พูดมาถึงตรงนี้ ซูเฉิงเฟิงหัวเราะอย่างเยือกเย็นเล็กน้อย พูดว่า : “ถึงตอนนั้น ก็คงต้องดูว่ากำปั้นใครจะหนักกว่ากันจริงๆ ขอเพียงแค่ว่านพั่วจวินสามารถจัดการตระกูลเย่ได้อย่างราบคาบ ขุดโลงศพของเย่ฉางอิง ยกขี้เถ้าของเย่ฉางอิงแล้ว แล้วค่อยขุดโลงศพของบรรพบุรุษคนอื่นๆในตระกูลเย่ออกมา ให้ทุกคนในตระกูลคุกเข่าลงกับพื้นอย่างโศกเศร้าเสียใจ ต้อนรับโลงศพของพ่อแม่เขาที่ฝังไว้ที่ภูเขาเย่หลิงซาน ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตระกูลเย่นั้นจะต้องได้รับหายนะ !” “เมื่อเย่โจงฉวนเขาให้ตระกูลเย่คุกเข่าลงโดยสิ้นเชิงแล้ว ทั้งชีวิตของเขานั้นก็ไม่มีวันที่จะได้ลุกขึ้นอีกเลย!” ซูอานสุ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า : “ถ้าหากเรื่องนี้เป็นไปตามทิศทางที่คุณพูดล่ะก็ งั้นชื่อเสียงของตระกูลเย่ก็ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง แต่เมื่อชื่อเสียงถูกทำลายแล้ว ทรัพย์สินของตระกูลเย่ยังอยู่ ธุรกิจยังอยู่ อย่างมากที่สุดก็แค่สูญเสียเส้นสายและศักดิ์ศรีไป ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเราอยากจะเข้าไปกดขี่ตระกูลเย่อีกขึ้นหนึ่ง เกรงว่าก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นนะ” พูดแล้ว เขาก็ลังเลอยู่นาน ถึงจะพูดอย่างจริงจังว่า : “คุณท่าน ผมขอพูดหน่อยนะ พูดแล้วคุณห้ามโมโหเด็ดขาด” ซูเฉิงเฟิงโบกไม้โบกมือ พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า : “ฉันรู้ว่าแกจะพูดอะไร แกอยากจะบอกว่า ชื่อเสียงของตระกูลซู ก็ได้ถูกฉันทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นถึงตอนนั้นเกรงว่าฉันและตระกูลเย่จะไม่สามารถปกปิดการกระทำที่น่ารังเกียจได้ ทุกคนก็จะคิดว่าทั้งสองตระกูลเหมือนกัน ถูกไหม ?” ซูอานสุ้นรีบคุกเข่าลงทันที พูดกล่าวอย่างเกรงกลัวว่า : “คุณท่าน ผม……ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นะครับ……” ซูเฉิงเฟิงย้อนถามเขา : “งั้นแกหมายความว่ายังไง?” “ผม……ผม……” ซูอานสุ้นพูดไม่ออกเลยทันที สิ่งที่เขาอยากจะสื่อก็หมายความว่าอย่างนี้จริงๆ แต่ว่าเขาไม่อยากที่จะใช้คำพูดที่ตรงแบบนี้ ซูเฉิงเฟิงพูดอย่างราบเรียบว่า : “พอแล้ว ฉันไม่โกรธหรอกนะ ถึงยังไงแกก็มีความจงรักภักดี” ซูอานสุ้นคุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าตอบอีก ในเวลานี้ซูเฉิงเฟิงก็พูดอีกว่า : “สำนักว่านหลงเจอปัญหาอะไรที่ต่างประเทศ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องกังวล สิ่งที่เราต้องเป็นกังวลมีเพียงข้อนี้ ในเมื่อว่านพั่วจวินจะนำโลงศพของพ่อแม่เขาฝังเข้าไปที่สุสานบรรพบุรุษของตระกูลเย่ งั้นก็พิสูจน์ได้ว่าเขามีความมั่นใจที่จะทำสำเร็จพอ รับประกันว่าในอนาคตตระกูลเย่จะไม่มีทางกลับมาแก้แค้นหรือว่าแก้แค้นไม่ได้ เพราะงั้นฉันคาดว่าในอนาคตเธอจะต้องจัดเตรียมกำลังคนจำนวนมากที่เย่นจิง รับรองว่าโลงศพพ่อแม่ของเขาจะไม่มีทางที่จะถูกตระกูลเย่กลับมาขุดอีก ” พูดมาถึงตรงนี้ ซูเฉิงเฟิงยิ้มเล็กน้อย พูดอย่างลึกซึ้งจนเดาไม่ถูกว่า : “เนื่องด้วยข้อนี้ ฉันยืนยันได้ว่า สำหรับว่านพั่วจวินคนนี้แล้วการแก้แค้นตระกูลเย่เป็นเพียงหนึ่งในหลายเป้าหมายของเขา แต่ในใจลึกๆของเขา อยากที่จะกลับไปผงาดในประเทศแน่นอน ถึงยังไงในปีนั้นพ่อแม่ของเขาก็ล้มในประเทศ เขาจะต้องอยากให้ตระกูลว่านกลับมาลุกขึ้นใหม่ในประเทศอีกครั้งอย่างแน่นอน เพราะงั้น ขอเพียงแค่ในอนาคตว่านพั่วจวินกลับมามีจุดยืนในประเทศอีกครั้ง งั้นตระกูลเย่ก็ไม่มีวันที่โผล่หัวขึ้นอีกแน่นอน ” ซูอานสุ้นรีบพูดชื่นชมทันทีว่า : “คุณท่านฉลาดเลิศ!ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปตระกูลเย่จะต้องถูกว่านพั่วจวินทรมานจนตกอยู่ในสภาวะที่กดดันอย่างมากถึงขั้นบ้านแตกสาแหรกขาด ถึงตอนนั้น พวกเขาก็ไม่มีพละกำลังที่จะต่อกรทางธุรกิจกับพวกเราไปโดยปริยายแล้ว” ซูเฉิงเฟิงยิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมพูดว่า : “เย่โจงฉวนแม้แต่ตัวเองก็ใกล้จะเอาตัวไม่รอดแล้ว ยังจะเอาอะไรมาต่อกรกับฉัน?” พูดมาถึงตรงนี้ เขาพูดอย่างคาดหวังมากว่า : “เย่โจงฉวนทั้งชีวิตนี้รักษาหน้าตาและเกียรติมากที่สุด ฉันล่ะรอคอยวันเช็งเม้งวันนั้นจริงๆ ภาพฉากที่โลงศพของบรรพบุรุษนับร้อยของตระกูลเย่ถูกขุดออกมาทั้งหมด และยิ่งรอคอยเย่โจงฉวนไอ้แก่อายุ70-80ปี มีท่าทางที่ไว้อาลัยอย่างโศกเศร้าให้กับคู่สามีภรรยาว่านเหลียนเฉิง ! ถึงตอนนั้นฉันจะถ่ายรูปที่ท่าทางสุดอนาถของเขาเอาไว้ และโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต ให้ทุกคนได้ดู ผู้นำตระกูลเย่ที่องอาจสง่างาม ทำไมถึงเหมือนหมาเช่นนี้ คุกเข่าลงกับพื้นด้วยท่าทางประจบประแจงอย่างไม่รู้สึกละอาย!”