เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด “พวกคุณทุกคนโน้มน้าวให้ผมรับปาก แต่พวกคุณเคยคิดบ้างไหมว่าพวกเขาอยากได้โลงศพของฉางอิง!! ซึ่งฉางอิงเป็นน้องชายแท้ ๆ ของพวกคุณ แล้วพวกคุณจะมอบโลงศพของเขาให้คนอื่น และปล่อยให้คนอื่นเหยียบย่ำตามต้องการได้อย่างไร!! หากเป็นเช่นนั้น ถึงแม้พวกคุณจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปี หรือหลายสิบปี หลังจากพวกคุณตายไปแล้ว พวกคุณมีหน้าไปพบฉางอิงหรือ?!” ลู่เห้าเทียนสูบซิการ์ หลังจากนั้นจามและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้ คุณท่านเป็นคนฉลาดนี่ สิ่งที่ประมุขของพวกเราต้องการคือทำลายกระดูกของเย่ฉางอิงให้เป็นเถ้าถ่าน!” เมื่อได้ยินประโยคนี้ เย่เฉินมีแรงกระตุ้นอย่างแรงกล้า และอยากจะตัดศีรษะของลู่เห้าเทียนออกจากคอทันที! อย่างไรก็ตาม เขายังคงต่อต้านแรงกระตุ้นที่อยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็เตือนตนเองว่า “อดทน ต้องอดทนให้ได้! หากไม่อดทนมันเป็นการจะทำลายแผนใหญ่! ถ้าวันนี้ผมจัดการลู่เห้าเทียนแล้ว พรุ่งนี้เช้าว่านพั่วจวินจะไม่นำศพพ่อแม่ขึ้นไปที่ภูเขาเย่หลิงซานอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เห้าเทียน เย่ฉางหมิ่นก้มศีรษะด้วยความอึดอัด แต่เย่ฉางโคงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พ่อ! ฉางอิงตายไปแล้ว! ตามคำกล่าวไว้ว่าคนตายไปแล้วก็เหมือนตะเกียงที่ดับ ไม่มีอะไรเหลือนอกจากโลงศพและหลุมฝังศพเท่านั้น แต่พวกเรายังมีชีวิตอยู่! พวกเราทั้งหมดยังมีเลือดเนื้อ ไม่ควรคำนึกถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่หรือ?!” เย่เฟิงกล่าวว่า “ใช่ คุณปู่! อารองเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ตอนนี้พวกเขากำลังมาแก้แค้น ไม่มีเหตุผลที่พวกเราจะเป็นแพะรับบาปแทนเขา!” หลังจากกล่าวจบ เขามองไปที่เย่เฉินด้วยความโมโห กัดฟันกล่าวว่า “ถ้าต้องมีคนเป็นแพะรับบาปจริง ๆ ก็ควรจะเป็นเย่เฉิน เพราะเป็นลูกชายของ……” ก่อนที่เย่เฟิงจะกล่าวจบ เย่โจงฉวนยื่นมือตบหน้าเขาด้วยความโมโห และตะโกนด้วยความโกรธเคืองว่า “ไอ้สารเลว หุบปากซะ!” จากนั้น เขากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พวกคุณทุกคนล้วนเป็นคนรักตัวกลัวตาย! ถ้าลูกชายของผมฉางอิงยังอยู่ เขาจะไม่มีวันไร้ศักดิ์ศรีเหมือนพวกคุณแน่นอน!” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ น้ำตาของเย่โจงฉวนไหลออกมา ขณะนี้ เขารู้สึกผิดหวังกับลูกหลานของตนเองอย่างสิ้นเชิง เย่เฟิงเจตนาจะเปิดเผยสถานะของเย่เฉินที่เป็นลูกชายของเย่ฉางอิง เพื่อถ่ายโอนความเกลียดชังของสำนักว่านหลง แต่ไม่คิดว่าจะถูกคุณท่านตบก่อนที่เขาจะกล่าวจบ เขารู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจ และกำลังจะตะโกนบอกสถานะของเย่เฉินออกมา แต่เย่ฉางโคงพ่อของเขาที่อยู่ด้านข้างจ้องเขาและตะโกนอย่างฉุนเฉียวว่า “ไอ้ลูกเนรคุณ! รีบหุบปากซะ!” เย่ฉางคงรู้ดีว่า ถึงแม้ตอนนี้จะทรยศเย่เฉิน แต่สำนักว่านหลงนั้นไม่ปล่อยสมาชิกคนอื่นของตระกูลเย่ด้วยเหตุผลนี้อย่างแน่นอน แต่มีโอกาสเป็นไปได้มากที่การเปิดเผยสิ่งนี้จะทำให้คุณท่านโกรธเคือง อย่ามองว่าตอนนี้คุณท่านปฏิเสธอีกฝ่ายแล้ว แต่ทางออกเดียวยังคงอยู่ในมือของคุณท่าน บางทีคุณท่านอาจคิดได้ และยอมรับเงื่อนไขของสำนักว่านหลง และหลังจากผ่านเรื่องราวร้าย ๆ แล้ว คุณท่านในฐานะผู้นำตระกูลเย่ ยังคงควบคุมทรัพย์สินของตระกูลเย่อยู่ครึ่งหนึ่ง และเมื่อถึงเวลานั้น คุณท่านจะไม่ให้ความสำคัญกับเย่เฟิงที่ทรยศเย่เฉิน และกระทั่งตนเองอาจจะติดร่างแหไปด้วย ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงไม่ต้องการให้ลูกชายตัดทางเดินของตนเอง เย่เฟิงถูกพ่อตำหนิ จึงไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ตอนนี้เย่โจงฉวนไม่สนใจแม้แต่จะเหลือบมองเย่เฟิง เขาหันไปมองเย่เฉินและถามว่า “เฉินเอ๋อ…..ตอนนี้คุณคิดอย่างไรกับสถานการณ์นี้”