ซ่งหวั่นถิงผู้ซึ่งกำลังดิ้นรนเพื่อหาโอกาส และจู่ ๆ เย่เฉินก็นำยาอายุวัฒนะมาให้เธอทำการประมูล ซึ่งทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งเย่เฉินเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็รู้สึก ตื่นเต้นมากเช่นกัน

นั่นเป็นเพราะเธอรู้อย่างชัดเจนถึงมูลค่าของยาอายุวัฒนะ บางทีอาจจะไม่มีของสะสมอื่นใดในโลกนี้ที่สามารถเทียบกับยาอายุวัฒนะที่เป็นยาวิเศษระดับสูงนี้ได้

ดังนั้น ดูเหมือนเธอจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าการประมูลของยาอายุวัฒนะนั้นจะสร้างประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน

นี่เป็นโอกาสดีที่จี๋ชิ่งถังจะสามารถสร้างชื่อได้

เหมือนกับดาราเกรดสาม ที่ในที่สุดก็มีโอกาสได้แสดงบนเวทีเดียวกับดาราชั้นนำของโลก โอกาสดี ๆ ที่ยิ่งใหญ่!

ดังนั้น เธอจึงกล่าวด้วยความตื่นเต้นกับเย่เฉินว่า “อาจารย์เย่ คุณวางใจเถอะ ฉันจะพยายามจัดงานประมูลครั้งนี้ออกมาให้ดีที่สุด!”

เย่เฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “ถึงแม้จี๋ชิ่งถังจะเป็นธุรกิจของตระกูลซ่ง แต่ก็มีความหมายพิเศษสำหรับผม…..ดังนั้นหวั่นถิง คุณต้องทำให้จี๋ชิ่งถังมีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่ขึ้น จะได้ไม่เสียดายที่ผมมีวาสนากับมัน”

ย้อนกลับไปตอนอยู่ที่จี๋ชิ่งถัง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเซียวฉางควนพ่อตาของเขาทำแจกันโบราณแตกโดยไม่ตั้งใจ เย่เฉินคงไม่มีโอกาสได้รับ《ตำราเก้าเสวียนเทียน》

หากไม่มี《ตำราเก้าเสวียนเทียน》วันนี้เมืองจินหลิงจะไม่มีอาจารย์เย่ แต่จะมีเพียงคุณชายเย่เท่านั้น

ดังนั้น เย่เฉินจึงรู้สึกว่าจี๋ชิ่งถังมีความหมายกับตนเองมาก

อย่างไรก็ตาม เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้เมื่อซ่งหวั่นถิงได้ยินประโยคนี้ แล้วเกิดความเข้าใจผิด

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน ซ่งหวั่นถิงรู้สึกหวั่นไหว และมองไปที่ดวงตาของเย่เฉิน ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก

ความจริง สำหรับซ่งหวั่นถิงที่รักเย่เฉินมาโดยตลอด เธอถือว่าจี๋ชิ่งถังนั้นเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอมานานแล้ว

เพียงแต่ เธอไม่คิดว่าเย่เฉินจะรู้สึกว่าจี๋ชิ่งถังนั้นมีความหมายมากขนาดนี้เช่นกัน

สิ่งนี้ทำให้เธอเข้าใจผิด และคิดว่าความรู้สึกของเย่เฉินทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเพราะเธอ

ขณะเดียวกัน ทำให้เธอรู้สึกว่าการที่ตนเองนั้นรักเย่เฉินมานาน ดูแล้วไม่เหมือนกับรักข้างเดียว เพราะอย่างน้อยในใจของเย่เฉินก็มีพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับตนเอง

นอกจากความรู้สึกซาบซึ้งแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความเขินอาย “อาจารย์เย่…….ขอบคุณที่คุณทำให้ความสำคัญกับจี๋ชิ่งถังมากขนาดนี้……ความจริงแล้ว……จี๋ชิ่งถังก็มีความสำคัญกับฉันมากเช่นกัน…… ”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เธอมองที่เย่เฉินด้วยสายตาที่เสน่หา และกล่าวด้วยนำเสียงแผ่วเบา ๆ ว่า “อาจารย์เย่ ตอนที่ฉันรู้จักคุณแรก ๆ ถึงแม้ว่าฉันจะดูเหมือนเป็นคนหนูใหญ่ของตระกูลซ่ง แต่ความจริงแล้วฉันเป็นเพียงแค่ผู้รับผิดชอบจี๋ชิ่งถังของตระกูลซ่ง ตอนนั้นฉันไม่เคยคิดฝันว่าวันหนึ่งฉันจะได้เป็นผู้นำตระกูลซ่ง…….”

“จนกระทั่ง……..จนถึงวันนั้น……ฉันได้พบคุณที่จี๋ชิ่งถัง……….”

“และเป็นเพราะการได้พบคุณนั่นเอง หวั่นถิงถึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ และมีทุกอย่างเช่นวันนี้…….”

ขณะนี้ น้ำตาของซ่งหวั่นถิงไหลเต็มหน้า

สำหรับซ่งซื่อกรุ๊ปที่มีมูลค่าทางตลาดหนึ่งแสนล้านแล้ว จี๋ชิ่งถังเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ ที่ไม่โดดเด่น

และพ่อแม่ของซ่งหวั่นถิงนั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่ในตระกูลซ่งนั้นเป็นเหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ และเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะตั้งหลักได้ภายใต้การกดขี่อย่างลับ ๆ ของซ่งเทียนหมิงกับซ่งหรงวี่สองพ่อลูก

ดังนั้น ตอนนั้นการที่ตระกูลซ่งมอบธุรกิจของจี๋ชิ่งถังให้กับเธอ มันก็เหมือนกับการใช้ผลกำไรเพียงเล็กน้อย เพื่อให้เธอไปพ้นทาง

ตอนนั้นซ่งหวั่นถิงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น เธอรู้ว่าตนเองเป็นเพียงผู้หญิง และไม่มีพ่อแม่ให้พึ่งพาอาศัย การที่ตระกูลซ่งมอบจี๋ชิ่งถังให้เธอนั้น เธอก็รู้สึกพอใจแล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอนึกไม่ถึงคือชีวิตของเธอได้พบจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่สุดในจี๋ชิ่งถัง

จุดเปลี่ยนนั้นคือเย่เฉิน

หากไม่มีเย่เฉิน เธออาจเสียชีวิตที่ค่ายล็อกมังกรแล้ว หรือเสียชีวิตด้วยน้ำมือของลุงใหญ่และลูกพี่ลูกน้องของเธอ แล้วจะสามารถเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติทั้งหมดอย่างปลอดภัย และกลายเป็นหัวหน้าตระกูลซ่งคนปัจจุบันได้อย่างไร?