เมื่อว่านพั่วจวินเห็นเฉินจงเหล่ยโทรหาตนเอง ยิ้มทันทีและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าวันนี้พญาหมาป่าเนตรเขียวจะส่งข่าวล่าสุด! นับตั้งแต่เขาไปซีเรีย สามารถกล่าวว่าเขาได้ทำลายศัตรูพังพินาศย่อยยับได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้สงครามในซีเรียคืบหน้าไปมากกว่าครึ่ง และองค์กรของฝ่ายต่อต้านที่เหลือนั้นไม่เป็นโล้เป็นพายอีกต่อไป คิดว่าสองสามวันนี้พยายามอีกเพียงครั้งเดียวก็น่าจะจัดการทั้งหมดได้สำเร็จ!”

หลังจากกล่าวจบ เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ กดรับสายจากพญาเสือแพรขาวทันที และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จงเหล่ย วันนี้คุณได้ชนะไปกี่รอบ?”

เฉินจงเหล่ยที่ปลายสายกล่าวด้วยน้ำเสียงละอาย “ประมุข! วันนี้ทหารของกองทัพหลูจ้านจุนพบกับการโจมตีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในการสู้รบอันดุเดือดกับกองกำลังติดอาวุธฮามิด! หลูจ้านจุนเสียชีวิตในสนามรบ สำนักว่านหลงสูญเสียทหารหัวกะทิรวมทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยสามสิบสี่คน! เป็นเพราะคำสั่งที่ไม่รัดกุมของผม ขอประมุขโปรดลงโทษด้วย!”

การแสดงออกของว่านพั่วจวินเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที

เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณพูดอะไรน่ะ? หลูจ้านจุนเสียชีวิต แล้วยังสูญเสียทหารไปมากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคน! คุณล้อเล่นกับผมหรือเปล่า?”

“ประมุข เรื่องนี้…..ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น……” เฉินจงเหล่ยกล่าวด้วยความเจ็บปวด “ตามที่ผมเข้าใจสถานการณ์ คราวนี้พวกเขาใช้วิธีการประสานงานของทหารราบและใช้ปืนใหญ่โจมตีฐานทัพฝ่ายตรงข้ามตามปกติ แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะสร้างแนวป้องกันทางยุทธศาสตร์ถาวรที่แข็งแกร่งมาก ปืนใหญ่ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ และอีกฝ่ายนั้นอาศัยแนวป้องกันทางยุทธศาสตร์ถาวร และในกระบวนการโจมตีของพวกเรา มันทำให้กองกำลังของพวกเราพ่ายแพ้ย่อยยับ……..”

ว่านพั่วจวินถามอย่างฉุนเฉียวว่า “แล้วหลูจ้านจุนตายได้อย่างไร? เขาเป็นถึงนายพลห้าดาว เขาถูกศัตรูที่หลบซ่อนตัวอยู่หลังแนวป้องกันทางยุทธศาสตร์ยิงตายหรือ? เขาในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดในการรบคราวนี้ของฝ่ายเรา หรือเขาได้บุกเข้าไปด้วยตนเอง?!”

เฉินจงเหล่ยถอนหายใจและอธิบายว่า “ประมุข หลังจากการโจมตีด้านหน้าไม่เป็นผล หลูจ้านจุนได้นำทหารนับพันคนสลับเบี่ยงไปทางด้านข้างฐานทัพของศัตรู แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายได้สร้างแนวป้องกันทางยุทธศาสตร์ลับที่ด้านข้างไว้มากมาย และพวกเขาหลงเข้าไปในจุดยุทธศาสตร์ยิงของศัตรู และถูกอีกฝ่ายล้อมรอบและยิงสังหารเพียงฝ่ายเดียว หลูจ้านจุนไม่สามารถหลบหนีออกมาได้…….”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เฉินจงเหล่ยเศร้าโศกและกล่าวด้วยความโกรธแค้นว่า “หน่วยสอดแนมในซีเรียถ่ายภาพขณะที่ศัตรูกำลังทำความสะอาดสนามรบ พี่น้องของพวกเราเสียชีวิตอย่างอนาถ ทุกคนถูกยิงมากกว่าสิบนัด และไอ้สารเลวพวกนั้นช่างเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรมจริง ๆ ขณะที่พวกเขาทำความสะอาดสนามรบ ไม่เพียงแค่ถอดอาวุธและกระสุนของทหารเท่านั้น แม้แต่กางเกงและรองเท้าบูตของพวกเขาก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน พวกเขาเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน”

เมื่อว่านพั่วจวินฟังถึงตรงนี้ เขาคว้าแก้วเหล้าแล้วขว้างลงบนพื้น เขาลุกขึ้นยืนทันทีและด่าอย่างโกรธเคือง “น่าอัปยศอดสู! น่าอัปยศอดสูมากจริง ๆ!”

“พวกคุณคือทหารหัวกะทิระดับสูงที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจากสำนักว่านหลง หลูจ้านจุนยังเป็นนายพลห้าดาวระดับสูงอีกด้วย แต่กลับถูกกองทัพขยะในซีเรียถล่มจนย่อยยับขนาดนี้ ทหารหัวกะทิหนึ่งพันห้าร้อยคนเสียชีวิตในสนามรบ แม้แต่นายพลห้าดาวก็เสียชีวิตไปหนึ่งคน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ขอสำนักว่านหลง! แม้แต่ในสนามรบที่น่าสลดที่สุด พวกเรายังไม่เคยสูญเสียนายพลห้าดาวเลย!”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ว่านพั่วจวินโกรธมากจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา เขากัดฟันแล้วถามว่า “พวกคุณละอายต่อทหารรับจ้างทั่วโลก และชื่อเสียงของสำนักว่านหลงที่สั่งสมมาหลายสิบปีไหม?!”

เฉินจงเหล่ยรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก และกล่าวว่า “ประมุข! คราวนี้เป็นเพราะผมสั่งการไม่รัดกุม ผมยินดียอมรับการลงโทษทั้งหมด แม้ว่าคุณจะไล่ผมออกทันที ผมก็ไม่มีความโกรธแค้น…… ”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เขาเปลี่ยนเรื่องและกล่าวอ้อนวอนว่า “เพียงแต่ประมุข…..ผมขอให้คุณได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ให้โอกาสผมได้ล้างแค้นให้พี่น้องทหารด้วยตนเอง! ให้เวลาผมสามวัน ภายในสามวัน ผมจะทำลายฐานทัพของฮามิด และนำศีรษะของฮามิดสักการะวิญญาณของพี่น้องทหารที่ตายไปแล้ว!”