ดังนั้น เขาจึงก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าวด้วยความโมโห แล้วคว้าเฮเลน่าให้มาหลบอยู่ข้างหลังของเขา แล้วพูดกับเย่อย่างโกรธเคืองว่า“เย่เฉิน ถึงนายจะเป็นน้องชายของฉัน แต่ถ้านายกล้าคิดอะไรไม่ดีกบพี่สะใภ้ของนาย อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ!” พูดจบ เขาก็มองไปที่กู้ชิวอี๋กับถังซื่อไห่ แล้วโพล่งออกไปว่า“คุณชิวอี๋ พ่อบ้านถัง เมื่อกี้เย่เฉินทำอะไรลงไป พวกคุณน่าจะเห็นกันแล้ว ผมปรักปรำเขารึเปล่า?” เย่เฟิงไม่ใช่คนประมาท ที่เขาพูดแบบนี้ ก็เพราะอยากให้กู้ชิวอี๋ กับถังซื่อไห่ได้ยินในสิ่งที่ตนเองพูด เย่เฟิงคิดว่า เมื่อครู่ที่เย่เฉินแตะต้องนิ้วมือของเฮเลน่าจริงๆ ตนโยนกะละมังขี้ไปให้เขา ถึงเขาไม่อยากรับก็ต้องรับไว้! ถังซื่อไห่รู้สึกอึดอัดใจ เขาไม่รู้ว่าทำไมเย่เฉินต้องทำแบบนี้ แต่กู้ชิวอี๋กลับพูดอย่างหนักแน่นว่า“เย่เฟิง นายอย่ากัดคนไม่ทั่วไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีนะ!ความสามารถของพี่เย่เฉิน นายไม่รู้ด้วยซ้ำ!ในเมื่อเขาบอกว่าให้คุณเฮเลน่ากัดนิ้วกลางข้างขวาในยามคับขัน ก็ต้องมีเหตุผลของเขา!” “เหตุผลบ้าอะไร!”เย่เฟิงทำเสียงหึแล้วกล่าวว่า“ฉันว่าเธอคงถูกผีดลใจแล้วล่ะ!ฉันขอเตือนให้เธอตาสว่างได้แล้ว!” กู้ชิวอี๋พูดอย่างโกรธเคืองว่า“นายหยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เรื่องของฉันนายไม่ต้องสะเออะหรอก!” เย่เฉินไม่ได้รู้สึกโกรธการกระทำของเย่เฟิงเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงพูดอย่างเรียบเฉยว่า“พอได้แล้ว คุณชายทุกท่านผมว่าอย่าทะเลาะกันเหมือนผู้หญิงอยู่ตรงนี้เลย เรื่องที่ผมควรพูดผมก็พูดหมดแล้ว สำหรับเรื่องที่ว่าคุณจะคิดยังไงมันเป็นอิสระของคุณ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน” เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!เรื่องนี้นายยังไม่ได้อธิบายกับฉันให้รู้เรื่องนะ!” เย่เฉินหัวเราะ ไม่ได้สนใจเขา แต่มองไปทางเฮเลน่า แล้วถามเธอว่า“คุณเฮเลน่า คุณคิดว่าผมจำเป็นต้องอธิบายอะไรหน่อยไหมครับ?” เมื่อเฮเลน่าได้ยินอย่างนั้น จึงส่ายหัวแล้วพูดอย่างประหม่าว่า“ไม่ต้องค่ะๆ” พูดจบ เธอก็หันไปมองเย่เฟิง แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า“ฉันเชื่อว่าเย่เฉินเขาหวังดีค่ะ เขาไม่ใช่แบบที่คุณคิดแน่ๆ” “ผม……”เย่เฟิงโกรธจนแทบสำลักออกมา เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่า เฮเลนาจะช่วยเย่เฉินพูด ถึงแม้เขาจะคิดหาเหตุผลไม่ได้ แต่ในเมื่อเฮเลน่าพูดมาแบบนี้แล้ว ถ้าหากตนยังกัดไม่ปล่อย มันก็จะดูว่าตนถือโอกาสทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ถึงเวลานั้นมีคนไปฟ้องคุณปู่ ตนต้องเสียเปรียบแน่ๆ ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“ได้!เรื่องนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง!” พูดจบ เขาก็มองไปทางเย่เฉิน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร“เย่เฉิน คุณปู่บอกแล้วว่า นายร่อนเร่พเนจรอยู่ต่างประเทศมานานหลายปี วันนี้พึ่งกลับเย่นจิง ต้องกลับตระกูลเย่ก่อน ขบวนรถก็อยู่นี่แล้ว กลับกับฉันเถอะ!” เย่เฉินหลุดขำ“เหอะ……ขอโทษด้วยนะครับ กลับไปบอกเขาด้วยว่า พรุ่งนี้ผมค่อยกลับตระกูลเย่” พูดจบ เขาก็มองไปทางถังซื่อไห่ แล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า“พ่อบ้านถังครับ ผมขอฝากคุณไปบอกกับเขาว่า วันนี้ผมจะไปบ้านของลุงกู้ พรุ่งนี้เช้าผมจะไปหาที่บ้าน” ถังซื่อไห่ไม่กล้าพูดอะไร เขาพยักหน้าอย่างนอบน้อม แล้วพูดว่า“ได้ครับคุณชายเฉิน ผมจะกลับไปรายงานคุณท่านครับ” “อืม”เย่เฉินพยักหน้า แล้วพูดกับกู้ชิวอี๋ที่อยู่ข้างๆว่า“หนานหนาน เราไปกันเถอะ” กู้ชิวอี้รีบตอบกลับ“ได้ค่ะพี่เย่เฉิน!” พูดจบ ก็รีบดึงเย่เฉินหันหลังกลับไปยังรถวอลโว่คันนั้นของเธอทันที เย่เฟิงตะโกนอยู่ข้างหลังด้วยใบหน้าถมึงทึง“เย่เฉิน!นายต้องคิดหน่อยนะ นายไม่กลับไปกับฉัน มันก็เท่ากับอกตัญญูต่อคุณปู่นะ!” เย่เฉินพูดโดยไม่หันหลังกลับว่า“จะทำอะไรก็เชิญ!” พูดจบ ก็ดึงประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับของรถวอลโว่ แล้วเข้าไปนั่ง กู้ชิวอี๋สตาร์ทรถ แล้วเหยียบคันเร่ง จากนั้นก็ขับรถผ่านระหว่างช่องของรถโรลส์-รอยส์สองคันออกไป……