นอกจากซาบซึ้งใจแล้ว เขาก็พูดกับอิโตะ นานาโกะเล็กน้อย ซ่งหวั่นถิงและคนอื่นๆอย่างจนใจว่า : “ทุกท่าน ก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ฉันไม่อยากทำให้ทุกท่านตื่นตกใจกัน คิดไม่ถึงว่ายังต้องรบกวนทุกท่านเดินทางมาจากแดนไกล ขอโทษด้วยจริงๆ” ซ่งหวั่นถิงรีบพูดว่า : “อาจารย์เย่ โดยปกติแล้วพวกเราก็ได้รับความกรุณาจากท่านมากมาย สถานการณ์แบบนี้จะยืนมองอย่างนิ่งดูดายได้อย่างไรกันละ……” เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะถามว่า : “พวกคุณเดาสถานะของฉันออกได้ยังไง?เป็นความดีความชอบของใครกัน?” ซ่งหวั่นถิงแลบลิ้นออกมา ชี้ไปที่อิโตะ นานาโกะพร้อมพูดว่า : “นานาโกะเป็นคนที่เดานะ แต่ว่าตอนแรกมันก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น ต่อมาหลังจากที่ได้รับการยืนยันจากเรื่องอื่นๆแล้ว พวกเราก็รีบมาเลย ” เย่เฉินเรียกสติกลับมาได้ทันที โพล่งพูดว่า : “โทรศัพท์สายนั้นที่คุณโทรมาหาฉันเมื่อวานเพื่อช่วยยืนยันให้พวกคุณใช่ไหม?เหมือนว่าฉันจะบอกคุณทางโทรศัพท์ว่า ฉันดูฮวงจุ้ยให้คนอื่นอยู่ที่เย่นจิง” ซ่งหวั่นถิงพูดอย่างเก้ๆกังๆว่า : “ใช่……อาจารย์เย่คุณห้ามโมโหเด็ดขาด ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะหยั่งเชิงท่าน เพียงแค่อยากรู้ตัวตนของท่านมากเกินไป เพราะงั้นก็เลย……” อิโตะ นานาโกะที่อยู่ข้างๆใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกอาย รีบพูดอย่างหยาดเยิ้มว่า : “เย่เฉินซัง คุณอย่าได้ตำหนิพี่หวั่นถิงเด็ดขาดนะ ทั้งหมดเป็นไอเดียของฉันเอง ฉันเป็นคนแนะนำให้พี่หวั่นถิงทำแบบนี้เอง ……” เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย พูดอย่างจริงจังว่า : “จะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ ทุกท่านมาไกลก็เพื่อฉัน ฉันจะตำหนิได้อย่างไรกันล่ะ ” อิโตะ นานาโกะโล่งใจแล้ว รีบถาม : “เย่เฉินซัง เรื่องในวันนี้ คุณมีความมั่นใจไหม?” เย่เฉินพยักหน้าพร้อมยิ้ม เอ่ยปากพูดว่า : “แน่นอน ฉันเย่เฉินไม่เคยต่อสู้โดยไม่มั่นใจ” พูดแล้ว เย่เฉินก็มองไปที่ข้างหลังของเธอที่อยู่ไม่ไกล นินจาญี่ปุ่นและลูกน้องของตระกูลซ่งที่ยืนเรียงกันสามสี่แถวอย่างเป็นระเบียบ พูดว่า : “นานาโกะ อีกเดี๋ยวอย่าให้นินจาที่คุณพามาลงมือนะ หวั่นถิง ลูกน้องทางฝั่งนั้นของคุณก็เหมือนกัน!มองดูอยู่ด้านหลังของฉันอย่างเงียบๆก็พอแล้ว” ซ่งหวั่นถิงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า : “อาจารย์เย่……ท่าน……ท่านจะทำอะไร……” เย่เฉินยิ้มอย่างราบเรียบพร้อมพูดว่า : “ถ้าหากแม้แต่สำนักว่านหลงเล็กๆฉันยังต้องหาคนมาช่วยล่ะก็ งั้นฉันจะมีหน้า ให้พวกคุณเรียกว่าอาจารย์ได้ยังไงล่ะ?” ในเวลานี้สมาชิกของตระกูลเย่ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีแล้ว เย่เฟิง เย่เห้าและคนอื่นๆ แม้แต่แรงกระตุ้นที่จะถอนหายใจในใจก็ยังไม่มีเลย พูดอะไรดีล่ะ?พวกเขารู้สึกว่า เย่เฉินได้เสแสร้งทุกอย่างที่สามารถเสแสร้งได้บนโลกใบนี้เรียบร้อยแล้ว ยังจะอะไรนะแค่สำนักว่านหลงเล็กๆ…… น้ำเสียงที่พูดนั้น ก็เหมือนกับว่าสำนักว่านหลงไม่ใช่องค์กรทหารรับจ้างชั้นยอดเลย แต่เป็นเด็กสามขวบยังไงอย่างนั้น เย่โจงจั่วก็กังวลจนขนหัวลุกครู่หนึ่ง เขาก็กลัวจริงๆว่าพวกผู้ช่วยเหล่านั้นที่เย่เฉินหามา ถึงเวลาไม่ออกมาช่วยสักคน เพราะงั้น จิตใจที่เพิ่งจะปล่อยวางได้เมื่อกี้ จิตใจก็กลับมากระสับกระส่ายขึ้นใหม่อีกครั้ง…… ถึงเวลา 07.40 นาทีแล้ว เส้นทางที่ตีนเขาเส้นนั้นเพียงเส้นเดียวที่ผ่านไปถึงภูเขาเย่หลิงซาน มองเห็นขบวนแห่ศพแล้ว ขบวนนี้ประมาณหนึ่งร้อยคน ทุกคนต่างก็สวมใส่ชุดไว้ทุกข์สีขาว นำมาโดยแปดคนที่แบกโลงศพสองโลง กำลังมุ่งหน้าไปยังภูเขาเย่หลิงซานอย่างรวดเร็ว! เย่เฉินเห็นภาพฉากนี้ มุมปากก็ยกขึ้นสูงเล็กน้อย “ว่านพั่วจวินนะว่านพั่วจวิน ในที่สุดแกก็มาแล้ว!”