ทำแบบนั้นล่ะก็ ไม่เพียงแค่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเย่เฉิน สำหรับพ่อแม่ของเขาแล้ว ถ้าหากดวงวิญญาณรับรู้ได้ ก็จะต้องชื่นใจอย่างมากแน่นอน แต่ว่า เขาเองก็รู้ถึงตัวตนอีกขั้นหนึ่งของตัวเองดี เขาไม่เพียงแค่เป็นปู่ของเย่เฉินเท่านั้น ยังเป็นผู้นำตระกูลเย่ด้วย ในเมื่อเป็นผู้นำตระกูลเย่ ก็จะต้องเห็นผลประโยชน์ของตระกูลเย่เป็นหลักสำคัญ เย่เฉินในฐานะที่เป็นหลานชายโดยตรงของตระกูลเย่ จำเป็นต้องกลับตระกูลเย่ เพื่อรับใช้ผลประโยชน์ของตระกูลเย่ ยิ่งไปกว่านั้น เย่เฉินก็เป็นว่าที่ลูกเขยที่ตระกูลกู้ยอมรับ เพียงแค่มองจากจุดนี้ เย่เฉินสำหรับตระกูลเย่แล้วก็ยิ่งจะมีความสำคัญ เพราะงั้น ครั้งนี้เย่โจงฉวนวางแผน ไม่ว่าเย่เฉินจะยอมกลับตระกูลเย่หรือไม่นั้น ครั้งนี้ขอเพียงแค่เขามาแล้วจะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะให้เขาอยู่ต่อให้ได้ และครั้งนี้ เย่โจงฉวนได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว เขาวางแผนไว้ในวันกราบไหว้บรรพบุรุษวันนั้น จัดเตรียมพวกช่างกล้องแสร้งทำเป็นเข้าร่วมพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ และให้พวกเขาถ่ายรูปภาพเบื้องหลังและคลิปวิดีโอในงานกราบไหว้บรรพบุรุษ พอถึงเวลานั้นก็เลือกภาพที่ดีที่สุด ส่งให้กับสื่อนำไปเผยแพร่ ทำแบบนี้ ไม่เพียงแต่สามารถทำให้ผู้คนทั่วทั้งประเทศได้เห็นถึงพละกำลังและท่วงท่าอันสง่างามของตระกูลเย่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสามารถเปิดเผยเย่เฉินและหลานชายตระกูลเย่คนอื่นๆได้อีกด้วย เขาคิดว่า เมื่อฐานะของเย่เฉินที่เป็นคุณชายแห่งตระกูลเย่ถูกเปิดเผย งั้นเขาก็ไม่สามารถกลับไปอยู่ในฐานะของเย่เฉินเด็กกำพร้านั่นในเมื่อก่อนแล้ว คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็เรียกประชุมทุกคนแล้ว เอ่ยปากพูดอย่างตื่นเต้นจนปิดบังไม่อยู่ว่า : “ฮ่าๆ เฉินเอ๋อบินมาที่เย่นจิงแล้ว !อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงเย่นจิง!เขาออกจากบ้านไปกว่ายี่สิบปี ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!นี่เป็นเรื่องที่ดีมากที่ตระกูลเย่ของเราไม่ได้เจอมาสิบกว่าปีแล้ว!” เย่ฉางหมิ่นที่เดิมทีมีใบหน้าสบายใจ ได้ยินชื่อเฉินเอ๋อสองคำนี้ คนทั้งคนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นแล้ว ในเวลานี้เย่ฉางโคงลุงของเย่เฉินก็เอ่ยปากพูดว่า : “พ่อ คุณก็พูดเกินจริงไปหน่อยแล้ว เย่เฉินกลับมาแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่ว่าก็ไม่ถึงกับเรื่องที่ดีมากที่ตระกูลเย่ของเราไม่ได้เจอมาสิบกว่าปีนะ! ” เย่โจงฉวนยิ้มแล้ว พูดอย่างราบเรียบว่า : “ศักยภาพในตัวเฉินเอ๋อแกไม่เข้าใจอะไรด้วยซ้ำ” “ผมไม่เข้าใจ?” เย่ฉางโคงพูดอย่างค่อนข้างดูถูกว่า : “ถึงยังไง เย่เฉินก็แค่ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในจินหลิงไม่ใช่เหรอ?จริงๆแล้ว ได้ยินว่าเขาก็รู้จักคนนอกสามสี่คน แต่ว่าถึงยังไงก็ไม่ควรที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะนะ พ่อดูนะเขาอยู่ที่จินหลิงเหมือนว่าไม่เลวเลย เมื่อมาเย่นจิง เขาไม่ได้มีโอกาสอะไรเลยจริงๆ ถ้าหากจินหลิงเป็นแม่น้ำสายหนึ่ง งั้นเย่นจริงก็เป็นมหาสมุทร เขามาถึงที่นี่ เกรงว่าจะปรับตัวไม่ได้” “จริงด้วยคุณปู่” ลูกชายของเย่ฉางโคง ก็คือเย่เฟิงลูกพี่ลูกน้องของเย่เฉิน ในเวลานี้ก็เอ่ยปากพูดว่า: “คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่อยากให้เย่เฉินกลับตระกูลเย่ และคาดหวังในตัวเย่เฉินสูง แต่ผมขอพูดความจริงหน่อยนะ ในวงการของเย่นจิง ไม่มีช่องว่างอะไรที่เหมาะสมในการพัฒนาของเย่เฉินจริงๆ” พูดแล้ว เขาก็พูดวิเคราะห์ด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า : “คุณก็ลองเอาแวดวงที่ผมเล่นอยู่ปกติมาพูดดูนะ ทุกคนมีใครบ้างที่ไม่ได้เรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่เมืองนอกกว่าหลายปี มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง?ทุกคนล้วนแต่เรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา อังกฤษ แย่ที่สุดก็เป็นออสเตรเลีย ด้านประวัติการศึกษา ปริญญาโทก็เป็นแค่การเริ่มต้น ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นดอกเตอร์ด้านการจัดการเศรษฐกิจ แต่เย่เฉินเรียนมหาวิทยาลัยแค่หนึ่งปี แม้แต่ประกาศนียบัตรของมหาวิทยาลัยสักใบก็ไม่มี มาเย่นจิงจะปรับตัวให้เข้ากับแวดวงเหล่านี้ได้ยังไง ?” ลูกพี่ลูกน้องของเย่เฟิง ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเย่เฉินเช่นกันในเวลานี้ก็เอ่ยปากพูดคล้อยตามแล้ว : “จริงด้วยคุณปู่ แม้ว่าเย่เฉินจะเป็นคนของตระกูลเย่ แต่ถึงยังไงก็แค่เกี่ยวข้องทางเส้นเลือดกับตระกูลเย่เท่านั้น ส่วนอย่างอื่น โดยพื้นฐานแล้วเข้ากันไม่ได้เลย!” “ผมพูดตรงๆหน่อยนะ เขาอยู่ตรงหน้าของตระกูลเย่ ก็เป็นแค่กลุ่มคนระดับต่ำสุดตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมคิดว่าคุณอย่าไปคาดหวังอะไรในตัวเขามากจนเกินไปเลยนะ เพราะว่าความหวังยิ่งสูง ความผิดหวังยิ่งมาก”