จากนั้น เย่เฉินได้นำกระเป๋าเดินทางจากในมือของเธอไปแล้ว หลังจากนั้นก็ทำท่าทางเชิญให้กับตู้ไห่ชิง และพูดด้วยความเคารพว่า: “น้าตู้เชิญก่อนครับ”

ตู้ไห่ชิงยังอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นท่าทางจริงใจของเย่เฉิน ก็เกรงใจไม่ได้อีก ดังนั้นจึงพูดเบาๆว่า: “ของคุณนะ!”

ทันใดนั้น ก็ก้าวขึ้นบนเครื่องบินก่อน

เย่เฉินถือกระเป๋าเดินทางตามหลังไป หงห้าและเฉินจื๋อข่ายก็ขึ้นเครื่องบินตามอยู่ข้างหลัง

กลับไปเมืองจินหลิงในครั้งนี้ บนเครื่องบินมีผู้โดยสารเพียงสี่คน พนักงานบริการของลูกเรือก็ขอคำแนะนำของเย่เฉินว่าออกบินหรือยัง และหลังจากที่ได้คำตอบที่แน่นอน ก็เปิดประตูเครื่องบิน

เย่เฉินเชิญตู้ไห่ชิงให้นั่งบนโซฟาในบริเวณต้อนรับแขกของเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ขณะที่หงห้าและเฉินจื๋อข่ายก็นั่งอยู่ที่นั่งข้างๆ

เครื่องบินค่อยๆเคลื่อนตัวออก เย่เฉินก็พูดกับตู้ไห่ชิงว่า: “น้าตู้ สองคนข้างๆนี้ก็เป็นเพื่อนของผม คนที่อายุมากกว่าคนนี้ชื่อว่าหงห้า อายุน้อยคนนี้ชื่อว่าเฉินจื๋อข่าย พวกเขาอยู่ในเมืองจินหลิงก็มีเส้นสายและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งมาก ถ้าหากน้าอยู่เมืองจินหลิงต้องการความช่วยเหลืออะไร สามารถติดต่อพวกเขาได้โดยตรง แน่นอนว่าก็สามารถติดต่อกับผมได้โดยตรงเหมือนกัน เพียงแค่อย่าให้ภรรยาของผมรู้ก็พอแล้วครับ”

หงห้ารีบพูดว่า: “คุณหญิงตู้ ผมหงห้า จากนี้ไปคุณอยู่ในเมืองจินหลิงต้องอะไรก็บอกมาได้เลยครับ!”

เฉินจื๋อข่ายก็รีบพูดว่า: “คุณหญิงตู้ ผมคือเฉินจื๋อข่าย ในอนาคตอยู่เมืองจินหลิงมีเรื่องอะไรก็บอกมาได้เลยครับ”

ตู้ไห่ชิงพยักหน้าอย่างซาบซึ้งใจ และพูดว่า: “ขอบคุณพวกคุณ!”

หลังจากที่พูดจบ เธอก็มองไปทางเย่เฉินด้วยความสงสัย และถามว่า: “ครั้งนี้นายกลับไป ยังไม่ตั้งใจที่จะสารภาพตัวตนกับชูหรันเหรอ?”

เหตุผลเพราะว่าตกแต่งคฤหาสน์เก่าหลังนั้นของพ่อแม่เย่เฉิน ตู้ไห่ชิงกลายเป็นลูกค้าของเซียวชูหรัน เธอรู้ว่าเซียวชูหรันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเย่เฉิน

เมื่อได้ยินตู้ไห่ชิงถามถึงเซียวชูหรันภรรยา เย่เฉินพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า: “ผมยังคิดไม่ออกว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน เนื่องจากว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ ถ้าสารภาพตัวตนจริงๆ เกรงว่าสามวันสามคืนก็พูดไม่ชัดเจน”

อันที่จริง สิ่งที่เย่เฉินคิดในใจคือ ตอนนั้นเซียวชูหรันเคยพูดไว้โดยไม่ตั้งใจ

ตอนนั้นเธอพูดเหมือนกับล้อเล่น ถ้าหากตัวเองเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลชั้นนำจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะหย่ากับตัวเองเป็นอันดับแรก

เย่เฉินรู้จักนิสัยของเซียวชูหรัน แม้ว่าเธอบอกว่าล้อเล่น แต่เมื่อพูดถึงก็จะทำให้ได้ อย่ามองว่าเป็นคนใจอ่อน แต่ใจจริงเป็นกลับดื้อรั้นมาก

เย่เฉินแต่งงานกับเธอมาสี่ปี รู้จักนิสัยของเธอดีเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ตอนนี้สารภาพเหล่านี้กับเซียวชูหรัน เพียงแค่จะเพิ่มปัญหาเท่านั้น เขาเพิ่งจะรับช่วงต่อจากตระกูลเย่ ยังมีเรื่องราวมากมายต้องค่อยๆสะสาง ทางสำนักว่างหลงนั้นยังต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบอย่างเร่งด่วน ในเวลานี้ไม่ว่ายังไงก็ห้ามมีความขัดแย้งภายในอีก

ตู้ไห่ชิงยิ้มเล็กน้อย และเอ่ยปากพูดว่า: “บางครั้ง คำโกหกยิ่งถ่วงเวลาออกไปยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งสะสมก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นนายบอกตัวตนให้กับชูหรันตั้งแต่แรก ก็น่าจะไม่ยากเกินไปที่เธอจะยอมรับ”

เย่เฉินพยักหน้า และพูดอย่างทอดถอนหายใจ: “ก่อนหน้านี้ตระกูลเย่ไม่ได้มาหาผม ผมไม่เคยสารภาพประสบการณ์ชีวิตกับใคร หลังจากที่ตระกูลเย่มาตามหาผม ผมรู้สึกว่าการตายของพ่อแม่ถูกปิดซ่อนเร้น ไม่รู้ว่าอันตรายซ่อนอยู่ในความมืดมากแค่ไหน ดังนั้นก็ปิดบังเธอมาโดยตลอด”

พูดถึงตรงนี้ เย่เฉินก็พูดอีกว่า: “อันที่จริงตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่า ปีนั้นใครเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของผมกันแน่ ไม่รู้ว่าชาตินี้ผมจะหาตัวฆาตกรที่ฆ่าพวกเขาเจอหรือไม่ ยิ่งไม่รู้ว่าผมเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาหรือเปล่า ดังนั้นถ้าหากปิดบังชูหรันไม่ให้เธอรู้ ผมรู้สึกว่าสบายใจกว่า”

เมื่อได้ยินเย่เฉินพูดถึงพ่อแม่ สีหน้าของตู้ไห่ชิงก็อดไม่ได้ที่จะสิ้นหวัง เธอเงียบไปนาน ถึงได้เอ่ยปากพูดว่า: “เย่เฉิน จะต้องพยายามล้างแค้นแทนพ่อแม่ของนายให้ได้! ถ้าหากมีอะไรที่น้าพอทำได้ บอกน้า น้าจะทำให้ดีที่สุด!”