เมื่อได้ยินคำแนะนำของเย่เฟิงกับคุณท่านต่างกัน ผู้อำนวยการจ้าวก็ถามว่า“คุณชายครับ งั้นผมต้องไปขอคำแนะนำจากคุณท่านไหมครับ?” “ไม่ต้อง!”เย่เฟิงโพล่งออกไป“คุณรีบช่วยชีวิตเธอเถอะ จะต้องช่วยชีวิตเธอด้วยทุกวิถีทาง ถ้าคุณปู่กล่าวโทษ ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง!” เมื่อผู้อำนวยการจ้าวได้ยินอย่างนั้น และครุ่นคิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของเย่เฟิง ถ้าไม่ช่วยชีวิตเกิดถูกจับได้ขึ้นมา เมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว จึงรีบกล่าวว่า“ได้ครับคุณชายใหญ่ เราจะรีบทำการช่วยชีวิตเธอครับ!” เฮเลน่าใช้สายตาจ้องเขม็งไปที่เฮเลน่า อย่างเยือกเย็น อยากจะกล่าวตำหนิ แต่พอกำลังจะพูด ก็ต้องกลืนคำพูดลงคอไป เธอรู้ดี ตอนนี้เย่เฟิงไม่อยากข้องเกี่ยวกับการตายของตนเอง ไม่อยากรับผิดชอบแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าเธอจะดูถูกความเป็นมนุษย์ของเย่เฟิง แต่เธอก็เข้าใจได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากเรื่องนี้ตนเองจงใจปิดบัง เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็ถอนใจอย่างเศร้าใจ“จะโทษก็คงต้องโทษตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เฉินน้องชายคนนี้ของเย่เฟิง ฉันอาจจะสามารถหลอกเย่เฟิงรวมถึงคนอื่นๆในตระกูลเย่ต่อไป ดังนั้นฉันมีจุดจบเหมือนอย่างทุกวันนี้ ล้วนเป็นเพราะกรรมตามสนอง……” ดังนั้น เธอจึงยอมแพ้ แล้วคิดในใจว่า“ถ้าคนพวกนี้อยากแสร้งทำเป็นช่วยชีวิตฉัน ฉันก็ต้องปล่อยให้พวกเขาทำไป……ระหว่างช่วยชีวิตอาจจะต้องทนเจ็บ ถือว่าเป็นการรับการลงโทษจากคนของตระกูลเย่ก็แล้วกัน” เมื่อเย่เฟิงเห็นสายตาสิ้นหวังของเฮเลน่า เขาก็รู้สึกปอดแหก ดังนั้นจึงรีบพูดกับผู้อำนวยการจ้าวว่า“เอ่อคือ พวกคุณช่วยชีวิตคน ผมเป็นแค่คนนอกจะไม่ขอรบกวนก็แล้วกัน ผมจะไปรอข้างนอกนะครับ” ผู้อำนวยการจ้าวพยักหน้า แล้วรีบกล่าวว่า“งั้นขอเชิญคุณชายใหญ่รอข้างนอก สักครู่นะครับ” “ได้!”เย่เฟิงตอบกลับ แล้วหันหลังเดินออกไปข้างนอก พอเย่เฟิงเดินจากไป หมอคนอื่นๆก็เร่งมือ เตรียมการช่วยชีวิตเฮเลน่าเป็นครั้งสุดท้าย เฮเลน่าไม่พูดอะไร ดวงตาทั้งสองจ้องไปที่เพดานห้อง แล้วก็เริ่มรอคอยการตาย เธอรู้ดีว่า ผู้ป่วยที่ถูกช่วยชีวิต โดยปกติจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่ภาวนาให้ขั้นตอนพวกนี้จบลงอย่างรวดเร็ว ให้ตัวเองจากไปเร็วขึ้น วินาทีนี้ ในสมอของเฮเลน่า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จู่ๆก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เจอเย่เฉินในวันนั้น เธอนึกถึงสายตาที่เขามองมาที่ตนเอง นึกถึงภาพที่เขาจับมือของตนเอง แล้วพูดคำพูดพวกนั้น เวลานี้เอง จู่ๆสมองของเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้! เธอนึกถึงสิ่งที่เย่เฉินกำชับตนเองไว้ คำพูดที่ฟังดูไร้สาระ กระทั่งไม่มีพื้นฐานความเป็นไปได้ของวิทยาศาสตร์ “เขาบอกว่าถ้าหัวใจเราเจ็บจนทนไม่ไหว ให้ใช้แรงกัดปลายนิ้วมือข้างขวาแรงๆ……วิธีนี้ จะได้ผลจริงหรอ?” เมื่อเห็นว่าหมอเตรียมเครื่องกระตุ้นหัวใจเสร็จ และเตรียมอะดรีนาลีนรวมถึงอุปกรณ์สอดท่อต่างๆ เฮเลน่าก็รู้แล้วว่า ถึงคำพูดของเย่เฉินจะฟังดูไร้สาระ แต่ขอแค่ยังมีความเป็นไปได้แค่เศษหนึ่งส่วนหมื่น กระทั่งเศษหนึ่งส่วนหนึ่งล้าน มันก็เป็นหางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเธอ! ดังนั้น เธอจึงยกมือข้างขวาขึ้นอย่างยากลำบาก แล้วนิ้วกลางของมือข้างขวาเข้าไปในปาก ดิ้นรนกอดความหวังสุดท้ายไว้ เฮเลน่าใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีกัดไปที่ปลายนิ้วของมือข้างขวาของตนเอง ชั่วพริบตาเดียว ความเจ็บปวดรวดร้าว ก็ทำให้เธอคิ้วขมวดเป็นปมแน่น มีหมอคนหนึ่งเมื่อเห็นภาพดังกล่าว จึงโพล่งออกมาว่า“ผู้อำนวยการจ้าว คนไข้กัดนิ้วกลางของตัวเองค่ะ!” ผู้อำนวยการจ้าวที่กำลังจะทำการช่วยชีวิตเธอ เมื่อเห็นว่าเฮเลน่ากัดนิ้วของตัวเองแน่น จึงรีบพูดกับหมอคนอื่นๆว่า“คนไข้อาจจะเกิดภาพหลอนก่อนตาย เธออยากจะกัดดูก็เป็นได้ ขอแค่ไม่กัดโดยลิ้นก็พอ พวกคุณอย่าสนใจเธอเลย รีบช่วยชีวิตเธอเร็วเข้า!” ในขณะที่กำลังพูด เฮเลน่าในตอนนี้รู้สึกเพียงแค่ว่า ภายในมือข้างขวาของตนเอง มีความอุ่นบางอย่างแล่นผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันหลั่งไหลเข้าสู่หัวใจของตัวเอง! พลังแบบนี้มันแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนเหลือเชื่อ มันเหมือนกับอากาศในฤดูร้อน ที่ร่างกายแทบจะขาดน้ำ แล้วจู่ๆก็ได้ดื่มโค้กเย็นๆ ขอเพียงดื่มเข้าไปแค่หนึ่งอึก ความรู้สึกที่ได้เกิดใหม่ก็จะซึมซาบเข้าสู่จิตวิญญาณของคุณในทันที! ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าหัวใจที่ล้มเหลวไปแล้วและใกล้จะหยุดเต้น ก็ถูกกระตุ้นจนเต็มไปด้วยพลัง เหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าที่หยุดการทำงานไปแล้ว เพราะไม่มีพลังงาน จู่ๆก็ถูกเปลี่ยนแบตเตอรี่!และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง! ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เฮเลน่าได้เกิดใหม่!อาการของตนทั้งคน เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว!