิตด้วยตาตัวเองแล้ว!”

เย่เฉินพยักหน้าอย่างไม่สนใจ

เขารู้ ว่าตอนนี้แฟนคลับมากมายล้วนตั้งตารอ ที่จะสามารถเป็นพยานรักของกู้ชิวอี๋ในงานคอนเสิร์ตนี้

แต่ว่า เย่เฉินเองก็รู้ดีเช่นกัน ว่ากู้ชิวอี๋ไม่มีทางพูดชื่อตัวเองออกมาในงานคอนเสิร์ตนี้แน่นอน และยิ่งไม่มีทางให้ตัวเองขึ้นเวทีต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้

เพราะยังไงซะ ตัวเองและเธอก็มีสัญญาสามปีต่อกัน

อีกอย่าง ตัวตนของตัวเองในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปิดเผย คนมากมายยังไม่รู้ ว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลเย่แห่งเย่นจิง และยิ่งไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นลูกชายของเย่ฉางอิง และยังแบกรับความแค้นไว้ในตัวอีกด้วย……