บทที่ 3576 เพื่อแสดงความเคารพ

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

เมื่อเย่เฉินบอกว่าจะตั้งกฎของเกมในอ่าวเอเดนชุดหนึ่งและบีบคั้นให้โจรสลัดเหล่านั้นเล่นตามกฎชุดนี้อย่างเคร่งครัด ว่านพั่วจวินเข้าใจรูปแบบการทำงานของเย่เฉินอย่างสมบูรณ์

การเป็นผู้ที่มีหมัดแข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาคแห่งหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ผู้ที่มีหมัดหนักที่สุดนั้น ไม่แน่ว่าจะสามารถทำให้ทุกคนทำในสิ่งที่เขาต้องการได้

ถ้าหากสามารถกลายเป็นผู้ตั้งกฎในภูมิภาคแห่งหนึ่งได้ทำให้ทุกคนไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ยอมก็ตาม ก็ต้องทำงานตามกฎของเขา ถ้าอย่างนั้นในอันดับนี้ ก็จะสูงหนึ่งชั้นอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้น เขาจึงพูดกับเย่เฉินด้วยความเคารพในทันทีว่า: “คุณเย่ ความหมายของคุณผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”

……

ในเวลาเดียวกัน โจรสลัดคนอื่นในอ่าวเอเดนก็ตื่นตระหนกกระวนกระวายใจอยู่ตลอดเวลา

ผู้นำองค์กรโจรสลัดเกือบทั้งหมด ก็เรียกเรือสปีดโบ๊ททั้งหมดกลับมาจากทะเลโดยไม่ได้นัดหมาย

เพราะว่าพวกเขากลัวว่าเรือสปีดโบ๊ทลำไหนไม่ระวังก็หาเรื่องสำนักว่านหลงอีก ดังนั้นในเวลานี้ ยอมหยุดการปล้นสะดมทั้งหมด ก็จะต้องไม่มีอันตรายที่ซ่อนอยู่หลงเหลือแล้ว

และหลังจากที่พวกเขาเรียกเรือสปีดโบ๊ทกลับมา พวกเขาถึงขนาดไม่กล้าที่จะทิ้งเรือสปีดโบ๊ทไว้ที่ท่าเรือและชายหาด และใช้รถแทรกเตอร์ลากตรงไปที่ตรงกลางที่สุดของค่าย ปกป้องอย่างเข้มงวดขึ้นมา กลัวว่าไม่ระวังหน่อย ก็ถูกสำนักว่านหลงกำจัดทิ้ง

ต่อจากนั้น ผู้นำหลายคนแอบจัดการประชุมอย่างเงียบๆครั้งหนึ่ง ปรึกษาหารือมาตรการรับมือต่อไป

ในที่ประชุม มีคนพูดว่า: “ในความคิดของฉัน ในช่วงเวลานี้ ทุกคนไม่ต้องไปจี้ปล้นเรือพาณิชย์ชั่วคราว ถ้าเกิดไม่ระวังแล้วก็มีเรื่องกับสำนักว่านหลงเข้า งั้นก็จะประสบหายนะร้ายแรงจริงๆ!”

บางคนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้: “งั้นพวกเราก็ไม่สามารถพาลูกน้องทั้งหมดนั่งกินนอนกินโดยไม่ยอมทำอะไรนะได้! เพื่อที่จะรักษาการหมุนเวียนตามปกติขององค์กร ทุกคนยังจะต้องทำอาชีพเดิมต่อไปในอนาคต!”

ก็มีคนพูดอีก: “แบบนี้ ก็ปัญหาร้ายแรงมากก็วางอยู่ตรงหน้า ทุกคนทำอาชีพเดิมก็ได้ แต่ห้ามมีปัญหากับสำนักว่านหลง คนพวกนี้แม่งโหดร้ายมากเกินไป ก็เพราะว่าเรื่องเล็กแค่นี้ ฆ่าบัลเดอร์ทิ้งในทันที มีโหดร้ายกว่านี้ที่ไหนกัน? นี่คือไม่ให้โอกาสเลยสักนิด!”

มีคนถามกลับว่า: “พวกเรายังต้องกินข้าวถ้วยนี้ในอนาคต ก็จำเป็นต้องจี้ปล้นเรือพาณิชย์ต่อไป ฉันยินยอมที่จะหลบเลี่ยงพวกคนชั่วร้ายอย่างสำนักว่านหลง แต่ในความเป็นจริงตอนที่กระทำจะหลบยังไง? ฉันก็คงจะให้ลูกน้องไปถามก่อนจี้ปล้นเรือว่าใช่การคุ้มกันของสำนักว่านหลงหรือเปล่าไม่ได้หรอกนะ? ถ้าเกิดทุกคนบอกว่าเป็นการคุ้มกันของสำนักว่านหลง งั้นพวกเขายังจะทำบ้าอะไร?”

คนก่อนหน้านี้ทอดถอนหายใจพยักหน้าพูดว่า: “นี่ก็เป็นปัญหาใหญ่ ถ้าสำนักว่านหลงผูกขาดธุรกิจคุ้มกันทั้งหมดจริงๆ นั่นก็หมายความว่าไม่เหลือทางรอดให้ทุกคน ถึงเวลานั้นฉันว่าพวกเราก็ต่อสู้กับพวกเขาดีกว่า! แต่ว่า ถ้าหากสำนักว่านหลงไม่ได้ผู้ขาดธุรกิจนี้ งั้นพวกเราก็ต้องมีวิธีไปตรวจสอบ เรือลำไหนที่สำนักว่านหลงคุ้มกันกันแน่ ตราบใดที่เป็นเรือที่สำนักว่านหลงคุ้มกัน พวกเราอยู่ห่างจากพวกเขาหน่อยก็พอ!”

หัวหน้าโจรสลัดที่ถามคำถามนี้เห็นพ้องต้องกันว่า: “ดังนั้นเรื่องนี้ พวกเราต้องคิดหาทางติดต่อกับสำนักว่านหลง แสดงความเคารพที่พวกเรามีต่อพวกเขาก่อน ต่อจากนั้นพยายามบรรลุข้อตกลงไม่รุกล้ำซึ่งกันและกันกับพวกเขา จากนี้ไปเรือที่สำนักว่านหลงคุ้มกัน พวกเราไม่ไปแตะต้องก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ? ทุกคนคิดว่าไง?”

คำพูดของหัวหน้าโจรสลัดคนนี้ ก็กระตุ้นให้ทุกคนเห็นด้วยในทันที