เมื่อได้ยินคำขอโทษของสมิธ เว่ยเลี่ยงก็ยกยิ้มขึ้น เอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “คุณสมิธ ถึงผมจะไม่พอใจคุณ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องโกหก ผมกลับมาถึงหัวเซี่ยแล้วจริงๆ ไม่ได้ยินเสียงเครื่องบินในสายจริงๆเหรอครับ? เครื่องที่ผมนั่งมาเพิ่งลงจอดได้ไม่ทันไรเอง ยังจอดไม่สนิทด้วยซ้ำ”
พูดจบ เว่ยเลี่ยงก็เอาโทรศัพท์ไปแนบกับกระจกหน้าต่าง สมิธที่อยู่ปลายสายจึงได้ยินเสียงดังหึ่งๆของเครื่องบินในทันที
เมื่อสมิธได้ยินเสียงจากปลายสาย บวกกับภายในห้องที่ไร้การเคลื่อนไหว เขาก็กระจ่างในทันที ว่าเว่ยเลี่ยงไปแล้วจริงๆ
ชั่ววินาทีนี้ อารมณ์ของเขาพลันแตกสลาย กุมหัวแล้วคร่ำครวญออกมาว่า “คุณเว่ย….คุณ….คุณจะไปทำไมไม่บอกกันสักนิด อย่างน้อย…อย่างน้อยให้โอกาสผมได้สำนึกผิดก็ยังดี…..”
“ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอกครับ” เว่ยเลี่ยงเอ่ยพูดเสียงเรียบนิ่ง “วัฒนธรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทั้งภูมิหลัง นิสัย การเลี้ยงดู ความรู้ล้วนแต่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกผิดกับผมเลย แค่นี้นะครับ ผมต้องลงเครื่องแล้ว”
สมิธลนลาน รีบพูดขึ้นมาว่า “คุณเว่ย คุณเว่ย อย่าเพิ่งวางสายนะ ผม….ผมยังมีอีกเรื่องอยากขอร้องคุณ ขอให้คุณช่วยผมได้ไหม…..”
เว่ยเลี่ยงย้อนถามกลับไปว่า “เรื่องอะไรครับ?”
สมิธรีบพูดขึ้นมาว่า “ก็เรื่องยาเกิดใหม่เก้าเสวียนนั่นแหละครับ เมื่อวานลูกผมกินหมดกระปุกแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้มันดีมากๆเลยล่ะ ดังนั้นผมเลยอยากขอ…..”
“ไม่ได้ครับ” เว่ยเลี่ยงเอ่ยพูดอย่างเข้มงวด “ยาเกิดใหม่เก้าเสวียนราคาตั้งแพง ก่อนหน้านี้ผมอุตส่าห์จะเอาให้คุณสองกระปุกคุณก็ไม่เอา นี่เพราะผมเห็นว่าลูกชายคุณน่าสงสารทั้งนั้นเลยนะ ถึงได้เอาให้คุณหนึ่งกระปุก เพราะฉะนั้นผมส่งให้คุณอีกกระปุกไม่ได้หรอกครับ”
สมิธตบหัวตัวเองแรงๆ เสียงดังจนเว่ยเลี่ยงที่อยู่ในสายสะดุ้ง
ต่อมา สมิธก็รีบพูดขึ้นมาว่า “คุณเว่ย ผมมันไม่รู้ผิดชอบชั่วดี! ผมขอล่ะคุณขายให้ผมอีกครั้งเถอะนะ ขอแค่คุณเสนอราคามา แพงเท่าไหร่ผมก็จะหาทางจ่ายให้ได้”
เว่ยเลี่ยงพูดกลั้วยิ้มว่า “คุณสมิธ คุณล้อเล่นอะไรอยู่ครับ? ในสายตาของคุณ ยาเกิดใหม่เก้าเสวียนก็เป็นแค่ของไม่ได้คุณภาพไม่ใช่เหรอ?”
“คุณบอกว่ายานี้ไม่มีอะไรดี ส่วนผสมและตัวยาก็ไม่ชัดเจน แถมยังไม่มีการวิจัยทางคลินิกที่ครบถ้วน คุณบอกเองว่ายาพวกนี้จะวางขายในตลาดอเมริกาไม่ได้เด็ดขาด!”
“ก่อนหน้านี้ที่ผมให้ยาคุณหนึ่งกระปุก เชื่อว่ามันต้องเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายประเทศของพวกคุณโดยไม่ได้ตั้งใจแน่ ดังนั้นระหว่างที่กลับมาผมจึงรู้สึกผิดตลอดทาง แล้วผมจะเอายาไร้คุณภาพไปขายให้คุณได้ยังไง? แบบนั้นก็ไม่เท่ากับว่าผมทำผิดกฎหมายเหรอ?”
“อีกอย่างประชาชนที่เคารพกฎหมายอย่างผม จะยอมทำผิดกฎหมายอีกไปทำไมกัน!”
ขณะที่พูด เว่ยเลี่ยงก็ย้อนถามเขาว่า “คุณสมิธ คุณคงไม่ได้กำลังหลอกให้ผมทำผิดหรอกใช่ไหม?”
เมื่อสมิธได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้สึกทรมานเสียยิ่งกว่าทานของเสีย
เขารู้ คำพูดเหล่านี้ที่เว่ยเลี่ยงพูดมา มันคือคำพูดที่เขาเคยพูดกับเว่ยเลี่ยงก่อนหน้านี้ทั้งนั้น
ตอนนี้ เว่ยเลี่ยงเลยใช้มันมาตอกกลับเขา ทุกๆคำ เหมือนตบหน้าเขาเข้าอย่างจัง
เขาทั้งรู้สึกผิดและอับอาย ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด ร้อนจนเขาลืมตาแทบไม่ขึ้น
ศักดิ์ศรีบ้าอะไรนั่น เขาน่าจะทำลายมันทิ้งไปตั้งแต่แรก
ตอนนี้แม้แต่การปั้นหน้าครั้งสุดท้าย ก็ยังพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเพราะการเอาคืนของอีกฝ่าย
เขาไม่เคยถูกทำให้อับอายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาจึงได้รู้ว่า มันไม่ใช่เพราะคนอื่น แต่เป็นตัวเขาต่างหากที่ทำให้ตัวเองอับอาย…….