“นอกจากนี้ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสามประเทศนี้สูงมาก ดังนั้นคนของพวกเขาจึงมีแนวโน้มที่จะรู้สึกไม่สบายท้อง และความต้องการยารักษาโรคกระเพาะประเภทต่าง ๆ ก็สูงที่สุดในโลกเช่นกัน ถ้ายากระเพาะเก้าเสวียนของพวกเราสามารถเข้าสู่ตลาดประเทศเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น ผมประมาณการว่ายอดขายของพวกเราจะทะลุสองร้อยล้านกล่องแน่นอน!”

“ตอนนี้ยอดขายในประเทศอยู่ที่ประมาณสามสิบถึงห้าสิบล้านกล่อง ส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นตลาดต่างประเทศ เมื่อเป็นเช่นนั้น ยอดขายจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งแสนล้าน และกำไรสุทธิจะอยู่ที่ประมาณสี่หมื่นห้าพันล้าน”

เฉินจื๋อข่ายอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความประหลาดใจว่า “ยาหนึ่งตัวสามารถขายได้หนึ่งแสนล้านต่อปี……มันเป็นตัวเลขที่น่าตกใจจริง ๆ….. ”

เว่ยเลี่ยงรีบกล่าวว่า “ผู้จัดการทั่วไปเฉิน ไม่รู้อะไรเลย ตลาดยาทั่วโลกนั้นน่าทึ่งมาก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แชมป์ขายยาระดับโลกมีทรัพย์สินเกือบสองหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สิบอันดับแรกนั้น ต่ำสุดก็หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน ถ้านำยาที่มีชื่อเสียงระดับโลกเหล่านั้นออกมาจำหน่ายหนึ่งชนิด ยอดขายประจำปีนั้นมากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน”

หลังจากนั้น เว่ยเลี่ยงกล่าวเสริมอีกว่า “ยอดขายยารักษาโรคระบบทางเดินอาหารในประเทศของพวกเราเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ห้าหมื่นล้านหยวนต่อปี เมื่อรวมกับราคายาที่ค่อนข้างต่ำในประเทศแล้ว ยอดขายยารักษาโรคระบบทางเดินอาหารทั่วโลกจะอยู่ที่ประมาณห้าแสนล้านหยวนต่อปี และยากระเพาะเก้าเสวียนของพวกเรานั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด และราคาขายในต่างประเทศนั้นเป็นราคาที่พิเศษสุด เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้ายากระเพาะเก้าเสวียนสามารถเข้าสู่ทั่วโลกได้ มันเป็นเรื่องไม่ยากที่จะสามารถทำยอดขายได้หนึ่งแสนล้านหยวนต่อปี”

หงห้าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ไม่แปลกใจที่จะบอกว่าอุตสาหกรรมยานั้นสามารถทำกำไรได้มากที่สุด เครื่องปริ้นเงินอาจไม่สามารถตามรายรับของธุรกิจนี้ทัน!”

เฉินจื๋อข่ายกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หงห้า อุตสาหกรรมยาก็ต้องแสวงหากำไร เพื่อกระตุ้นให้บริษัทยาเหล่านั้นพัฒนายาให้ดีมากยิ่งขึ้น คุณต้องรู้ว่าหลายสิบปีที่ผ่านมานั้นอายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งความจริงแล้วสาเหตุส่วนใหญ่นั้นอาศัยการสนับสนุนจากยาพิเศษพวกนี้”

“ถูกต้อง” เว่ยเลี่ยงเห็นด้วย “การปรับปรุงระดับทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้อายุขัยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาก และหลายสิบปีที่แล้วโรคมากมายที่ยังไม่มีทางรักษาได้ แต่ตอนนี้เนื่องจากการพัฒนาทางการแพทย์จนสามารถรักษาโรคเหล่านั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือทางการแพทย์หรือการวิจัยและพัฒนายา ก็มีส่วนสนับสนุนหลัก และนี่เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ผมหลงใหลในอุตสาหกรรมยา!”

ทันใดนั้นหงห้าที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวแทรกว่า “ถูกต้อง ผมได้ยินมาว่าตอนนี้กำลังจะพิชิตโรคมะเร็งได้แล้ว?”

เว่ยเลี่ยงส่ายศีรษะแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มีเพียงแค่วิธีการรักษาใหม่ ๆ เท่านั้น รวมถึงการบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันและเซลล์บำบัดล่าสุด แต่ก็ยังไม่ถึงกับสามารถพิชิตโรคมะเร็งได้ เมื่อไหร่ที่การรักษาโรคมะเร็งนั้นง่ายเหมือนการรักษาโรคติดเชื้อทั่วไปแล้ว? ถึงจะเรียกว่าสามารถพิชิตได้อย่างสมบูรณ์”

หงห้ากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผมคิดว่าด้วยความเร็วในการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ไม่นานก็น่าจะสามารถพิชิตโรคมะเร็งได้!”

เว่ยเลี่ยงกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ความจริงแล้ว ผมเองไม่ได้มองแง่ดีเกี่ยวกับการพิชิตมะเร็งมากนัก แต่ผมคิดว่าอาศัยยาพิเศษและยามุ่งเป้า โรคมะเร็งจะค่อย ๆ กลายเป็นโรคเรื้อรัง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกับมะเร็งได้นาน จะเป็นแนวทางสำคัญในการรักษาโรคมะเร็งในอนาคตต่อไป”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เว่ยเลี่ยงกล่าวด้วยแววตาที่มุ่งหวัง “ทุกคนลองคิดดู ถ้าในอนาคตการรักษาโรคมะเร็งสามารถเหมือนกับการรักษาเบาหวานในตอนนี้ได้ ขอเพียงแค่ผู้ป่วยยังคงทานยาต่อไป ก็สามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตได้ยาวนาน นั่นเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ในทางการแพทย์ของมนุษย์แล้ว”

หลังจากนั้น เว่ยเลี่ยงกล่าวต่อไปว่า “หากบริษัทยาใดสามารถพัฒนายาพิเศษดังกล่าวได้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใด ยานั้นจะกลายเป็นยาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด!”

เมื่อเย่เฉินฟังถึงตรงนี้ ถามด้วยความสงสัยว่า “เว่ยเลี่ยง ถ้าบริษัทใดสามารถผลิตยาพิเศษเช่นนี้ได้จริง ๆ ประเทศเหล่านั้นจะยังต้องการเงื่อนไขมากขนาดนั้นสำหรับการนำยาเข้าอีกหรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำถามของเย่เฉิน เว่ยเลี่ยงกล่าวโดยไม่ลังเลเลยว่า “อาจารย์เย่ ถ้าใครสามารถพัฒนายาดังกล่าวได้ เกรงว่าทุกประเทศจะเชิญผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเข้าไปขายในประเทศของตนเองอย่างแน่นอน…..”

หลังจากหยุดชั่วคราว เว่ยเลี่ยงกล่าวอีกครั้งว่า “และหากกำลังผลิตของยานั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของโลก ผมเชื่อว่าหลายประเทศอาจต่อสู้เพื่อโควตายาด้วยซ้ำไป!”