ฉันคิดว่า ตลอดเวลา 17 ปีในชีวิตของฉัน มันไม่น่าอภิรมย์เลยแม้แต่นิดเดียว
เกรดของฉันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของห้อง กีฬาก็แย่ เพื่อนก็ไม่มี ที่สำคัญ ฉันยังตกเป็นเป้าของการรังแกในห้องด้วย
มันแย่สุดๆ ฉันทั้งถูกชก ถูกไถเงิน ถูกน้ำราดใส่หัว แถมฉันยังไม่รู้ด้วยว่าทำไมพวกมันต้องเลือกแกล้งฉันด้วย
และที่สำคัญ พวกมันยังฆ่าฉันด้วย
ใช่แล้ว ฉันถูกฆ่า หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือ ‘ฉันถูกฆ่าจากอุบัติเหตุที่พวกคนที่รังแกฉันเป็นคนก่อ’
อุบัติเหตุที่ว่านั่นคือ เหตุแก๊สระเบิด พวกนั้นรุมทำร้ายฉันในห้องน้ำระหว่างช่วงพักกลางวัน ไถเงินจากฉันไป ก่อนจะพากันไปที่ห้องแล็บเพื่อไปหาอะไรเล่นสนุกกัน
ผลก็คือ ครู 1 ท่านที่อยู่ในห้องแล็บในตอนนั้น เพื่อนร่วมห้อง 26 คนที่รอเข้าคาบเรียน รวมกับฉันด้วยเป็น 28 คน เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
ทำไมฉันต้องตกกระไดพลอยโจรมาตายในเหตุครั้งนี้ด้วยนะ?
และทำไมฉัน ที่ควรจะตายทันทีตั้งแต่ตอนนั้น ถึงรู้เรื่องนี้ได้งั้นเหรอ?
เพราะฉัน ‘ได้ฟัง’ มาจากสาวงามที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้ไงล่ะ
“ฉันยินดีที่เธอคิดว่าเรางามนะ”
…นี่เป็น การอ่านจิตใจซักวิธีนึงสินะ
“นี่คืออภิสิทธิ์ของเทพยังไงล่ะ”
แถมดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะเป็นเทพด้วย ฉันต้องคุกเข่าลงหรือภาวนาด้วยมั้ยนะ?
“อย่างน้อย เราก็ไม่ได้เป็นสิ่งใดที่เธออาจจะนับถือ ดังนั้น ไม่ต้องหรอกนะ”
โอ้ เข้าใจแล้วค่ะ
“ถ้างั้น ให้เราได้ปรับความเข้าใจของเธอเสียหน่อยนะ นามของเราคืออิซึสึ เทพแห่งมรณะและโทสะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณเซนโจ โยนะ”
แย่ละ เธอรับผิดชอบบางอย่างที่น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดไปเยอะเลย ฉันจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย ฉันกำลังจะตายงั้นเหรอ เอ๊ะ ฉันตายไปแล้วนี่นา
“วางใจได้ค่ะ เราไม่มีเจตนาจะทำร้ายเธอแน่นอน”
…จริงเหรอคะ?
“ค่ะ นั่นเป็นความจริง”
…ฉันกลัวจัง ตอนนี้ขอฉันเว้นระยะห่างออกมาซักนิดก่อนนะ
“เธอไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกขนาดนั้นหรอก…งั้น เราขอสรุปสั้นๆ เลยนะ คุณเซนโจ โยนะ ช่างน่าเสียดายที่คุณเพิ่งเสียชีวิตมาเมื่อครู่นี้ แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ชีวิตที่ยีนยาวหรือราบรื่นก็ตาม แต่ก็…ขอบคุณสำหรับความเหน็ดเหนื่อยนะคะ”
…แสดงว่า นี่ฉันตายไปแล้วจริงๆ สินะ ฉันคงไม่ได้ไปเจอพ่อแม่ ลุงยามาดะข้างบ้าน หรือเจ้าเหมียวโยมิอีกแล้ว
“…จริงๆ แล้ว อุบัติเหตุนั่นเกิดขึ้นที่ต่างโลกค่ะ…เป็นบางสิ่งที่ท่านมหาเทพผู้คุ้มครองโลกที่ฉันก็อยู่ใต้บัญชาด้วย สั่งให้เทพที่รับผิดชอบโลกของพวกเธอทำ เพราะโลกที่เราดูแลอยู่เป็นโลกที่มี ‘การไปเกิดใหม่ที่ต่างโลก’ เกิดขึ้นจนเป็นมาตรฐาน หากพูดตามภาษาของพวกเธอ”
หืม…ฉันเคยอ่านหนังสือแนวนั้นมาบ้างค่ะ เพราะฉะนั้น ฉันพอจะเข้าใจในเรื่องนั้นอยู่ ว่าแต่แล้วทำไมเทพจากต่างโลกต้องสั่งให้คุณทำอะไรแบบนั้นด้วยล่ะคะ? ท่านไม่ได้ปฏิเสธเทพของโลกหรอกเหรอ?
“คำตอบสำหรับคำถามแรกนั้นคือ เพราะในโลกที่เราดูแลมีบุคคลที่มี [คุณสมบัติของผู้กล้า] อยู่น้อยมากจนขาดแคลน ส่วนคำตอบสำหรับคำถามที่ 2 นั้น เป็นผลจากการที่เราถูกกุมจุดอ่อนอยู่”
[คุณสมบัติของผู้กล้า] เหรอ…ก็เข้าใจได้อยู่นะ
แต่จุดอ่อนนี่…เทพก็มีจุดอ่อนด้วยเหรอคะ?
“ถูกต้อง แต่เราคงบอกเธอไม่ได้หรอกนะ เพราะมันอาจส่งผลร้ายได้หากเราจะพูดคุยถึงจุดอ่อนของเทพ อย่างเทพที่เป็นเหมือนเพื่อนร่วมงานของเราก็ข่มขู่ให้เราทดแทนบุญคุณ จากเมื่อครั้งที่นางเคยมาช่วยแก้ปัญหาให้อามาเทราสึจังไปก่อไว้นั่นแล”
ชักอยากรู้จังว่าท่านอามาเทราสึเคยไปทำอะไรมา…
“นางก็ไม่เต็มใจทำหรอก เพราะอามาเทราสึจังเป็นเด็กที่อ่อนโยน…แต่ก็ ในฐานะเทพ เรื่องราวจะยิ่งแย่ลงอีกหากทำผิดสัญญา เราจึงไม่มีทางเลือกนอกจากรับความรับผิดชอบนั้นไว้ และบิดเบือนโชคชะตาให้เกิดอุบัติเหตุนั้นขึ้น และนั่นก็พาเราย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น จริงๆ แล้ว ชะตาของเธอนั่นยังไม่ควรถึงฆาตในตอนนี้”
…ทำไมล่ะคะ?
“อย่างที่เราเคยกล่าวถึงก่อนหน้านี้ [คุณสมบัติของผู้กล้า] ที่หาได้ยากยิ่งในโลกที่เราดูแลนั้น กลับสามารถพบบนโลกของพวกเธอได้อย่างไม่ยากนัก…โดยคร่าวแล้ว สามารถพบได้ราว 1 ใน 10 เลยทีเดียว”
บนโลกนี่ เต็มไปด้วยชายกล้าหญิงแกร่งจริงๆ เลยสินะ?
แบบนี่แสดงว่า พวกเขาเล็งเป้าหมายไปที่คนในห้องเรียน 2 หรือ 3 คนที่ถือครอง [คุณสมบัติของผู้กล้า] แล้วก็ก่ออุบัติเหตุนั่นขึ้นงั้นเหรอ?
“เราคิดว่าพวกเขาก็เล็งสิ่งนั้นไว้เช่นกัน เพราะ ‘ผู้เกิดใหม่จากต่างโลก’ นั้น มักเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่สูง แม้พวกเขาจะมีคุณสมบัติที่ไม่ตรงกับพรสวรรค์นั้นก็ตาม แต่ว่า…เธอนั้น..”
…หืม?
“คือ เราได้ตรวจวัดความสามารถของเธอและพบว่า…แม้ว่าเธอจะไม่มี [คุณสมบัติของผู้กล้า] แต่เธอก็แข็งแกร่งมาก มากเสียจนสามารถเหนือกว่าผู้กล้าทั่วๆ ไปได้เลย…แต่คุณสมบัติธาตุของเธอนั้นค่อนไปทางด้านที่ชั่วร้าย นั่นทำให้เธอไม่สามารถไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์ได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เราเป็นผู้มาพูดคุยกับเธอ แทนที่จะเป็นเทพของฝั่งมนุษย์ค่ะ”
…อะไรนะ?
“นับเป็นเรื่องแปลกที่มนุษย์จะมีธาตุของความชั่วร้าย… เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ควรถูกดึงเข้ามาในชะตามรณะนี้ แต่ก็…แม้เธอจะไม่ได้เสียชีวิตเพราะชะตามรณะที่ถูกบิดเบือนนั้นโดยตรง แต่เธอก็ถูกผลกระทบที่ตามมาจากชะตาที่บิดเบือนไปนั้นทำให้เสียชีวิตแทน”
…ฉันเริ่มตามไม่ทันแล้วค่ะ อืม…คือฉันไม่ได้ตายเพราะการระเบิดเหรอคะ? ฉันจำไม่ได้เลย
“ค่ะ เพราะเราไม่ชอบที่จะให้ผู้คนที่ตายต้องจดจำนาทีสุดท้ายของชีวิตก่อนที่ตัวเองจะตาย เราจึงได้ลบความทรงจำนั้นออกไปเอง ในตอนนั้น หลังจากที่เธอต้องประสบกับเรื่องร้ายๆ มากมายมา…เธอก็เดินทางไปยังห้องแล็บนั้นในภายหลัง และระหว่างการเดินทางนั้น ห้องแล็บก็ระเบิด เศษซากจากการระเบิดได้กระแทกเข้าที่หัวของเธอโดยตรง ทำให้เธอได้รับภาวะสมองช้ำ (Cerebral contusion) ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตค่ะ”
ช่างเป็นวิธีการตายที่ไม่เท่เลย…ถ้าพูดให้ถูก มันเป็นสาเหตุการตายที่แสนธรรมดา ดูเหมาะจะเป็นจุดจบสำหรับคนอย่างฉันเลย
“ได้โปรดอย่าดูแคลนตัวเองเลยค่ะ แม้ว่าผู้คนในโลกของเธอจะพูดกันว่าการรังแกกันนั้นเป็นสิ่งไม่ดี แต่นั่นมันผิดค่ะ ผู้ที่รังแกเธอต่างหากที่ไม่ดี เธอควรได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขค่ะ”
…ขอร้องเถอะค่ะ อย่าพูดอะไรที่จะให้บ่อน้ำตาของฉันเอ่อเลย
ถึงท่านจะบอกว่าตัวเองเป็นเทพแห่งมรณะและโทสะ แต่ท่านกลับเป็นคนดีมากๆ เลย…ไม่สิ เป็นเทพที่ดีมากๆ เลย
“ฟู่ว ขอบคุณค่ะ…โอเค งั้นตอนนี้เรามาเข้าเรื่องกัน ตามปกติแล้ว เมื่อเธอเสียชีวิตจากที่โลก เธอจะถูกลบความทรงจำทั้งหมดที่นี่ ก่อนจะกลับเข้าสู่วัฏสงสารอีกครั้ง แต่โชคร้ายที่เธอเสียชีวิตจากชะตาที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปนั้น แม้จะเป็นทางอ้อมก็ตาม นั่นทำให้เธอไม่สามารถกลับไปเกิดใหม่ที่โลกเดิมได้ อย่างไรก็ตาม หากเธอต้องการ เธอสามารถไปเกิดใหม่ยังโลกที่เรารับผิดชอบอยู่แทนได้”
…นั่นคือโลกที่พวกคนที่รังแกฉันไปเกิดใช่มั้ยคะ?
“ถูกต้องค่ะ ขอเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย อย่างที่ฉันเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า คุณสมบัติธาตุของเธอนั้นค่อนไปทางด้านที่ชั่วร้าย นั่นหมายความว่าเธอจะไม่สามารถไปเกิดใหม่เป็นมนุษย์ได้ค่ะ”
…นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ดีสินะคะ ฉันไม่เห็นประโยชน์ของการที่ฉันจะไปเกิดที่โลกนั้นเลย
“ถ้าเธอไม่เกิดใหม่ด้วยวิธีนี้ เธอจะถูกสุ่มไปเกิดที่โลกอื่นที่เหมาะสมกับตัวเธอ…ซึ่งหากเธอทำแบบนั้น เลวร้ายที่สุด เธออาจไปเกิดใหม่เป็นแพลงก์ตอนหรือสิ่งมีชีวิตอื่นที่คล้ายๆ กันแทนค่ะ”
ฉันอยากไปเกิดใหม่ที่โลกของท่านค่ะ
“…โปรดฟังเราก่อนนะคะ คุณสมบัติธาตุที่ชั่วร้ายไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเลย มันทำให้เธอสามารถไปเกิดใหม่เป็นมาร, ปีศาจ, แวมไพร์ หรือเผ่าพันธุ์อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ได้ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น…หากให้เราพูดตามตรง สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาที่ถือครองธาตุที่ชั่วร้าย หรือก็คือ พวกเผ่ามารนั้นมีความดีมากกว่าพวกมนุษย์เสียอีก”
โอ้ จริงเหรอคะ? ฉันคิดว่า เมื่อมี [ผู้กล้า] แล้ว ก็น่าจะมี [จอมมาร] หรืออะไรแบบนั้น และก็น่าจะมีอะไรแบบ “ข้าจะทำลายล้างมนุษยชาติ วะฮะฮะฮ่า”
“แน่นอนค่ะว่ามีจอมมารในโลกนั้น และเผ่ามนุษย์กับเผ่ามารก็ต่อสู้กันอยู่จริง แต่สาเหตุนั้นเป็นเพราะเผ่ามนุษย์…หรือหากพูดให้ถูกคือ มันเป็นเพราะเทพที่พวกมนุษย์ศรัทธาค่ะ มนุษย์ทุกคนนั้นล้วนศรัทธาในมิซารี่ เทพธิดาแห่งชีวิตและเมตตา ในฐานะเอกเทวะของพวกเขา เทพพยากรณ์จากมิซารี่นั่นกล่าวอ้างเผ่ามารที่อยู่อาศัยกันอย่างสงบแต่เพียงฝ่ายเดียวว่าพวกเขาเป็นสาวกของเทพผู้ชั่วร้าย และเริ่มโจมตีพวกเขา”
…เอ คือ ฉันรู้สึกสงสัยค่ะ เทพผู้ชั่วร้ายที่ว่านั่นคือ…
“นั่นหมายถึงเราเองค่ะ”
ใช่จริงๆ สินะค้า~
“แม้จะเป็นความจริงที่เราเป็นเทพผู้ชั่วร้าย แต่เราก็คอยดูแลในหลายสิ่งหลายอย่างเช่นกัน อย่างการให้เทพพยากรณ์ และคอยดูแลโลกไว้โดยไม่แทรกแซงฝั่งมนุษย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้มีการแทรกแซงซึ่งกันและกันระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์ ทั้งที่เป็นอย่างนั้น ยัยเทพงี่เง่านั่นกลับส่งเทพพยากรณ์ลงไปว่า ‘เราเป็นเทพเพียงผู้เดียวผู้คุ้มครองโลกใบนี้ ผู้ที่เชื่อในอิซึสึต้องถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานี’ สิ่งนั้นทำให้เจ้าพวกคลุ้มคลั่งนั่นก็ยิ่งเกลียดชังต่อเผ่ามารมากขึ้นเรื่อยๆ”
ทั้งๆ ที่เป็นเทพแห่งชีวิตและเมตตาแท้ๆ แต่ไม่เห็นจะเมตตาซักนิดเดียวเลย
“อา…ลองดูจากเราก็ได้ค่ะ เธอจะเห็นได้ว่าอุปลักษณะของเทพนั้นไม่ได้ขึ้นกับว่าเทพองค์นั้นรับหน้าที่ดูแลสิ่งใด แม้เราจะรับหน้าที่ดูแลความตายและความโกรธซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องร้ายๆ แต่เราก็ดูปกติ จริงไหมคะ?”
ค่ะ ท่านดูเป็นผู้หญิงที่สวยมาก มีผมสีดำยาว และก็ดูมีอายุราวๆ 20 ปีค่ะ
“เราหมายถึงให้ดูจากลักษณะนิสัยค่ะ ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ก็ขอบคุณนะคะ เอาเป็นว่า ที่เราจะหมายถึงก็คือ เพื่อนร่วมงานของฉัน…มิซารี่นั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่ภูมิใจในตัวเองและเย่อหยิ่ง แม้นางจะเป็นเทพแห่งความเมตตาก็ตาม นางไม่ชอบที่เราดูแลโลกได้ดีกว่า แม้เราทำหน้าที่ดูแลบางสิ่งที่เลวร้ายกว่าก็ตาม นางจึงต้องการจะทำลายเหล่าเผ่ามารที่น่ารักของเรา หรืออะไรทำนองนั้น…เฮ้อ…”
เทพธิดาของพวกมนุษย์นี่ ทำไมช่าง***จังเลย
“ก็…ถ้าให้พูดตามตรง เราคิดว่าโลกสามารถดำเนินไปได้ดีกว่าหากไม่มีนาง และเราก็ปรารถนาจะใช้โอกาสนี้ในการรวมเผ่ามนุษย์และเผ่ามารเป็นหนึ่งเดียวกัน เราไม่มีทางเลือกนอกจากการสร้าง [จอมมาร] ขึ้นมาเพื่อถ่วงดุลพลังกับ [ผู้กล้า] และทำให้นางเป็นผู้ใต้บัญชาโดยตรงของเรา [คุณสมบัติของผู้กล้า] ที่หาได้ยากยิ่งในระดับที่มีผู้ถือครองเพียง 1 คนต่อรุ่นเท่านั้น แต่ [คุณสมบัติของจอมมาร] นั้นหายากยิ่งกว่านั้น 2-3 เท่า และทรงพลังกว่า 2-3 เท่าเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ในโลกนั้นไม่สามารถมีผู้กล้า 2 คน หรือจอมมาร 2 ตนได้ ทำให้ไม่มีทางที่จะใช้เหล่าผู้กล้าเข้ารุมโจมตีได้ และยิ่งมีประสบการณ์มาก โอกาสจะพ่ายแพ้ก็ยิ่งน้อย มิซารี่ที่เสียเปรียบในด้านจำนวน จึงตัดสินใจใช้วิธีนำผู้เกิดใหม่จากต่างโลกมาใช้เป็นไม้ตายก้นหีบ”
…นั่นหมายความว่าพวกผู้เกิดใหม่จากต่างโลกที่มีคุณภาพสูงพวกนั้นจะมาเป็นตัวสำรองสำหรับ [ผู้กล้า] หรือไม่ก็คอยสนับสนุนพวกเขาสินะคะ
“เธอสามารถเข้าใจเรื่องราวได้เร็วมาก ช่วยได้มากเลยค่ะ ด้วยฐานะเทพของมิซารี่นั่นค่อนข้างสูง ทำให้นางสามารถทำอะไรที่บ้าบิ่นแบบนั้นได้ โอ๊ะ…ดูท่าเราจะนอกเรื่องไปมากสินะคะ”
เอ…เรากำลังพูดอะไรกันอยู่นา? อ้อ! ใช่แล้ว เรื่องการไปเกิดใหม่ของฉันค่ะ!
“ก็ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเผ่ามารที่เราดูแลอยู่นั้นจะปลอดภัยกว่า มีจำนวนไม่มากนัก แต่พวกเขาก็มีชีวิตอยู่กันอย่างสงบแม้จะมีศักยภาพสูงกว่ามนุษย์หลายเท่าตัวก็ตาม อาจมีบางสิ่งที่ขาดความสะดวกสบายไปบ้าง เพราะในโลกใบนั้นจะมีเวทมนตร์แทนที่วิทยาศาสตร์นะคะ”
โอ้ ก็นั่นคือเวทมนตร์นี่นา
“ใช่ค่ะ แน่นอนว่านั่นต้องใช้ความพยายามในการเรียนรู้…เช่นนั้นแล้ว คิดว่าอย่างไรบ้างคะ? เธอต้องการจะมาเกิดใหม่ยังโลกที่เราดูแลอยู่หรือไม่?”
อืมมมม…ขอฉันถามคำถามซักหน่อยได้มั้ยคะ?
“ได้ค่ะ แน่นอน”
ถ้างั้น…
Q: โลกใบนั้นมี {สเตตัส} แบบมาตรฐานของการเกิดใหม่ที่ต่างโลกมั้ย?
A: มีค่ะ แต่ในโลกนั้นจะไม่มี {สกิล} มีเพียงแค่เลเวล, ความสามารถ และอาชีพค่ะ ส่วนเวทมนตร์นั้นเป็นข้อยกเว้นที่อยู่นอกเหนือจาก {สเตตัส} ค่ะ
Q: ฉันสามารถไปเกิดใหม่เป็นอะไรได้บ้างค่ะ?
A: สามารถเกิดเป็นเผ่าพันธุ์ไหนก็ได้ในเผ่ามารเลยค่ะ
Q: พวกมนุษย์ผู้เกิดใหม่จากต่างโลก…มีโอกาสที่ฉันจะบังเอิญไปเจอพวกนั้นมั้ยคะ?
A: ก็ไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ แต่เราคิดว่าไม่น่ามีโอกาสได้เจอกันนะคะ นอกเสียจากว่าเธอจะเข้าร่วมกับการต่อสู้ด้วย แต่เราคิดว่าแม้พวกเธอจะเจอกันอีกครั้ง พวกเธอก็ไม่น่าจะสามารถจำหน้ากันได้ค่ะ เพราะทุกคนก็มีใบหน้าที่เปลี่ยนไปจากชาติก่อน
Q: ถ้าฉันได้มาเกิดใหม่แล้ว ฉันจะแข็งแรงขึ้นมั้ยค่ะ?
A: ขึ้นกับความพยายามของเธอค่ะ แต่เธอก็มีศักยภาพที่สูงมากเลยทีเดียว
Q: คำถามสุดท้ายค่ะ ฉันควรจะทำอะไรบ้างเหรอคะหลังจากที่เกิดใหม่แล้ว?
A: เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ปรารถนาเลยค่ะ แม้เราจะบอกกล่าวเรื่องราวไปมากมายก่อนหน้านี้ แต่พวกนั้นก็เพียงคำบ่นของเราเท่านั้น เธอไม่จำเป็นต้องแบกรับสิ่งใด ดังนั้น โปรดใช้ชีวิตตามที่เธอปรารถนาเถิด ไม่ว่าจะเข้าร่วมต่อสู้หรืออยู่อย่างสงบก็ได้ค่ะ
“ฟู่ว…หมดคำถามหรือยังคะ?”
ค่ะ…ฉันตัดสินใจแล้วค่ะ ฉันจะไปเกิดใหม่ที่โลกของท่านค่ะ
“ดีแล้วค่ะ! ทีนี้ก็มาเลือกเผ่าพันธุ์ที่เธอจะไปเกิดใหม่ได้เลยค่ะ รายการตามนี่เลยค่ะ”
เมื่อท่านอิซึสึกวักมือ ก็มีหน้าจอเมนูคล้ายกับในวิดีโอเกมปรากฏขึ้นมา
อะไรกันเนี่ย?
มนุษย์มาร, ปีศาจ, แวมไพร์, มนุษย์มังกร, ก็อบลิน, ออร์ค, สไลม์,…
ก็อบลินกับออร์คนี่ตัดทิ้งได้เลย
ฉันไม่รู้ว่าสไลม์คืออะไร แต่รู้สึกไม่ค่อยดีในหลายๆ อย่าง ก็เลยตัดทิ้งไปเหมือนกัน
มนุษย์มังกร…ฉันไม่ค่อยชอบมนุษย์มังกรเท่าไหร่ เพราะฉันคิดว่าต้องมีเกล็ดเต็มตัวแน่ๆ
งั้น ตามที่ท่านอิซึสึบอกไว้ก่อนหน้านี้ ฉันควรจะเลือกไม่มนุษย์มาร, ปีศาจ ก็แวมไพร์น่าจะดี
มีคำแนะนำอะไรหน่อยมั้ยคะ?
“อืมมม… มนุษย์มารเป็นเผ่าพันธุ์ย่อยของเผ่ามนุษย์ พวกเขาจะดูไม่แตกต่างกันนัก แต่มนุษย์มารจะทรงพลังกว่ามนุษย์หลายเท่าตัว ปีศาจนั้นเป็นพวกเผ่ามนุษย์มารที่หายากและรักการต่อสู้กว่า ดังนั้นหากเธอปรารถนาการต่อสู้ เผ่าปีศาจก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว ส่วนแวมไพร์นั้น…พวกเขาดูคล้ายกับมนุษย์ที่สุดในบรรดา 3 เผ่าพันธุ์นี้ เพียงแค่มีตาสีแดงเข้มและมีฟันคู่ (Yaeba) 100% ดังนั้น เธอก็น่าจะสามารถชินกับมันได้ในเวลาไม่นานค่ะ”
แต่ถ้าเป็นแวมไพร์แล้วนี่ จะไม่ตายเพราะถูกแสงแดดเหรอคะ? แล้วไหนจะกระเทียม ไม้กางแขน หรือถูกตอกลิ่มปักหัวใจอีก?
“…? นั่นคืออะไรเหรอคะ? สิ่งเหล่านั้นน่ะ…อ้อ เข้าใจแล้วค่ะ นั่นคือสิ่งที่กล่าวถึงกันในโลกของเธอสินะคะ แต่ในโลกของเรา แวมไพร์นั้นแทบจะอยู่รวมกับมนุษย์ได้เลย เพราะโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาก็ดูไม่ต่างจากมนุษย์มากเท่าไร แต่ในเวลากลางคืน ความสามารถของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นตามข้างขึ้นข้างแรม พลังของพวกเขาจะถึงขีดสุดในคืนเดือนหงายซึ่งพลังนั้นจะสูงกว่ามนุษย์กว่า 10 เท่าตัว แน่นอน พวกเขาสามารถใช้ชีวิตกลางแสงแดดได้ หรือจะทานกระเทียมก็ได้ค่ะ”
…ฉันจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้มั้ยค่ะถ้าไม่ดื่มเลือดมนุษย์
“ได้ค่ะ แม้เลือดของมนุษย์จะเป็นอาหารที่มีสารอาหารมากที่สุดสำหรับแวมไพร์ก็ตาม และเช่นเดียวกับที่โลกของเธอเล่าขาน มีความเป็นไปได้ที่คนที่ถูกดูดเลือดจะถูกเปลี่ยนเป็น [ผีดูดเลือดบริวาร] แต่ถ้าเธอต้องการ เลือดของเหล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็เพียงพอเช่นกันค่ะ”
ต้องฆ่ามนุษย์งั้นเหรอคะ! ฉันไม่มีความคิดจะทำแบบนั้นเลย…
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นค่ะ จริงๆ แล้ว แวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์ที่รักสงบมากๆ แม้พวกเขาจะเต็มไปด้วยคุณสมบัติธาตุที่ชั่วร้ายก็ตาม อีกทั้ง พวกเขายังเป็นเผ่าพันธุ์หายากที่มีอัตราการเกิดต่ำอันเนื่องมาจากอายุขัยที่ยาวนานของพวกเขา นั่นทำให้พวกเขาสนิทสนมกันและใจดีมาก
…ไม่เลวเลย ฉันหมายถึง ดูดีกว่ามนุษย์เยอะเลย
โอเคค่ะ ฉันขอไปเกิดใหม่เป็นแวมไพร์ค่ะ
“ฮุฮุ เรารู้ว่าเธอจะเลือกแวมไพร์อยู่แล้วค่ะ…เราจะให้เธอได้เกิดใหม่เป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าแวมไพร์นะ เราจะพยายามไม่แทรกแซงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ดังนั้น พยายามเข้านะคะ”
ค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะ ความตายของเธอเป็นความรับผิดชอบของเรา เพราะเราไม่สามารถหยุดมิซารี่ได้ เราหวังว่าชีวิตใหม่นี้จะเป็นไปได้ด้วยดีนะคะ”
…ค่ะ ฉันจะพยายาม
“…เช่นนั้นแล้ว ขอให้เธอมีชีวิตที่ดีค่ะ!”
ในพริบตาหลังจากนั้น สติของฉันก็ดับวูบไปราวกับถูกดูดลงไปในอะไรบางอย่าง…
TN: สำหรับใครที่ได้อ่านมาแล้ว ขอความร่วมมือไม่สปอยนะครับ~
ส่วนใครที่เพิ่งได้เจอกัน สวัสดีและยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่ๆ ผู้อ่านในเว็บแมวทุกท่าน ^^
นี่เป็นผลงานการแปลแรกของผมเลย การมาลงในเว็บแมวนี้จะมีการแก้ไขคำพูดบางส่วนจากที่เคยลงไว้ด้วยนะ
ขอฝากนิยายแปลนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะครับ ^^
← ตอนก่อน