สิ่งที่คามมิตกังวลก็คือ เมื่อฐานของเขาถูกอีกฝ้ายปิดล้อมไว้แล้ว งั้นเขาคงจะส่งซูโสว่เต้าออกไปได้ยากแล้ว และเขาก็รู้ดีอีกว่า สำหรับเย่เฉินแล้ว ซูโสว่เต้ามีความสำคัญมาก และเย่เฉินจะพาเขากลับมาที่จีนในอีกไม่กี่วันนี้ แม้ว่าคามมิตจะไม่รู้ว่าเย่เฉินให้เขากลับมาทำไม แต่คามมิตสามารถรู้สึกได้ว่า เย่เฉินให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เมื่อได้ยินความกังวลของคามมิต เย่เฉินก็พูดว่า:”คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก ตอนนี้พวกเขาจะปิดล้อมคุณไว้ ถ้าตอนนี้คุณจะส่งซูโสว่เต้าออกไป มันก็ไม่ค่อยสมจริง งั้นทำกลยุทธ์การป้องกันของคุณให้ดีก่อนดีกว่า ถ้าตอนนั้นไม่มีโอกาสที่ดีจริงๆ ฉันจะหาทางไปที่นั่นด้วยตัวเอง และนำซูโสว่เต้ากลับมา” ครั้งนี้ตระกูลเย่จะไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง และเย่เฉินมีวัตถุประสงค์สองประการ อย่างแรก จะต้องไหว้พ่อแม่ของตัวเองดีๆ ในวันที่สำคัญมากๆของตระกูลเย่อยู่แล้ว อย่างที่สองคือ การให้ซูโสว่เต้าคุกเข่าลงที่หลุมศพของพ่อแม่ เพื่อสำนึกผิดต่อพ่อแม่ของเขา ที่ได้ก่อตั้งพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่ในจินนั้น ดังนั้นในวันเช็งเม้ง ซูโสว่เต้าจะต้องปรากฏที่ภูเขาเย่หลิงซาน เมื่อคามมิตได้ยินแบบนี้ เขาก็รีบพูดขึ้นว่า:”ศิษย์น้อง ที่ฉันอยู่ตอนนี้ในอันตรายมาก นายอย่าไปเสี่ยงเพื่อไอ้แซ่ซูนี้เด็ดขาด งั้นเอาแบบนี้ เดี๋ยวฉันจะจัดโคตรคนทีมมหากาฬ และหาสักคืนที่ฟ้ามืด แล้วส่งเขาออกไป!” “ไม่ได้”เย่เฉินตอบอย่างหนักแน่น:”แม้ว่าฉันจะมีความแค้นกับคนคนนี้ แต่คนๆ นี้ไม่สามารถตายได้ในตอนนี้” เย่เฉินสัญญาว่าจะไว้ชีวิตของซูโสว่เต้า และสัญญากับซูจือหยูว่า หลังจากที่เธอเป็นเจ้าบ้านตระกูลซูแล้ว ก็จะคืนซูโสว่เต้ากลับไป ดังนั้นเขาจะต้องไม่ให้ซูโสว่เต้าตายในซีเรีย ถ้าเป็นแบบนั้น ก็เท่ากับว่าเขาผิดสัญญา ดังนั้นเขาจึงพูดกับคามมิตว่า:”เรื่องของซูโสว่เต้า คุณไม่ต้องกังวลหรอก ตอนนี้ปกป้องฐานของคุณอย่างเต็มที่ ถ้าศัตรูไม่ถอยภายในสิ้นเดือนมีนาคม ฉันก็จะไปที่นั่นเอง” เมื่อคามมิตได้ยินแบบนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากตกลงและพูดว่า:”งั้นถ้าทางนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันจะรายงานให้นายทราบโดยเร็วที่สุด!” …… ในวันต่อมา ซีเรียกลับสู่ความสงบชั่วคราว ทหารของสำนักว่านหลง ไม่ได้ร่วมรบกับกองทัพของรัฐบาลอีกต่อไปแล้ว แต่รวบรวมกองกำลังทั้งหมดเพื่อฆ่าคามมิต และกองทัพของรัฐบาลสูญเสียการสนับสนุนที่แข็งแกร่ง จึงทำได้เพียงชะลอการโจมตีชั่วคราวเท่านั้น ในเวลาเดียวกัน ทางเย่นจิงก็ไม่สงบแล้ว ทุกวันนี้ ราชันสงครามอีกสองคนของสำนักว่านหลง และขุนศึกเกือบร้อยนาย ได้เดินทางมายังเย่นจิงจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อรวมตัวกับว่านพั่วจวิน พวกเขาเป็นแกนนำของทั้งสำนักว่านหลง และพวกเขายังเป็นผู้ถูกเลือกที่ว่านพั่วจวินจะพาไปโจมตีภูเขาเย่หลิงซานในครั้งนี้ คราวนี้ ว่านพั่วจวินไม่เพียงแต่ต้องการถล่มตระกูลเย่ และในเวลาเดียวกันอยากจะใช้รูปแบบของมังกรฟ้าแห่งสวรรค์ เป็นตัวแทนของพ่อแม่ ตัวแทนของสำนักว่านหลง ตัวแทนของตระกูลว่าน กลับสู่เวทีของเย่นจิง เขายังคงจำสถานการณ์ของพ่อแม่ของเขาที่เย่นจิงในตอนนั้นได้ ด้วยเหตุผลหลายประการ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมองพ่อแม่ของเขาในแง่ดีสักเท่าไหร่ และดูถูกพ่อแม่ของเขาไม่มากก็น้อย ถึงขั้นหลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิต มีหลายๆคนก็ยังเยาะเย้ยและโจมตีเขา บอกว่าเขาเป็นขยะ บอกว่าเขาทำได้แย่กว่าหมาของซูโสว่เต้าอีก ฯลฯ นี่เป็นความเจ็บปวดในหัวใจของว่านพั่วจวินมาโดยตลอด ดังนั้น คราวนี้ หลังจากถล่มตระกูลเย่แล้ว เขาจะกลายเป็นพระเจ้าในสายตาของทั้งตระกูลในเย่นจิง! เขาต้องการให้ทุกตระกูลใหญ่หรือเล็กในเย่นจิง กราบต่อหน้าเขา ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ที่เขาจะสามารถกู้หน้าที่หายไปทั้งหมดหลายเท่าแทนพ่อที่ตายไปแล้วของเขา และตระกูลเย่ที่อยู่ในเย่นจิง ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของว่านพั่วจวินกับสำนักว่านหลงเลย ความตั้งใจทั้งหมดของเย่โจงฉวนในช่วงนี้ ทุ่มอยู่กับพิธีไหว้บรรพบุรุษที่จะมาถึง พิธีไหว้บรรพบุรุษนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเย่โจงฉวน ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นพิธีไหว้บรรพบุรุษทุกๆ 12 ปี แต่ยังเป็นพิธีไหว้บรรพบุรุษครั้งแรก หลังจากที่ย้ายสุสานบรรพบุรุษของตระกูลเย่ ไปที่ภูเขาเย่หลิงซาน ที่สำคัญกว่านั้นเย่เฟิงหลานชายคนโตของเขา ก็คือลูกชายของเย่ฉางโคง ลุงใหญ่ของเย่เฉิน หลังจากเทศกาลเช็งเม้ง ก็จะหมั้นกับเจ้าหญิงสาวของราชวงศ์ยุโรปเหนือ