ตอนที่ 3 เวทแห่งภูต

เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN)

พ่อใช้น้ำล้างสิ่งสกปรกให้ฉันอย่างจริงจัง

แต่ร่างกายของฉันกลับเย็นเฉียบ เพราะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำเย็น

“พ่อ ใช้เวทความร้อนทำให้น้ำอุ่นหน่อยได้ไหม”

พ่อเป็นผู้ที่ได้รับพรจากเทพีแห่งอัคคี จึงสามารถใช้เวทไฟและเวทความร้อนได้ ต้องขอบคุณเวทของพ่อที่ทำให้พวกเราผ่านพ้นฤดูหนาวที่แสนเยือกเย็นมาได้ ส่วนแม่ของฉันได้รับพรจากเทพีแห่งปฐพี

“อ่า หนาวเหรอ ขอโทษนะที่ไม่ทันสังเกต”

“ภูตควบคุมอัคคีเอ๋ย จงใส่พลังเวทอันอบอุ่นลงในน้ำสะอาดใส”

พอพ่อร่ายคาถา ภูตที่เปล่งแสงสีแดงอ่อน ๆ ก็บินวนรอบถัง จากนั้นน้ำก็อุ่นขึ้นจนได้อุณหภูมิที่เหมาะสม

“เป็นไงบ้าง”

“กำลังดีเลย ขอบคุณค่ะ”

“แอกเซลนี่เก่งเวทมนตร์จริง ๆ”

คุณลุงเพื่อนบ้านมองดูเวทมนตร์ของพ่อแล้วพูดเช่นนั้นอย่างประทับใจ ถ้าพิจารณาถึงความทรงจำของเรน่าที่ผ่านมา เหมือนว่าความเก่งกาจของการใช้เวทมนตร์จะขึ้นกับว่าเข้าใจที่สื่อสารกับภูตได้แค่ไหน และความถูกต้องแม่นยำของคาถา

พ่อมักพูดว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้พ่อกับภูตเข้าใจความคิดของกันและกันได้ แต่ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะยังทําสัญญากับภูตไม่ได้

“โอเค เท่านี้ก็สะอาดแล้ว”

สุดท้ายพ่อใช้ผ้าขี้ริ้วชุบน้ำอุ่นล้างเท้าให้ฉันจนสะอาด ฉันจึงสามารถกลับไปสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนตกส้วมได้ ชายกระโปรงและรองเท้าก็ถูกล้างไปพร้อมกัน ถึงจะเปียกโชกแต่ก็สะอาดสักที

แค่ล้างผ่านน้ำเฉย ๆ ยังไงเชื้อโรคก็ยังอยู่แน่นอน ให้ตายฉันก็ไม่ใช้เสื้อผ้ากับรองเท้าที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกหรอกนะ ความทรงจำในฐานะเซนะ ฟูกะโวยวายออกมาเช่นนั้น แต่ที่นี่ ถึงจะคิดแบบนั้นไปก็ไม่ช่วยอะไร เพราะที่นี่ไม่มีสบู่ แถมเสื้อผ้ากับรองเท้าก็เป็นของมีค่า

“ขอบคุณค่ะพ่อ ขอโทษนะคะทุกคนที่หนูก่อเรื่อง”

“อย่าคิดมาก นี่ก็เช้าแล้วด้วย เรน่า เดี๋ยวฉันใช้เวทลมทำให้แห้งให้นะ”

“ได้เหรอ ขอบคุณค่ะ”

“ภูตควบคุมวายุเอ๋ย จงสร้างสายลมอันอ่อนโยน”

พอคุณลุงเอ่ยปากร่ายคาถา สายลมอ่อน ๆ ก็มากระทบทั่วร่างกายของฉัน รู้สึกว่าลมจะเบาไปหน่อย แต่เดี๋ยวก็คงแห้งแหละมั้ง

ลมที่คุณลุงสร้างเมื่อกี้ มีการกำหนดขอบเขตผลลัพธ์อย่างหลวม ๆ ความแรงก็แสดงออกมาไม่ชัดเจน จึงกลายเป็นลมเบา ๆ เป่าฉันและบริเวณโดยรอบให้ร่างกายที่เปียกโชกของฉันแห้ง ถ้าเป็นคนที่เก่งเวทมนตร์ ก็คงสื่อสารกับภูตได้ดีและเข้าใกล้เวทมนตร์ที่คุณลุงต้องการได้มากกว่านี้

แล้วก็ถ้าไปโรงเรียน เรียนเกี่ยวกับคาถา เหมือนว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนคาถาได้เล็กน้อยให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ และเพิ่มความแม่นยำของเวทมนตร์ให้มากขึ้นได้ คาถาที่คนในสลัมใช้ เป็นสิ่งที่สืบทอดมาจากพ่อแม่จากรุ่นสู่รุ่น ฉันจําได้ว่าเคยได้ยินพ่อบ่นว่าไม่รู้ว่าคาถานี้ดีหรือไม่ดี

ฉันไม่รู้รายละเอียดนักหรอก แต่เหมือนว่าคาถาที่ใช้กล่าวต่อภูตจะมีกฎเกณฑ์ของมันอยู่ และไม่ใช่สิ่งที่จะปรับเปลี่ยนอย่างลวก ๆ ได้

“ขอบคุณค่ะ แห้งเกือบหมดแล้วละ ที่เหลือพอพระอาทิตย์ขึ้นเดี๋ยวก็แห้งเอง”

“ก็จริงแฮะ ช่วงกลางวันอาการร้อน เพราะตอนนี้เป็นเดือนแห่งอัคคี”

“ใช่ ดีนะที่ไม่ได้ตกส้วมตอนเดือนแห่งวารี”

ถึงจะไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับปฏิทินของโลกนี้ แต่เอาเป็นว่าหนึ่งปีจะแบ่งออกเป็นสี่เดือน ได้แก่ เดือนแห่งวายุ เดือนแห่งอัคคี เดือนแห่งปฐพี และเดือนแห่งวารี ซึ่งเป็นเรื่องที่แม้แต่เรน่าก็ยังรู้ ส่วนการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลนั้น ถ้าเทียบกับฤดูทั้งสี่ของญี่ปุ่นแล้ว น่าจะไม่ร้อนเท่าฤดูร้อน แต่หนาวกว่าฤดูหนาวในญี่ปุ่น

“ถึงเวลาที่ต้องทำความสะอาดส้วมบ้างแล้วมั้งเนี่ย”

ทันทีที่สว่างขึ้นจนมองเห็นได้โดยไม่ต้องใช้ดอกเรืองแสง แม่ก็มองเข้าไปในส้วมแล้วพึมพำเช่นนั้น จากนั้นพวกผู้ใหญ่บางคนก็มองเข้าไปในห้องน้ําบ้างแล้วพยักหน้าเห็นด้วย

“ไหน ๆ ก็ได้โอกาสแล้ว ย่อยสลายหน่อยก็แล้วกัน”

“นั่นสินะ ทุกคนที่ได้รับพรจากเทพีแห่งปฐพี ช่วยมารวมตัวกันหน่อยได้ไหม จะทำความสะอาดส้วมน่ะ”

พอแม่ตะโกนเรียกเพื่อนบ้าน เหล่าชายหญิงต่างก็มารวมตัวกันรอบห้องส้วม จากนั้นก็จับมือแล้วร่ายคาถาพร้อมกัน

“ภูตควบคุมปฐพีเอ๋ย จงนำพืชพรรณนานาชนิดมาสู่วัฏจักรแห่งธรรมชาติ“

ขณะที่ร่ายคาถาจบ ภูตที่เปล่งแสงสีน้ําตาลจํานวนมากก็บินเข้าไปยังห้องส้วมในเวลาเดียวกัน จากนั้นต้นหญ้าที่เป็นยอดอ่อนเล็ก ๆ สีเขียวก็ปรากฏขึ้นจำนวนมาก ถึงขนาดที่ทำให้มองไม่เห็นสิ่งปฏิกูล หญ้าเหล่านั้นปรากฏขึ้นแล้วหายไปราวกับถูกทำลายพร้อม ๆ กับเปล่งประกายระยิบระยับ แล้วยอดอ่อนก็ปรากฏขึ้นมาใหม่

หลังจากฉากอันน่าทึ่งราวเทพนิยายซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดในห้องส้วมจบลง สิ่งปฏิกูลที่เคยอยู่ในส้วมก็หายไปกลายเป็นดิน

“เอาละ ทีนี้จะแบ่งปุ๋ยละนะ”

“ทุกคน ไปเอาถังมา!”

ดูเหมือนดินที่เหลือหลังจากสิ่งปฏิกูลถูกย่อยสลายจะกลายเป็นปุ๋ย ทำให้ทุกคนถือถังมาหน้าระรื่น แล้วใช้จอบไม้แบ่งปุ๋ยไปเท่า ๆ กัน

ที่ผ่านมาฉันรับปุ๋ยนี้ไว้ด้วยความดีใจ เพราะมันเป็นประโยชน์ต่อมื้ออาหารของทุกวัน แต่ตอนนี้ฉันดีใจไม่ลงแล้ว ถึงจะรู้ว่าเป็นปุ๋ยที่สําคัญก็เถอะ……

“แม่ ทำไมถึงไม่ย่อยสิ่งปฏิกูลให้บ่อยขึ้นล่ะ”

“ทำไมน่ะเหรอ ก็สะสมจนมันเยอะแล้วทำทีเดียวมันง่ายกว่านี่นา แถมเวทแห่งภูตก็เผาผลาญพลังเวทที่อยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก เลยใช้ไม่ได้จนกว่าจะผ่านไปสักพัก ให้พลังเวทฟื้นฟูกลับมายังไงล่ะ”

“อย่างนี้นี่เอง”

เวทแห่งภูตไม่ใช่สิ่งที่สามารถใช้ได้อย่างไร้จำกัดสินะ ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้……ถึงจะอยากให้ทำความสะอาดทุกวันก็เถอะ

แม้จะย้อนดูความทรงจําของเรน่า แต่พบว่าเวทแห่งภูตก็ไม่ได้ถูกใช้บ่อยขนาดนั้นจริง ๆ ถึงจะใช้สร้างน้ำบ้าง ใช้จุดไฟบ้าง แต่ก็จำไม่ได้ว่าใช้ทำอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้ สงสัยไม่ใช่สิ่งที่สารพัดประโยชน์ขนาดนั้น

“เรน่า กลับบ้านไปกินข้าวเช้ากัน”

“ค่า”

เพื่อให้เดินทันแม่ที่ตักปุ๋ยใส่ถังแล้วมุ่งหน้าไปยังบ้าน รวมถึงพ่อกับพี่ชายที่เดินอยู่ข้าง ๆ ฉันจึงรีบจ้ำอ้าวตามทุกคนกลับบ้าน