กู้ชิวอี๋กลับไปแล้ว สิ่งนี้ทำให้เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกค่อนข้างเหงา
ในลานบ้านในเวลานี้เงียบสนิท อากาศก็ยังหนาวอยู่เล็กน้อย เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีแสงจันทร์ ก็ทำให้เย่เฉินทอดถอนหายใจอย่างไม่มีสิ้นสุด
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า คอนเสิร์ตของกู้ชิวอี๋ จะจบลงด้วยวิธีแบบนี้ นึกย้อนถึงรูปภาพเก่าในคอนเสิร์ตเหล่านั้น ในส่วนลึกหัวใจของเย่เฉินก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจและละอายใจมากยิ่งขึ้น
ตัวเองหลายปีมานี้ แม้ว่าจะผ่านความยากลำบาก แต่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ด้วยการปกป้องอย่างลับๆของถังซื่อไห่ อันที่จริงตัวเองก็ถือได้ว่าไม่ต้องกังวลการกินและเสื้อผ้า เพียงแต่ว่าสภาพทางวัตถุหลากหลายอย่างก็ยากลำบากไปบ้างเท่านั้นเอง
แต่ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า ตัวเองลำบากมาหลายปีนี้ ทั้งครอบครัวของกู้ชิวอี๋ก็ได้ตามหาที่อยู่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ
น้ำใจนี้เพียงอย่างเดียว ก็ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากแล้ว ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึง กู้ชิวอี๋ปฏิบัติตามการหมั้นของตัวเองมานานหลายปีขนาดนี้ จิตใจมุ่งมั่นรอคอยความรักที่ลึกซึ้งของตัวเองมาเกือบยี่สิบปี
ดังนั้น จะตอบแทนน้ำใจนี้ของทั้งสามคนในตระกูลกู้ได้อย่างไร ก็กลายเป็นปมในใจของเย่เฉินที่ไม่สามารถคลี่คลายได้
เหตุผลที่คลี่คลายไม่ได้ ก็เป็นเพราะว่าเขาก็คิดวิธีที่ดีไม่ได้ด้วยซ้ำ
เนื่องจากว่า ข้างกายของตัวเองยังมีเซียวชูหรันที่แต่งงานกับตัวเองมาสี่ปี และทอดทิ้งไม่ได้
ตอนที่ในใจของเย่เฉินทอดถอนหายใจ เซียวชูหรันที่สวมใส่เสื้อขนเป็ด ในมือยังถือเสื้อกันหนาวขนเป็ดของเย่เฉินชุดหนึ่ง เดินออกมาจากในคฤหาสน์
เธอมาถึงที่ข้างกายของเย่เฉิน วางเสื้อกันหนาวขนเป็ดไว้บนไหล่ของเขาเบาๆ และเอ่ยปากพูดว่า: “สามี นายทำไมวิ่งมายืนนิ่งอยู่ที่ข้างนอก? คืนนี้อากาศค่อนข้างหนาว”
เย่เฉินยิ้ม และพูดว่า: “ในบ้านค่อนข้างอุดอู้ ฉันอยากออกมาสูดอากาศ”
เซียวชูหรันพยักหน้า และพูดว่า: “ไม่งั้นหยุดการทำงานของเครื่องทำความร้อนใต้พื้นในบ้านพวกเรามั้ย ตอนนี้ก็กลางเดือนมีนาคมแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องทำความร้อนแล้ว”
เย่เฉินพูดว่า: “เปิดไว้เถอะ ตอนนี้ฤดูกาลนี้เป็นหวัดง่ายที่สุด ในบ้านเปิดไว้ก็ดีกว่านะ”
เซียวชูหรันไม่ได้ยืนกรานอีก แต่มองไปที่เย่เฉิน และถามด้วยความเป็นห่วง: “สามี ทำไมฉันรู้สึกว่านายเหมือนมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ? ประสบกับปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มี”เย่เฉินพูดขัดกับความประสงค์ว่า: “หน้าหลังเทศกาลเช็งเม้ง มีงานดูฮวงจุ้ยจะต้องไปที่เย่นจิง ตระกูลใหญ่หนึ่งอยากจะเชิญฉันไปช่วยดูฮวงจุ้ยหลุมฝังศพของบรรพบุรุษ แต่ว่าดูเหมือนจะยุ่งยากเล็กน้อย ฉันกำลังคิดว่าควรจะจัดการยังไง”
เหตุผลที่เย่เฉินพูดแบบนี้ ด้านหนึ่งก็ไม่อยากทำให้เซียวชูหรันคิดมาก อีกด้านหนึ่งก็กล่าวเตือนกับเธอล่วงหน้า บอกให้เธอรู้เรื่องที่ตัวเองจะไปเย่นจิงก่อนเทศกาลเช็งเม้ง
หลังจากที่พูดเช่นนี้ เย่เฉินไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจที่ยิงปืนนัดเดียวได้นอกสองตัวเพราะข้ออ้างเดียว ในตรงกันข้าม ในใจของเขากลับรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
นับตั้งแต่ที่ถังซื่อไห่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่ตัวเองได้รับตำราเก้าเสวียนเทียน ระหว่างตัวเองกับเซียวชูหรัน ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเต็มล้นไปด้วยคำโกหกมากขึ้น
แม้ว่าการโกหกมากมายในนั้นก็ล้วนเป็นความหวังดี แต่ธรรมชาติของการโกหกก็ไม่สามารถปกปิดได้
เซียวชูหรันในเวลานี้ เมื่อได้ยินเย่เฉินเตรียมตัวที่จะไปดูฮวงจุ้ยให้คนอื่นที่เย่นจิง ในใจก็ไม่ได้สงสัย เพียงแค่ถามเขาว่า: “สามี ทำไมนายถึงรับงานดูฮวงจุ้ยอีก?”
“ใช่แล้ว”เย่เฉินพูดอย่างไม่เป็นทางการ: “ให้เงินมากจริงๆ ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ”
จากนั้น เย่เฉินกลัวว่าเซียวชูหรันถามจะเหมือนเดิม ก็พูดเสริมในทันทีว่า: “ยิ่งไปกว่านั้นนะภรรยา เธอน่าจะรู้ว่า คนรวยเหล่านี้ก็มีแวดวงของตัวเอง ถ้าหากทำให้คนในแวดวงนี้ขุ่นเคืองใจ อาจจะถูกแวดวงนี้ปิดกั้นได้ ถึงขนาดอาจตกเป็นเป้าของแวดวงนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นตอนนี้สามีก็เป็นขี่หลังเสือแล้วลงยาก เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าตัดขาดก็ตัดขาดงานทั้งหมดในด้านนี้”