เวลาล่วงเลยไป3วัน ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ตอนนี้คือวันจันทร์และผมก็กำลังอยู่ที่โรงเรียน

ผมปิดก็อกน้ำแล้วเช็ดน้ำออกจากริมฝีปาก

บางคนอาจจะบอกว่าน้ำประปาในเมืองนั้นรสชาติแย่ ในขณะที่บางคนคิดว่า มันอาจจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้ว แต่ยังไงก็ตาม น้อยคนมักจะไม่รู้ว่าน้ำ ประปานั้นจะมีรสชาติต่างกันไปในแต่ล่ะอาคาร

สำหรับผม คาซูฮิโกะ นูคุมิสึ ปี1ห้องc ของโรงเรียนมัธยมสึวาบุกิ ผมน่ะเชียณชาญเรื่องนี้ดีกว่าใคร

“ใช่ๆ มันต้องก็อกน้ำอันนี้เหละ” 

ผมเลือกก็อกน้ำหน้าห้องสมุดในอาคารเรียนหลังใหม่ ในช่วงพักคาบ

มันนั้นอยูห่างจากถังเก็บน้ำนหลังคามากที่สุด แสดงว่าตรงนี้คือจุดที่ครอลีนที่ไหลไปรวมกันนั้นมันมีน้อยที่สุด หลังจากที่เลือกที่จะฝากภาระท้องในยามกลางวันได้แล้ว  ก็ถึงเวลากลับห้องเรียน

หลังจากที่คำนวณเวลาและระยะทางที่เหลือ ถ้าผมกลับเร็วเกินไป มีโอกาศที่เราต้องไปเคลียจัดการกับพวกที่นั่งบนโต๊ะได้เพราะงั้น 

ไม่ต้องรีบร้อนเดินเล่นสบายๆตามทางเดินไปก่อน ผมยังจำได้อยู่เลยเรื่องที่พึ่งเกิดเมื่อสัปดารห์ที่แล้ว

อันนะ ยานามิ เนื่องจากเธอนั้นน่ารักเป็นอันดับต้นๆในชั้น เธอเลยสร้างความแตกตื่นให้พวกผู้ชายคนอื่นๆด้วยความน่ารักของเธอ ผมเลยตั้งปฎิญาณไว้ว่าผมจะไม่ยุ่งเกียวกับเธอ หรือให้ความสนใจกับเธอ

จนวันนั้น ผมอยู่กับเธอในตอนที่เธอนั้นได้ระบายอารมณ์ของเธอออกมาจนหมด  มันนานมากเลยน่ะที่ผมไม่ได้คุยกับผู้หญิงเยอะแบบนี้  ใบหน้าของเธอนั้นสลับไปมาระหว่างหัวเราะ และร้องไห้ ผมเลยถูกดึงเข้าไปสู่วังวลนั้นแบบเดียวกัน

แต่ ยังไงซ่ะเราก็อยู่กัยคนล่ะระดับกับเธอ มันก็แค่เรื่องราวเล็กๆที่จะจบไปหลังจากที่เธอคืนตัง และนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำส่วนเล็กๆของผม

ผทมเเดินเข้าห้องเรียนหลังจาก เช็คว่า อีก30วิ เสียงออดนั้นจะดังขึ้น  “สมบูรณ์แบบ”

…ชิ มันยังมีคนนั่งอยู่บนที่ของผม

คนนั้นก็คือ เรมง ยากิชิโฮะ  จากชมรมกีฬา เธอนั้นเป็นสาวน้อยกีฬาที่มีผิวแทนสุขภาพดี

ผมได้ยินข่าวลือของเธอมาตั้งแต่สมัยม.ต้นแล้ว ด้วยความน่ารักของเธอทำให้เธอนั้นเป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยนั้น ผู้คนมักจะมารวมกลุ่มกันใกล้เธอเสมอ ผมคิดว่า เธอน่าจะไม่ขยับไปจนกว่า ออดนั้นจะดัง ถึงเวลาที่ผมต้องทำอะไรสักอย่าง

ผมเดินไปรอบๆ และผ่านที่นั่งไป จากนั้นก็โยนใบเสร็จที่เตรียมไว้สำหรับช่วงจังหวะนี้ลงถังขยะ พร้อมกันนั้นเสียงออดก็ดังขึ้น 

ถึงเวลาที่ผมจะได้กลับที่นั่งเสียที ผมคงได้แต่คิดว่า ยากิชิโฮะจะกลับไปที่นั่งของเธอ? 

“..?”

ทำไมถึงไม่มีใครกลับไปที่นั่งของตัวเอง อย่าบอกน่ะว่า ผมหันกลับไปมองที่กระดานดำในทันที

— คาบ4 ประวัติศาสตร์ อาจารย์จะมาสาย10นาที ศึกษาด้วยตัวเองไปก่อน—

.ผมคำนวณผิดไป ช่วงนี้เลยกลายเป็นว่าเวลาพักนั้นเลือนออกไปอีก10นาที

เอาไงดีเรา เราหาอะไรทำดี?  ผมได้แต่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากและยืนอยู่หน้ากระดานประกาศ

..อ่ะ กีฬาประจำปีจัดในเดิอนนี้นี่น่ะ ชมรมธนูก็คงเข้าร่วมในปีนี้ด้วยดูรวมๆแล้วก็จะเป็นปีที่3แล้วสิน่ะ พวกเค้านี้เก่งจริงๆ

ผมทำตัวผ่อนคลายลงแล้วหันหน้าไปอ่านบอร์ดประกาศต่อ

พิธีเปิด :22กรกฎาคม  

วอล์เลย์บอลหญิง 22-25 กรกฎาคม 

แข่งพายเรีอ 28-31 กรกฎาคม

“เอาล่ะ เรามากินอาหารกลางวันกันเถอะน่ะ ทั้ง3คน!”

เสียงที่ร่าเริงและสดใสรบกวนสมาธิของผม

นั้นคือเสียงของคาเรน ฮิเมมิยะ

ผมเหลือบมองพวกเค้า คาเรนกำลังคุยกับยานามิและฮากามาดะอย่างมีความสุข รูปร่างหน้าตาที่สดใส บุคลิกที่ร่าเริง ความงานจากภายใน ในระดับที่ไม่ควรปรากฎ ในสากลณโลกแถมยังมาพร้อมกับทรัพสินที่ติดตัวเธอนั้นยังใหญ่โต เอามากๆอีกด้วย….

ยานามิก็ตอบกลับเธอไปด้วยรอยยิ้มอย่างเช่นเคย

…ผมค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับ ยานามิหลังจากเหตุการณ์นั้นแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เป็นไรแล้ว ในที่สุดเรื่องราวก็กลับเข้าร่องเข้ารอย

“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากรบกวนพวกเธอ2คนจริงๆ”

ยานามิพูดเพื่อให้พวกเค้าสบายใจ

“อย่าใส่ใจเรื่องนั้นเลยน่า อย่างไงพวกเราก็เป็นเพื่อนกันน่ะรู้ไหม”

“ใช่ อย่าสนใจเรื่องเล็กๆน้อยเลยน่ะ”

“นายก็เหมือนกัน โซสีเกะ นึกถึงความรู้สึกของคาเรนจังด้วย” 

ยานามิแหย่ฮากามาดะกลับไปอย่างเป็นกันเอง

“นี้ อันนะ”

“มีอะไรหรอคาเรนจัง-”

จู่ๆคาเรน ฮิเมมิยะก็กอดยานามิไว้แน่น

“นี้ มีอะไรหรอ?เป็นอะไรไป”

“ขอบคุณน่ะ อันนะคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน”

เพื่อนรักของเธอเมื่อไม่นานมานี้พึ่งจะเรียก เธอว่า “ยัยนมโต” ลับหลังไปน่ะรู้ไหม?

“ชู่ว คาเรนจัง พวกเรายังอยู่ในชั้นเรียนน่ะรู้ไหม”

ยานามิพูดพร้อมกับตบไหล่คาเรน ฮิเมมิยะ

ก็ยังดีน่ะที่ยานามิ ปล่อยวางเรื่องนี้ไปได้

…หลังจากความโล่งใจผมก็ตระหนักได้ถึงบางสื่งบางอย่าง

ขาของยานามินั้นสั่นเทาเมื่อฮิเมมิยะกอดเธอ นิ้วของเธอนั้นเริ่มซีด นี้เธอใช้แรงไปมากเท่าไรกัน

อุหวา เธอยังไม่ยอมปล่อยเธอเลย

“เอาหล่ะ เราไปกินข้างเที่ยงกันที่โรง-”

“เฮ้ เอ่อ

ฮิเมมิยะกำลังฆ่าเธอด้วยความหวังดี ใบหน้าของยานามิเริ่มซีดลงเรื่อยๆ

ผมไม่สามารถช่วยเธอได้ แต่ผมก็อดใจไม่ได้ที่จะเดินไปหาทั้ง3คนนั้นหลังจากคิดถึงมาดีแล้วหลังจากเห็นเหตุการณ์แบบนั้น

“นี่ ยานามิซัง”

“เอ๊ะ!?”

ทั้ง3คน มองมาที่ผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ

กะไว้แล้ว นี้คือใบหน้าที่ผมได้คิดเอาไว้ ต้องขอโทษด้วยน่ะที่ตัวละครประกอบอย่างผมสนทนากับพวกคุณ

ถึงผมจะหงุดหงิด แต่ผมต้องรักษาคาเรกเตอร์เอาไว้และพูดในสิ่งที่จำเป็นต้องพูดออกมา

“ยานามิซังอย่าลืมที่  อาจารย์อามานัตสึไหว้วานให้คุณไปช่วยเธอที่ห้องถ่ายเอกสารสิ”

“เอะ นั้นสิน่ะฉันต้องไปนี่น่ะ”

ยานามิหนีออกจากฮิเมมิยะด้วยใบหน้าโล่งใจ เธอพยายามนึกอะไรบางอย่างและหันหน้ามาหาผมขณะที่กำลังออกไปจากห้องเรียน

“คือ นุคุมิซึคุงมาช่วยฉันหน่อยได้รึเปล่า?”

/–*

ผมไม่รู้เลยว่าทำไมผมกับยานามิซังถึงได้มาเดินกันบนทางเดินได้ ผมควรจะพูดอะไรดี?

ผมแอบมองท่าทีของยานามิ

อันนะ ยานามิ เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่มีผมฟูเล็กน้อย โดยรวมแล้วเป็นคนที่เต็ไปด้วยพลังของสาวน้อย ดวงตาของเธอตกลงเล็กน้อยแก้มของเธอก็ให้ความรู้สึกไร้เดียงสา นับได้ว่าตัวเธอนั้นมีองประกอบสำหรับคนที่poppular ครบถ้วน

…ผู้หญิงคนนี้รวมๆแล้วนั้นน่ารักจริงๆ ทำไมฮากามาดะ โซสึเกะถึงทิ้งเธอไปน่ะ? นี่เพื่อนสมัยเด็กทั้งคนเลยน่ะมีอะไรบ้างที่เธอขาดไปกัน ?

ถึงแม้ว่าคาเรน ฮิเมมิยะจะดูน่ารักกว่าและหน้าอกของเธอก็ใหญ่กว่าเธอก็ตาม

“มีอะไรติดที่หน้าฉันหรอ?”

ยานามิเอียงหัวอย่างปุปปัปและมองมาที่หน้าของผม

“อ่ะ เออไม่มีอะไรหรอก” 

…แย่ล่ะแบบนี้มันดูสนิทกับเธอไปรึเปล่า

เธอสังเกตุเห็นถึงความตึงเครียดจากผม ดังนั้นเธอจึงปิดระยะห่างของพวกเราด้วยการที่มากระซิบกับข้างหูผม

“นุคุมิซีช่วยฉันเพราะเห็นฉันกำลังลำบากหรอ?”

“เอาหล่ะ ผมคิดว่าผมน่าจะทำในสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป แต่ตอนนั้นหน้าของคุณแย่มากจริงๆ”

“ไม่ๆไม่เป็นไร ขอบคุณน่ะ ฉันแทบจะทนไม่ไหวในการห้ามไม่ให้ตัวเองจับหน้าอกของคาเรนจังไป”

เธอพูดเรื่องเพ้อเจ้อด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“เอาหล่ะ ตอนนี้เราจะไปไหนกัน? คำไหว้วานจากอาจารย์นั้นเป็นเรื่องโกหกใช่ไหม”

“อาจารย์มานัทสึบอกให้เราศึกษาด้วยตัวเองเพราะเธอลืมพิมพ์เอกสารมานี่ใช่ไหม? ในเมื่อเราออกมาแล้วเราน่าจะไปช่วยเธอซ่ะหน่อย”

โคนามิ อามานัตสึ เธอเป็นอาจารย์สังคมศึกษาและยังเป็นครูประจำชั้นของเรา

แม้เธอจะเป็นผู้เชียญชาญเรื่องการมาสายเป็นประจำ แต่ไม่ใช่เพราะว่าเธอนั้นขี้เกลียดหรืออะไร เธอแค่ชอบลืมเอกสารบ่อยครั้ง หรือเข้าห้องผิดบ้างเป็นครั้งคราว

ผมมั่นใจได้เลยว่า 100เปอร์เซ็นจากการที่เธอบอกให้พวกเราเรียนด้วยตัวเองไปก่อน ในครั้งนี้เธอน่าจะลืมเอา เอกสารสำหรับประกอบการสอนเอามาด้วย

หลังจากเปิดประตูห้องถ่ายเอกสาร คนข้างในก็เป็นอย่างที่เราคิด

“อุหวาา เกิดอะไรขึ้นกัน?”

พิ้นและโต๊ะเต็มไปด้วยกระดาษ 

ก็อย่างที่คิดกันเอาไว้ อาจารย์อามานัสสึกำลังใช้เครื่องพิมพ์อย่างน่า อเนจอนาจ เธอเป็นอาจารย์ที่ดูตัวเล็กน่าเอ็นดู ทำให้ดูไม่แปลกเลยในชุดนักเรียน แต่ผมควรจะบรรยายเธออย่างไรดีล่ะ?

“Ara ยานามิ ทำไมถึงมาที่นี้หรอ เธอน่าจะต้องอยู่ที่ชั้นเรี- หวา!”

อาจารย์อามานัสซึ ลื่นล้มจากการเหยียบกระดาษบนพื้น กระดาษนั้นปลิวไปทั่วห้องถ่ายเอกสาร จากที่สังเกตุก็จะรู้ได้เลยว่าเธอนั้นเป็นคนที่ซุ่มซาม จริงๆแล้วเธอมักจะทำให้คนอื่นกังวลในตัวเธอเสมอๆ เลย

“หนูคิดว่าบางที่หนูน่าจะช่วยอาจารย์ออกไปได้ค่ะ”

“ขอบใจน่ะ งั้นช่วยครูพิมเอกสารรายชื่อเพื่อนร่วมชั้นหน่อยสิ”

รายชื่อคนในห้องกำลังกระจัดกระจายไปทั่วพื้น… งั้นแล้วควรเลือกพิมจากอันไหนดีล่ะเนี้ย?

และในที่สุดชั่วโมงการเรียนรู้ด้วยตัวเอง10 นาทีก็ผ่านไปแล้วหลังจากพวกเราทั้งสามคนช่วยกัน

“ครูใช้เวลามากเลยในการเตรียมเอกสาร ตั้งตากันได้เลย”

อันที่จริง อาจารย์อามานัสสึกำลังทำ เอกสารเนื้อหา ผมไปเห็นเนื้อหาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อาจารย์ครับ เนื้อหาอันนี้มันผิดไม่ใช่เหรอครับ? ไม่ใช่ว่าวันนี้พวกเราจะต้องเข้าเนื้อหาของประวัติศาสตร์จีนหรอครับ”

“เฮ้ เฮ้ แม้ว่าครูจะไม่รู้ว่าเธออยู่ชั้นไหน แต่ครูใส่ใจในการสอนเสมอน่ะ เนื้อหาที่จะเรียนของนักเรียนปี2 ในเดือนกรกฎาคมเป็นเรื่องเกี่ยวกับจักรววรดิbyzantine ครูจะสอนพวกเธอในส่วนที่น่ารักในประวัติศาสตร์นี้”

“อาจารย์ กำลังจะไปห้อง1cหรอครับ” 

ผมยังอยู่ในชั้นของอาจารย์น่ะครับ

“เอํะ” 

ซาาาา โน้ตที่อาจารย์ อามานัสซึใช้เวลาทำมาตลอดล้มลงบนพื้น

“ไม่เป็นไร ยังเหลือเวลาอีก40นาที ครูสามารถจัดการได้รอแปปเดียว!”

ในชั่วโมงนั้นก็จบลงที่จุดนี้

อาจารย์อามานัสซึ รีบออกห้องหลังจากที่เธอสะดุดล้ม

…พายุผ่านไปแล้ว พวกเราตกใจกับพฤติกรรมของอาจารย์อามานัสสึ ในขณะที่ยังสามารถคงสติเอาไว้อยู่

“เอาหล่ะ เรามาทำความสะอาดห้องนี้กันเถอะน่ะ”

“อาจารย์อามานัสสึนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ”

แล้วพวกเราก็เริ่มจัดห้องกันอย่างเงียบๆ บรรยากาศข้างในมันค่อนข้างอึดอัด กับการอยู่ในห้องถ่ายเอกสารกับผู้หญิง2ต่อ2 นี้เราควรพูดอะไรดีเนี้ย?

…จำได้ว่าเรามี มีเรื่องที่ต้องคุยกับยานามิสิน่ะ ผมเลยแกล้งอะแฮมและพูดออกไป

“คือว่าน่ะ เกี่ยวกับเรื่องเงินที่ผมจ่ายให้ไปตอนวันศุกร์น่ะ”

“อ่าใช่ๆ โทษทีน่ะแต่ฉันไม่ได้พกกระเป๋าตังติดตัวมาด้วยน่ะ ตอนพักเที่ยงช่วยไปรอที่ทางขึ้นบันไดฉุกเฉินในอาคารเก่าตอนได้ไหมจ่ะ”

“เอะ? อืมตกลง” 

บางที่ทางยานามิเองก็ไม่อยากให้มีคนรู้ว่า ตัวเธอนั้นมาคบค้าสมาคมกับตัวประกอบแบบผมก็เป็นได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่อหน้าคนที่ปฎิเสธเธอไปเมื่อวันศุกร์เลย

แบบนี้ชักจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยแล้วเหะ ทางผมจึงรวบรวมเอกสารและมอบมันให้ยานามิในทันที

แล้วในตอนนั้นยานามิก็พูดขึ้นในขณะที่เธอกำลังเรียงเอกสารอยู่

“…นุคุมิสึคุงก็เห็นเหมือนกันใช่ไหม? 2คนนั้นเริ่มไปเดทกันบ้างแล้ว”

อยู่ๆเธอก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

ผมสามารถเห็นดวงตาของเธอที่หมดอะไรตายยากได้ และทางเธอเองก็เก็บเอกสารต่ออย่างโปรแกรมที่ตั้งค่าเอาไว้

“ใช่ ทางนี้ก็รู้สึกได้เหมือนกัน เอกสารของทางนั้นเก็บหมดแล้วใช่ไหม? ?”

“นายน่าจะได้ยิน ว่าฉันน่ะโดนชวนให้ไปกินข้าวกับพวกเขา? มันมีคนที่ทำตัวปกติได้ในสถาณการณ์แบบนั้นได้ด้วยหรอ?”

เธอจับเอกสารแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“ทั้งคู่กำลัง แกล้งฉันใช่ไหม? หรือพวกเค้าแค่อยากอวดฉันเฉยๆกันแน่??”

ในที่สุดยานามิก็ฉีกกระดาษออก

“ไม่หรอก ผมอยู่กลุ่มเดียวกับฮากามาดะระหว่างทำงานกลุ่มกัน ผมคิดว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง เขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก”

“ใช่นายพูดถูก. โซสึเกะไม่ใช่คนแบบนั้น”

“ใช่.”

“โซซึเกะน่ะเหมือนกับเทวดาเลยล่ะ ฉันยังจำได้เลยว่าฉันได้เห็นเทวดาตัวน้อยเมื่อได้ดูรูปเค้าตอนยังเด็ก เขาน่ารักมากจนสามารถอยู่อันดับต้นๆในsns ได้เลยน่ะ เฮะเฮะเฮะ”

ยานามิ กำลังจมอยู่ในจินตนาอันเฟ้อฝันของเธอ

หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็มองเห็นประกาษไฟสีดำในม่านตาที่เปิดกว้างของยานามิ

“งั้น.. กล่าวอีกนัยหนึ่งคาเรนจังก็คือปีศาจ”

“เอะ”

“เธออยากให้ยอมแพ้ในการเข้าใกล้ผู้ชายของเธอ”

“ผมคิดว่าคุณน่าจะคิดมากเกินไปแล้ว”

“แม้ว้าฉันจะปฎิบัติต่อเธอในฐานะเพื่อนรักแค่ไหน แต่เธอก็กำลังล่อล่วงโซสึเกะด้วยร่ายกายที่ยั่วยวนของเธอ…”

มันทำให้ผมเริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อไม่กี่วันก่อน นี่พวกเธอใช่เพื่อนรักกันจริงๆใช่ไหมเนี่ย?

“ก้อนเนื้อโตโตนั้นมันก็แค่ของไร้ประโยชน์มีดีก็แค่แกว่งไปแกว่งมาเท่านั้นเหละ นุคุมิสึคุงก็คิดเหมือนกันใช่ไหม?”

อย่าให้ผมเออ ออไปกับอะไรแบบนั้นสิในสายตาของผมสิ่งนั้นมันคือความหวังและความฝันเลยน่ะ พระเจ้าครับ อาจารย์ครับช่วยกลับมาพาผมออกไปก่อนได้ไหม?

แต่แล้วทันใดนั้นประตูก็เปิดออกในขณะที่ผมกำลังเอื้อมมือออกไปขอความช่วยเหลือ

“ขอบคุณพระเจ้า อาจารย์ครั-”

“สรรเสริญแก่ไบแซนเทียมมมม!”

อาจารย์อามานัสซึกลับมาอย่างตื่นเต้น ผมรู้สึกแย่ในสิ่งที่ผมได้เห็นไป

“มีอะไรหรอคุณครู”

“ลองคิดดูสิ ครูไม่ได้เตรียมเนื้อหาสำหรับนักเรียนปี1ด้วยซ้ำ ครูก็เลยวางแผนที่จะนั่งเรียนใหม่หมดเลย”

ทำไมถึงพูดอะไรแบบนั้นได้ทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่? คนนี้ใช่คนที่ทำงานในสังคมเราอยู่ใช่ไหม?

“ตอนนี้ครูได้รู้แล้วว่าครูยังสามารถแนะนำจุดเจ๋งของ byzabtium ให้กับเด็กปีแรกได้เพราะงั้นเรากลับห้องเรียนกันดีกว่า”

“อาจารย์ครับ ช่วยให้ความสำคัญกับนักเรียนในชั้นเรียนของคุณด้วย”

ทำไมตอนนั้นผมถึงต้องการคนแบบนี้ช่วยกัน?

“ครูของคุณกำลังเตรียมเนื้อหาเจ๋งๆสำหรับสอนปี2อยู่ คุณรู้ไหม?”

“แค่ใช้เนื้อหานี้ประกอบในตอนเรียนด้วยแล้วล่ะก็ พนันได้เลยว่าทางครูเองก็สามารถสอนมันได้ดีสุดๆ”

“เอะ !แต่ว่ามันจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมถ้าครูเองก็ไม่เตรียมอะไรไว้บ้างเลย?”

“นั้นสิน่ะไม่เป็นไรหรอก มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเตรียมหรือไม่เตรียม แค่ฉันทำมันออกมาก็พอ”

ความมั่นใจครึ่งๆกลางๆของอาจารย์ดูเหมือนจะเป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้กับ อาจารย์อามานัสซึ ตอนนี้เธอนั้นกำหมัดเล็กๆของเธอไว้แน่น

“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันต้องพยายามแม้ว่าฉันจะไม่ได้เอาหนังสือเรียนมาก็ตาม”

“ไม่ ล่ะครับ ช่วยเอาหนังสือเรียนมาด้วยเถอะครับ”

“เธอนี้เป็นคนดีจริงๆ สมกับเป็นนักเรียนของฉันแต่ถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปได้แล้วล่ะเพราะตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่จะเรียนกันแล้วน่ะ”

“ผมเป็นคนในห้องของคุณน่ะครับ” 

…อาจารย์ครับ ผมขอกลับเลยได้ไหม? ผมเหนื่อยแล้วกับอะไรแบบนี้

.